Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Epizte (เอพพิซเต้)
•
ติดตาม
30 มี.ค. 2022 เวลา 05:00 • การ์ตูน
ร้านหนังสือการ์ตูนที่ปัจจุบันเริ่มหายาก และปิดร้านกันไปเยอะ สังเกตง่ายๆ เราจะไม่ค่อยเห็นร้านเช่าหนังสือกันแล้ว แถมโดนเทคโนโลยีเข้ามาเอื้ออำนวยความสะดวกในการอ่านหนังสือจากแอปพลิเคชัน ทำให้เราห่างไกลจากการอ่านหนังสือการ์ตูนแบบเป็นเล่มมากขึ้น แต่พอได้ไปพูดคุยกับคุณตุ๊กติ๊ก - วรินทร เจ้าของร้านหนังสือการ์ตูนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่มีชื่อร้านว่า ตุ๊กติ๊กบ้านการ์ตูน ก็รู้สึกได้เลยว่าธุรกิจนี้น่าสนใจไม่เบา แถมหนังสือการ์ตูนมีเสน่ห์ในตัวเองค่อนข้างมาก
จุดเริ่มต้นของการมาเปิดร้านหนังสือการ์ตูน
คุณตุ๊กติ๊ก - วรินทร เล่าว่าตนเอง “เป็นคนจังหวัดขอนแก่น แล้วคุณพ่อของลูกๆ เค้าทำงานในวงการหนังสือ ตอนแรกจะไปเปิดร้านที่นครสวรรค์ แต่มาชอบบรรยากาศที่เชียงใหม่มากกว่าเลยมาเปิดร้านที่นี่ ตอนแรกก็มี 2 ห้อง ตอนนี้ขยายเป็น 3 ห้อง เปิดมาได้ 25 ปีแล้วค่ะ”
“ทำไมต้องเป็นร้านหนังสือการ์ตูนคะ” เพราะว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ก็เลยลองอ่านหนังสือการ์ตูนดู พออ่านแล้วก็มีความรู้สึกว่าชอบนะบางทีการ์ตูนก็ไม่ได้ว่าจะไร้สาระ เพราะการ์ตูนบางเรื่องก็มีสาระอยู่ในนั้น อย่างลูกสาวเค้าเคยไปผ่าตัดแต่ว่าก่อนหน้านั้นเค้าเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง ด๊อกเตอร์ เค มาแล้ว พอผ่าตัดปุ๊บเค้าก็บอกว่ามันเหมือนในการ์ตูนที่อ่านทุกอย่างเลย หรือหนังสือการ์ตูนที่เกี่ยวกับทำอาหาร ก็มีเชฟบางคนเอาไปปรับใช้กับร้านของตัวเองเพื่อให้เป็นจุดขาย ซึ่งบางคนก็ได้จุดเริ่มต้นมาจากหนังสือการ์ตูน
“ทำมา 25 ปีจำเป็นต้องอ่านทุกเล่มในร้านไหมคะ”
ไม่ค่อยเน้นอ่าน ส่วนมากจะฟังเอาหรือถ้าเรื่องนี้ดังมากๆ ก็จะไปดู เพราะเราต้องรู้จักหนังสือแต่ละเล่มด้วย อย่างเช่นเวลามีลูกค้ามาถามว่า มีหนังสือการ์ตูนแนวสอบสวนไหม หรือแนวฆาตกรรม บางครั้งถ้าเราไม่รู้เราก็จะถามลูกค้าบ้างว่าทำไมถึงชอบอ่านเรื่องนี้ เนื้อเรื่องมันเป็นยังไงหรอ คือเราต้องมีความใส่ใจในเรื่องนี้ด้วย เพราะบางครั้งลูกค้าเดี๋ยวนี้ไม่ถามชื่อเรื่องละ แต่ถามตัวละครแทน มาถามเป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง หรือมาถามถึงคนเขียนเพื่อที่อยากติดตามผลงานของเขาต่อ ในฐานะที่เราเป็นร้านขายหนังสือการ์ตูนเพราะฉะนั้นเราก็ทำตัวให้รู้ทัน ว่าแนวโน้มมันเป็นอย่างไร เทรนตอนนี้เป็นอย่างไร
“ทำธุรกิจร้านหนังสือแบบนี้ต้องมีใจรักด้วยใช่ไหมคะ”
ก็ต้องมีใจรักด้วยค่ะ เพราะใจไม่รักเราก็จะกลายเป็นไม่สนใจ พื้นฐานของการทำธุรกิจก็ต้องมาจากใจรักแหละ ถ้าเราคิดแค่ว่าธุรกิจนี้จะทำเงินให้เราแล้วกระโดดลงไปเล่น แต่ไม่ได้เอาใจใส่หรือขาดความเข้าใจ ก็อยู่ได้ไม่นานค่ะ
เสน่ห์และจุดเด่นของร้านตุ๊กติ๊กบ้านการ์ตูน
สโลแกนของเราคือ “คิดถึงหนังสือการ์ตูนให้คิดถึงตุ๊กติ๊กบ้านการ์ตูน” ถ้าเข้ามาแล้วอยากได้หนังสือการ์ตูนเล่มไหนเค้าต้องได้ ถ้าเราไม่มีเราจะหาให้สุดความสามารถ เรามีหนังสือการ์ตูนครบทุกสำนักพิมพ์ และจัดวางเป็นหมวดหมู่ของแต่ละสำนักพิมพ์ ทำให้เดินชมหนังสือได้ทั่วถึง และสามารถหาหนังสือการ์ตูนได้ง่ายขึ้น บวกกับการที่เราชอบคุยกับลูกค้า จะจำลูกค้าได้ทุกคน ว่าเค้าชอบอ่านเรื่องแนวไหนเวลามีเล่มใหม่ๆ เข้ามาก็จะเตือนเค้าเสมอว่าเล่มนี้เข้าแล้วนะ หรือบางครั้งก็มีลูกค้าเดินเข้ามาคุยเล่นด้วยเฉยๆ ไม่ได้เข้ามาซื้อหนังสือ ก็เหมือนเราสร้างความเป็นกันเองให้กับลูกค้า นอกจากนั้นลูกค้าที่สั่งซื้อออนไลน์ เรายังจัดส่งให้ราคาตามจริงไม่มีบวกเพิ่มค่ากล่องหรือบับเบิ้ล เพราะถือว่าเป็นบริการจากทางร้านค่ะ
ยุคสมัยและการปรับตัวของธุรกิจร้านหนังสือการ์ตูน
สมัยก่อนเคยขายโคนันได้ 2,000 เล่ม ตั้งแต่ราคาเล่มละ 35 บาท สมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลนะคะ ขายเฉพาะหน้าร้านเท่านั้น พอเริ่มมีโซเชียลเข้ามา มีอินเทอร์เน็ต คนก็หันไปอ่านเถื่อนกัน ทำให้ดาวน์ลงมามากเลย “ช่วงที่ดาวน์คิดจะปิดร้านไหมคะ” ไม่ค่ะ เพราะส่วนตัวเราคิดว่าการ์ตูนมันไม่ตาย เพราะว่าการ์ตูนคืออุตส่าหกรรมส่งออกของญี่ปุ่น เค้าคงไม่ปล่อยให้อุตส่าหกรรมนี้ตายลงไป อีกอย่างเราเชื่อมั่นในตัวของหนังสือการ์ตูนด้วย และเราก็มีใจรัก ขอแค่เราประคับประคองปรับตัวให้ได้ ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ให้ได้
“เลยทำให้มาเปิดเพจขายหนังสือการ์ตูนใช่ไหมคะ” จริงๆ ร้านเราเปิดเพจมานานแล้วค่ะ ก่อนที่คนจะหันมาเล่นโซเชียลมากขึ้น เพราะเราเปิดเพจตั้งแต่สมัย Facebook ยังไม่บูม เมื่อก่อน IG จะบูมก่อนใช่ไหมคะ แต่ลูกค้าไม่ได้อยากดูใน IG เราเลยเปิดเพจใน Facebook แล้วคอยๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการขายหนังสือการ์ตูนออนไลน์ด้วย เราพยายามเพิ่มช่องทางให้กับลูกค้า
ช่วงที่มีโควิดเข้ามา 2 ปี ทุกคนอยู่บ้านก็เบื่อ เค้าก็หันมาดูหนังกันแล้วช่วงนั้นมันมีอนิเมะ เรื่องดาบพิฆาตอสูรมันดังมาก คนก็กลับมาซื้อหนังสือการ์ตูนกัน บวกกลับเมื่อก่อนที่เว็บเถื่อนมีเยอะทำให้หลายๆ ร้านปิดไป กลายเป็นเหลือร้านเราที่ยังเปิดอยู่ ห้างก็ปิดคนก็ไม่รู้จะไปตามซื้อที่ไหน เค้าก็เลยหาว่าร้านไหนมีขายออนไลน์บ้าง เลยทำให้ช่วงนั้นเพจก็เริ่มมีคนเข้ามากดติดตามมากขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าโควิดดีนะ แต่ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส เราก็ปรับตัวกับสถานการณ์ให้ได้ ไม่ว่าจะช่วงที่ร้านถึงจุดพีคหรือจุดที่ดาวน์ลงมาเราต้องปรับตัวให้รู้ทันยุคสมัยด้วย
“พอหนังสือการ์ตูนกลับมาเป็นที่นิยมราคาสูงขึ้นด้วยไหมคะ”
ตอนนี้ราคามาตรฐานอยู่ที่เล่มละ 90 บาท แพงสุดก็เล่มละ 275 บาท แต่เป็นภาพสีนะคะ ซึ่งก็แล้วแต่ทางสำนักพิมพ์เค้าจะตั้งราคามาค่ะ อีกอย่างเป็นการคัดกรองคนซื้อด้วย หนังสือการ์ตูนแต่ละเล่มจะมีเรทอายุและราคาที่สูงตามอายุ เพื่อที่จะกันเด็กให้ไม่เข้าถึงเนื้อหาที่ควรจะหลีกเลี่ยง
ไม่ว่าวัยไหนก็อ่านหนังสือการ์ตูนได้
ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าหนังสือการ์ตูน เข้าถึงทุกช่วงวัยเลยค่ะ พอเทรนมันเปลี่ยนบางครั้งพ่อแม่ลูกดูการ์ตูนอนิเมะด้วยกัน เลยพากันมาซื้อหนังสือการ์ตูนไปอ่านกัน หรือเก็บสะสมไว้ ซึ่งถ้าเป็นผู้ใหญ่หน่อยเค้าก็อาจจะชอบอ่านการ์ตูนจีน วัยรุ่นมาเค้าก็จะชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับสายอาชีพ เด็กๆ ก็จะอ่านเกี่ยวกับพวกฮีโร่ ไม่ว่าจะวัยไหนก็อ่านหนังสือการ์ตูนได้ค่ะ
“คิดเห็นอย่างไรกับคำที่ว่าโตแล้วยังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่หรอ”
คิดว่าสมัยนี้มันใช้คำนี้ไม่ได้แล้ว แต่มันจะกลายเป็นว่า “ทำไมไม่เคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้หรอ ไปอยู่ที่ไหนมา” คือคำนี้จะกลับมา เพราะตอนนี้ทุกวัยก็หันกลับมาอ่านหนังสือการ์ตูนมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะ Netflix ด้วย ที่ทำให้การ์ตูนกลับมามีชีวิตพอมันดังขึ้น กลายเป็นวงจรค่ะ เช่น พอคนดูอนิเมะจบก็อยากที่จะมาหาหนังสือการ์ตูนเก็บไว้สะสม หรือว่าซื้อไปอ่าน
อยู่กับหนังสือการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก
“หนังสือการ์ตูนเล่มโปรดคือเรื่องอะไรคะ” หนังสือการ์ตูน คําสาปฟาโรห์ อ่านมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยอยู่ป.6 แต่ตอนนี้เค้าก็ยังไม่จบนะ มี 66 เล่ม แล้วตอนนี้
“ตัวละครที่ชื่นชอบคือใครคะ” ชอบ ผู้การรีไวล์ ในเรื่อง ผ่าพิภพไททันค่ะ (ยิ้ม)
“ช่วยแนะนำหนังสือการ์ตูนให้หน่อยได้ไหมคะ”เรื่องดาบพิฆาตอสูรค่ะ เพราะอ่านได้ทุกวัยจริงๆ 23 เล่มจบ แล้วเด็กๆ ก็ชอบแต่งตัวตามใส่เสื้อคลุมดาบพิฆาตอสูรไปโรงเรียน แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ดังจริงๆ และเข้าถึงคนได้เยอะมาก
บริหารจัดการโดยไม่มีเทคโนโลยี
ระหว่างที่เราพูดคุยกับคุณตุ๊กติ๊ก มีลูกค้าเดินเข้ามาถามหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่ง คุณตุ๊กติ๊ก กลับตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคีย์ข้อมูลเช็คสต๊อก ทำให้เราเกิดข้อสงสัยเลยถามไปว่า “ที่ร้านมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยไหมคะ เช่นคีย์ข้อมูลหาหนังสือ” คุณตุ๊กติ๊ก ตอบว่า “ไม่มีค่ะ ก่อนหน้านี้เคยใช้แล้วแต่มันไม่โอเคเท่าไหร่ ช้าแล้วทำให้ลูกค้าต้องต่อแถวยาวเวลาคิดเงิน เคยจัดล็อกหนังสือตามตัวอักษร หมวดหมู่แล้ว เพื่อคีย์ข้อมูลแต่กลับกลายเป็นว่าเราต้องคอยย้ายหนังสือไปมา หรือบางครั้งก็โดนย้ายด้วยตัวลูกค้าเอง เราเป็นธุรกิจครอบครัวไม่ได้มีลูกจ้าง ก็เลยกลับมาใช้วิธีเดิมดีกว่า ช่วยกันจำแล้วถามกันว่าเล่มนี้มีไหม อยู่ตรงไหนของร้าน อะไรแบบนี้ก็ง่ายและรวดเร็วดี” แต่ถ้าพอถึงรุ่นลูกเค้าอยากใช้โปรแกรมอะไรเข้ามาช่วยก็ให้เค้าตัดสินใจเลือกเองค่ะ
“มองธุรกิจร้านหนังสือการ์ตูนในอนาคตไว้อย่างไรคะ”
นอกจากจะเป็นร้านหนังสือการ์ตูนที่ใหญ่แล้ว อยากให้เป็นจุดเช็กอินของเชียงใหม่ เช่นถ้าคิดถึงหนังสือการ์ตูนต้องมาที่ร้านตุ๊กติ๊กบ้านการ์ตูนนะ เพราะเคยมีลูกค้าที่ซื้อหนังสือทางออนไลน์ไป แล้ววันหนึ่งเค้ามาเที่ยวที่เชียงใหม่ เค้าก็โทรมาถามว่าร้านอยู่ที่ไหนอยากไปที่ร้าน พอเค้ามาก็บอกร้านใหญ่จัง ชอบมากเลย ก็เลยเป็นที่มาของไอเดียนี้ค่ะ
หลังจากที่ได้พูดคุยกันจบแล้วเราก็เดินไปดูหนังสือการ์ตูนรอบๆ ร้าน ต้องบอกเลยว่าร้านใหญ่มากจริงๆ ค่ะ แถมยังมีหนังสือน่าอ่านเยอะไปหมด จนเราตัดสินใจซื้อมาอ่านเอง 3 เล่ม ด้วยความคิดที่ว่าอยากลองย้อนวัยไปจับหนังสือการ์ตูนอีกครั้ง
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก ร้านตุ๊กติ๊กบ้านการ์ตูน
ติดตามเพจร้านได้ที่ :
https://www.facebook.com/TukTikKartun/
#epizte #เอพพิซเต้ #ตุ๊กติ๊กบ้านการ์ตูน #ร้านหนังสือการ์ตูน #การ์ตูน #ดาบพิฆาตอสูร #วันพีช #รีวิวเชียงใหม่
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย