29 มี.ค. 2022 เวลา 07:10 • ไลฟ์สไตล์
สุนทรีย์ของความโดดเดี่ยว
ความงดงามของชีวิตโดยปราศจากพันธนาการ
ก่อนอื่นเลยขอกล่าวถึงหัวข้อที่นำมาเขียนบทความ เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่ผู้รู้มาก ผู้รู้จริง และผู้รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ ว่า ไอ้คำว่า "สุนทรีย์" นี้มันเขียนให้ถูกอย่างไร ความหมายนั้นเล่าคืออะไร
"สุนทรี" เฉย ๆ ไม่มี ย.ยักษ์ การันต์ แปลว่า หญิงงาม, นางงาม, หญิงทั่วไป (คำนาม)
ส่วน "สุนทรีย์" ตามความเข้าใจของผม (ผู้รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ) น่าจะมาจากคำว่า "สุนทรียศาสตร์" ที่แปลว่า วิชาปรัชญาสาขาหนึ่งว่าด้วยความงาม และสิ่งที่งามทั้งในงานศิลปะ และในธรรมชาติ
นำมาลดรูป แบบคำว่า "วิทยาศาสตร์" ที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วิทย์" จาก "สุนทรียศาสตร์" จึงเรียกกันย่นย่อเข้าว่า "สุนทรีย์" ซึ่งน่าจะแปลว่า ความงามในความรู้สึกทั้งในงานศิลปะ และในธรรมชาติ หรือสิ่งรอบตัว สภาพแวดล้อมที่งดงาม เช่น อารมณ์สุนทรีย์ เป็นต้น
สำหรับผม ผมพอใจกับชีวิตในปัจจุบันของตนเอง โดยไม่ต้องมีคู่สมรส ดำรงอยู่โดยการปราศจากคนรัก การไร้ซึ่งคู่ชีวิต คู่คิด คู่ทุกข์ยาก ยินยอมและยินดีอยู่ในสถานะโสด มีความสุขกับการอยู่ตัวคนเดียว โดยที่คนส่วนหนึ่งปรามาสว่า "คนอย่างมึง ไม่น่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้ายังไม่คิดจะมีเมีย"
คำว่า "ประสบความสำเร็จในชีวิต" ของผมนั้น คือเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ที่เป็น ผมไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนให้มีเงินร้อยล้านพันล้าน ไม่ต้องหิวแสงเสาะแสวงหาบารมีการมีชื่อเสียง ถ้ามันต้องแลกมาด้วยความเครียด ความกดดัน การทำร้ายตัวเองทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ บางทีก็สร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว รวมถึงเดือดร้อนด้านการเงิน ที่ควรเอาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า
โชคดีที่ บุพการี ญาติพี่น้อง และผู้มีพระคุณทุกท่านไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เดือดร้อนกระเป๋าตังค์มาให้ต้องเป็นห่วง หากเพียงแต่เจ็บไข้ได้ป่วยประการใดก็ส่งข่าวหากัน เพื่อจะได้ไปเยี่ยมเยียน แบ่งปันน้ำใจให้รู้สึกอบอุ่น
ตื่นเช้ามาเวลาตีห้า หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน ผมมีเวลาจิบกาแฟร้อน แล้วอ่านข่าวที่น่าสนใจ ฟ้าสางแล้วก็ไปตลาด โดยปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังกายไปในตัวเพื่อไปนั่งกินโจ๊กเจ้าประจำ
สาย ๆ หน่อย หลังจากทำกับข้าวให้ลุงกับป้า รวมทั้งให้ข้าวหมาเรียบร้อย อาบน้ำเสร็จ ผมก็แวะไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้างว่าบิทคอยน์ขุดไปได้เท่าไหร่แล้ว หลังจากนั้นก็มานั่งทำงาน งานของผมไม่มีกะเกณฑ์ว่าจะต้องเสร็จเมื่อไหร่ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะมาบังคับ เพียงแค่มีวินัยกับความรับผิดชอบ ทุกอย่างก็ราบรื่นมาโดยตลอด
บ่าย ๆ หลังจากกินกลางวันเสร็จ ก็พักสายตางีบสักนิด (การนอนกลางวันแต่พอดี ส่งผลดีต่อร่างกาย) หรือไม่ก็เปิดแอพพลิเคชั่น Blockdit เพื่อทำกิจกรรม ถ้าไม่มีเหตุการณ์ด่วนเฉพาะกิจ ก็นั่งทำงานต่อ
สี่โมงเย็นทำกับข้าว อาบน้ำให้หมา รดน้ำต้นไม้ ออกไปปั่นจักรยานรอบหมู่บ้าน เจอใครก็ทักทาย ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนในชุมชน เพราะไม่ใช่คนที่นี่โดยกำเนิด บางทีก็แอบมีเล่นเปตองบ้างขำ ๆ เดิมพันกันด้วยไวตามิลค์ ทูโก หนึ่งขวด
ค่ำมาก็อาบน้ำ กินข้าว ดูข่าว ดูคลิปที่น่าสนใจ เขียนบทความบ้างถ้านึกอยากเขียนอยากทำ ก่อนนอนก็เช็คบิทคอยน์อีกรอบ ดื่มนมหรือน้ำผลไม้ แปรงฟัน แล้วก็นอน
วัน ๆ หนึ่งผมมีกิจวัตรประจำแบบนี้ ซึ่งสำหรับตัวผม ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีใครมาคอยช่วยดูแล คอยจัดแจงชีวิตให้ ผ้าผ่อนผมก็ซักเองได้ ตากเองได้ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยสักนิด หนำซ้ำผมคิดว่าตัวเอง ยังรีดผ้าได้ดีกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก
การมีอิสระเสรี คือความสุนทรีย์อย่างหนึ่งในชีวิตของผม ผมให้ความสำคัญกับคำ ๆ นี้มาก
สมัยก่อนที่ยังดื่มเหล้าเมาโต้รุ่ง ผมเห็นเพื่อนจำนวนไม่น้อยที่มีชีวิตคู่ ประสบปัญหาในการใช้ชีวิตแบบมีอิสระ
เย็นย่ำก็ตั้งวงองค์ประชุมอยู่ครบ สามทุ่มเพื่อนบางคนต้องขอตัวเพราะแฟนโทรตาม สี่ทุ่มแขกไม่ได้รับเชิญก็ลักพาตัวเพื่อนบางคนกลับไปอีก ด้วยเหตุผลที่ต้องยอมจำนนว่า "เมียมาตาม" เที่ยงคืนเหลือกันอยู่เพียงสองสามคน เหตุเพราะที่เหลือนั้นต้องกลับบ้าน "พรุ่งนี้ต้องไปส่งลูกที่โรงเรียน"
ส่วนไอ้พวกที่เหลืออยู่สองสามคนน่ะ ไม่มีใครเอาบ้าง หรือไม่ก็ ไม่คิดจะเอาใคร ทีนี้ก็ร่ำสุรากันยันเช้าสิครับ ขนาดว่าใส่บาตรพระเสร็จแล้ว ยังมานั่งกินกันต่อ เพราะไม่มีห่วง ไม่มีพันธะใด ๆ ตั้งวงที่ไหน เลิกกินแล้วหรือไปต่อไม่ไหวก็นอนที่นั่น
หรือวันดีคืนดี เพื่อนฝูงชวนไปออกทริปขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเหนือล่องใต้ พักค้างอ้างแรมตรงไหน ก็ทำได้เสรี เพียงแค่โทรบอกป้าเสียหน่อยว่าจะกลับวันไหนตามมารยาท เพราะเราเป็นเพียงผู้อาศัย ต้องให้เกียรติกัน
หรือนึกอยากจะซื้ออะไรก็แล้วแต่เพื่อสนองตัณหา เติมเต็มความฝันในแบบผู้ชาย ๆ เช่นเครื่องเล่นเกม PS5 (แต่ว่ารอราคาลงอีกสักนิด) ก็ไม่จำเป็นต้องปรึกษาหรือขออนุญาตใครอะไรทั้งสิ้น อีกประการหนึ่ง เงินที่จะซื้อนั้น ผมเป็นคนหามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ ไม่ได้แบมือขอใคร
ผมไม่เคยเหงา ไม่เคยต้องการเพื่อนคู่คิด ตั้งแต่เล็กจนโต คิดเองตัดสินใจเองมาโดยตลอด ต้องขอบพระคุณพ่อแม่ของผม ที่ให้อิสระทางความคิด อะไรที่ผมตัดสินใจจะลงมือทำ ถ้าท่านพิจารณาดูอยู่ห่าง ๆ แล้วว่าสามารถทำได้ไม่เดือดร้อนคน สิ่งของ สังคม และไม่ผิดกฎหมาย ก็จะปล่อยให้ทำ
ทุกวันนี้ผมไม่ได้หลอกตัวเองว่า "ชีวิตกูมีความสุขที่สุดแล้ว" หากแต่ผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
ในสายตาใครหลายคนอาจมองว่าไม่สมบูรณ์แบบ แต่สำหรับตัวผม "ยินดีในทุกสิ่งที่ได้และพอใจในทุกสิ่งที่มี" แค่นี้ก็สุนทรีย์มากเกินพอ.. .
ขออภัยท่านผู้รู้จริงไว้ ณ ที่นี้ด้วย สำหรับความหมายและความเข้าใจของผมกับคำว่า "สุนทรีย์" หากผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด คอมเม้นท์บอกได้เพื่อเป็นความรู้ครับผม
โฆษณา