6 วิธี เพื่ออยู่รอด ในยุคที่เปลี่ยนแปลงไวที่สุด
ในยุคที่เทคโนโลยี เปลี่ยนแปลง และพัฒนาไปเร็วจนน่าทึ่ง
ขนาดที่เกิดวิกฤติโควิด-19 จากความเชื่อที่ว่าคนเราต้องเข้าไป office เพื่อทำงาน
แต่ด้วยเทคโลยีดิจิทัล ก็ทำให้หลายๆคน ทำงานจากที่บ้านหรือ work from home ได้ และในอนาคตก็อาจเปลี่ยนเป็น work from anywhere แบบว่าซื้อตั๋วบุฟเฟ่ต์ #AirAsia แล้วก็บินไปทำงานจากที่ไหนในโลกก็ได้
หากใครเคยอ่านบทความจาก Wait but why (ดูรูปใน comment) คิดภาพเส้นกราฟแสดง การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เทียบกับเวลา...ตอนนี้ เราเหมือนกำลังยืนอยู่บนเส้นกราฟ ที่ความชันของกราฟ กำลังไต่ขึ้นอย่างรวดเร็วแบบสุดๆ ไปเลย
หากเรามองย้อนอดีตไป อาจบอกว่า มันไม่เปลี่ยนเร็วขนาดนั้นหรอก แต่บางทีอาจหารู้ไม่ว่า อนาคตวันข้างหน้า เราอาจตกกราฟไปแล้ว...ถ้าไม่รีบปรับตัว!
บทความนี้แอดมินเลยสรุป 6 วิธี เพื่ออยู่รอด ในยุคที่เปลี่ยนแปลงไวที่สุด ที่บรรยายโดย อ.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เอาไว้ก่อนที่จะมีโควิด-19
แต่แอดมินคิดว่า ทั้ง 6 หัวข้อ ยังสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง
หากพร้อมแล้ว เราไปติดตามกันเลย
=========================
เปรียบเทียบและจองขนส่งระหว่างประเทศ กับ ZUPPORTS
ลงทะเบียนรับทดลองใช้ฟรี ที่ zupports.co/register
=========================
1) Focus on what you need
อ.ชัชชาติ ยกตัวอย่างหนังสือ สำหรับคนที่เล่นกล้าม เรื่อง "Bigger Stronger Leaner" ซึ่ง มีประโยคเด็ดคือ "Eat what you need, not what you want" คือ ทานเฉพาะ สิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากกิน
อีกตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก ก็คือ "เอลิอุด คิปโชเก้" ชายผู้ที่วิ่งมาราธอน ได้เร็วที่สุด เท่าที่มนุษยชาติ เคยมีมา...
โดย คิปโชเก้ กล่าวเอาไว้ว่า "คนที่มีวินัยเท่านั้น ถึงจะมีอิสระในชีวิต ถ้าคุณไม่มีวินัย คุณจะตกเป็นทาสของอารมณ์ และ Passion"
ลองคิดภาพเพิ่มเติมว่า ให้คิดภาพชีวิตของเราเป็น โถแก้ว เปล่าๆ โถหนึ่ง หากใส่มัวแต่ใส่ทรายลงไป ก็คงไม่มีที่ว่างพอสำหรับหินก้อนใหญ่
เม็ดทรายก็เหมือนสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเราทุกวัน หากเราไปตอบรับ ทุกสิ่ง อาจทำให้เราพลาดที่จะเลือกหยิบก้อนหินก้อนใหญ่ คือ เรื่องใหญ่ที่สำคัญกับชีวิตเราจริงๆ ก็เป็นได้
สิ่งที่เราต้องโฟกัสให้ดีที่สุด ก็คือ การใช้ "เวลา" ของตัวเราเอง
2) Stay Relevant
เชื่อว่าหลายๆ คน อาจเคยทราบเรื่อง ป้ายของบริษัทเฟสบุ๊ก ที่ด้านหน้าของป้าย มี ไอคอน กด "ไลค์" อันโด่งดัง แต่ด้านหลังป้ายหินดังกล่าว มีโลโก้ของ บริษัท Sun Microsystem บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ที่ปรับตัวไม่ทัน จนต้องปิดกิจการไป
มีไว้เตือนใจพนักงานเฟสบุ๊ค ว่าหากปรับตัวไม่ทัน ไม่เข้าบริบทของโลกธุรกิจ ก็จะต้องกลายเป็น อย่าง Sun Microsystem
โลกปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อายุไขเฉลี่ยบริษัทลดลง การเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจทำให้ "ชนชั้นกลาง" กลายเป็น ชนชั้นที่ไร้ค่า กลุ่มแรงงาน พนักงานบริษัท ที่เงินเดือนสูง คือเป้าหมายที่จะต้องถูกแทนที่ด้วย AI
การเรียนรู้ปัจจุบัน ต้องเป็นแบบตัว T คือ "รอบรู้" ในหลายสาขาวิชา และ "รู้ลึก" ในวิชาที่ตัวเองถนัดมากๆ
และ อ.ชัชชาติ เน้นให้เริ่ม Collect Dots คือ สะสม หาความรู้ ให้มาก เพื่ออนาคต จะได้สามารถเอา Connect the Dots หรือเชื่อมต่อ นำความรู้ และทักษะ ที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้
3) Visualize the future
บางคนบอกไม่ใช่หมอดู จะรู้อนาคตได้อย่างไร แต่ อ.ชัชชาติ แนะนำว่า อนาคต จริงๆ แล้วมันอยู่ตรงหน้าเราแล้ว (The Future is here) แต่มันยังกระจาย "ไม่ทั่วถึง"
ให้เราลองพยายามมองดูเหตุการณ์ รอบๆตัวเรานี่แหล่ะ แล้ว "คิดให้มาก" ตัวอย่างเช่น งานช้อปปิ้งวันคนโสด 11.11 ที่ผ่านมา ใครน่าจะเป็นผู้ชนะ
เหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี จากวันที่ฟังบรรยาย เราได้เห็นแล้ว ว่าบริษัทขนส่งกลายเป็นไม่มีใครเป็นผู้ชนะ Kerry จากกำไรดีมากๆ ในวันนั้น กำไรวันนี้ก็ไปดูกันเอาเอง
Shopee, Lazada ที่เคยยอมขาดทุนหนักๆ เรียกลูกค้าให้เข้ามาใช้แพลตฟอร์ม ตอนนี้ก็กลับด้านเริ่มทำกำไรแล้ว
คือ ถ้าเราคิดวิเคราะห์ดีๆ ถึงภาพธุรกิจภาพการแข่งขัน หรือหันไปดูตลาดโลกบ้าง ก็จะพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อนาคตมัน "อยู่ตรงหน้า" แล้วจริงๆ
4) Find your strength
โลกอนาคต จะเป็นอย่างไร? ข้อนี้ อ.ชัชชาติ มองว่ายังไงคนก็ยังต้องกลับมาโลกออฟไลน์ คือยังต้องกินอาหาร (โมเลกุล) รู้อย่างนี้หากมองไทย สิ่งที่เราทำได้ก็ต้องทำโลกออฟไลน์ให้เข้มแข็ง!
ลองคิดภาพ หากเราเอาสิ่งดีๆ จากชุมชนที่เข้มแข็ง ไปจับมือกับเทคโนโลยีดิจิตอล จะเกิดอะไรขึ้น!!
ข้อนี้เป็นโอกาสของคนที่มองเห็น
5) Trust
ข้อนี้ สั้นๆ แต่สำคัญสุดๆ
เกิดเป็นคนสำคัญที่สุด คือ "ความไว้ใจ" (Trust) รักษาเอาไว้ให้เท่าชีวิต
6) Empathy
ยิ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว ความเหลื่อมล้ำก็เพิ่มสูงขึ้น โดยโอกาสจะไปอยู่กับคนที่เข้าถึง เทคโนโลยี
ยิ่งโลกเราไปนิยมการ "Selfi" คือ สนใจเรื่องตังเอง แต่เราได้หันมามองคนรอบตัวไหม
อ.ชัชชาติ ยกตัวอย่าง โรงเรียนในสลัมคลองเตย ยังดีที่มีเห็นอกเห็นใจ ดูแลเด็กๆ
Empathy คือ "I feel how you feel" คือ "ฉันรับรู้และเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร"
ไม่ใช่ Sympathy คือ "I know how you feel" ไม่ใช่แค่ "ฉันรู้นะว่าเธอรู้สึกอย่างไร" (แต่ก็เรื่องของเธอ ไม่ใช่เรื่องของฉัน)
คือ แค่รู้มันคงไม่พอ มันไม่เหมือนกับ เข้าใจจิตใจของผู้อื่น
โดยรวมทั้ง 6 ข้อ ก็คือ
1. Focus on what you need - ต้องมีวินัย
2. Stay Relavant - อย่าตกยุค
3. Visualize the future - อนาคตอยู่ตรงหน้า
4. Find your strength - ใช้และเพิ่มจุดแข็ง
5. Trust - สร้างความเชื่อใจ
6. Empathy - เข้าใจจิตใจของผู้อื่น
ก็ถือว่าเป็นมุมมองดีๆ กับ 6 วิธีเอาตัวรอด กับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
อย่างไรก็ตาม อ.ชัชชาติ เน้น ก่อนที่จะเริ่มบรรยายว่า ให้ดูข้อ "ศูนย์" ด้วย
ซึ่งก็คือ อย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่ อ.ชัชชาติ พูดทั้ง 6 ข้อนี้ ให้ลองไป "คิด" ดูด้วยตัวเองก่อน
นั่นก็คือ ก่อนที่เราจะเปลี่ยนแปลง คนอื่นๆ หรือเปลี่ยนแปลงโลกได้
ให้มาลองมองดูตัวเอง เปลี่ยนตัวเองก่อน
"Lead your life, before lead others"
ขอบคุณ ครับ
=========================
เปรียบเทียบและจองขนส่งระหว่างประเทศ กับ ZUPPORTS
ลงทะเบียนรับทดลองใช้ฟรี ที่ zupports.co/register
=========================
ผู้สนับสนุน:
เพื่อนๆ ในวงการนำเข้าส่งออก ขนส่งระหว่างประเทศ ที่กำลังมองหาโอกาศดีๆ ในการเข้ามา เพื่อพัฒนาเปลี่ยนแปลงวงการนี้
พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผู้ประกอบการไทย ให้ขยายธุรกิจ เติบโต ไปสู่ระดับภูมิภาค หรือแข่งขันในระดับโลกได้
แอดมินขอแนะนำสตาร์ทอัพไทย "ZUPPORTS" ที่มีเป้าหมาย ที่จะทำให้การนำเข้าส่งออก ขนส่งระหว่างประเทศ เป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์
ปัจจุบันทีมงาน ZUPPORTS กำลังมองหาเพื่อนร่วมงาน หลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น
1) Fullstack software developer/Front-end/Back-end คนที่อยากมาสร้าง Product เพื่อปฏิวัติวงการขนส่งระหว่างประเทศด้วยกัน
2) Sales / Sales Coordinator ที่มีประสบการณ์ขายแบบ B2B หรือ อยู่ในแวดวงการธุรกิจ ซอฟต์แวร์ หรือ ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ ก็ได้
3) Customers service (Customer success) สำหรับเพื่อนๆ ที่มีใจรักในงานบริการ และทำงานในสาย เฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์ หรือสายเรือ มาก่อน เหมาะกับงานนี้มากๆ
ใครสนใจอย่ารอช้าเปิดรับหลายอัตรา ส่งข้อมูลมาได้เลยที่
- 92
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
