Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
SoccerSuck
•
ติดตาม
1 เม.ย. 2022 เวลา 02:40 • กีฬา
นึกว่าแน่...ที่แท้ตกชั้น!
การแข่งขันฟุตบอลลีก นอกจากกองเชียร์ของทีมลุ้นแชมป์ที่ได้เชียร์กันอย่างสนุกสนานว่าจะได้เฮในวันสุดท้ายของฤดูกาลหรือไม่ แต่ยังมีอีกอรรถรสที่เข้มข้นไม่แพ้กัน นั่นคือการลุ้นหนีตกชั้นของบรรดาทีมท้ายตาราง
เกมการแข่งขันพรีเมียร์ลีก จะกลับมาลงสนามในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลแล้ว ซึ่งหมายความว่าแต่ละสโมสรที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้นในเวลานี้ เหลือเวลาน้อยลงเข้าไปทุกขณะ ว่าในปีหน้า พวกเขาจะสามารถรักษาผลงานโชว์เพลงแข้งในลีกสูงสุดต่อไปได้หรือไม่
เหลือบไปมองรายชื่อของบรรดาทีมที่ยังคงต้องลุ้นอยู่รอดปลอดภัยในเวลานี้ หากพูดตั้งแต่ตอนเริ่มต้นฤดูกาล คงไม่มีใครเชื่อว่า เอฟเวอร์ตัน จะมาจมอยู่โซนท้ายตารางเหมือนในเวลานี้ เพราะชื่อชั้นของนักเตะภายในทีมที่ดูดีมีภาษีมากกว่าอีกหลายต่อหลายสโมสร
อย่างไรก็ดี ปัจจัยหลายอย่างเมื่อฤดูกาลผ่านพ้นไป โดยเฉพาะปัญหานักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บวนกันไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้สาวก "เอฟเวอร์โตเนี่ยน" เริ่มใจตุ้มๆต่อมๆ ว่าอาจต้องดูทีมรักลงเตะในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้าเสียแล้ว
เอฟเวอร์ตัน ไม่ใช่ทีมแรกที่มีบรรดาซุปตาร์อยู่มากมายภายในทีมแล้วต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ เพราะในอดีต ก็เคยมีหลายต่อหลายสโมสรที่มีนักเตะชั้นดี แต่เอาตัวไม่รอด วันนี้ลองย้อนไปดูว่า 5 สโมสรที่ว่าแน่ๆ แต่ดันต้องตกชั้นไปแบบคาดไม่ถึง มีทีมไหนกันบ้าง
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2008-2009
ฤดูกาล 2008-2009 คือหายนะอย่างแท้จริงของบรรดา "ทูน อาร์มี่" คงไม่ผิดนัก ก่อนที่จะตกชั้นไปในท้ายที่สุด พวกเขาเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมมากมายถึง 4 คน แต่ดันคว้าชัยชนะตลอดซีซั่นได้เพียงแค่ 7 นัดเท่านั้น
นิวคาสเซิ่ล เริ่มต้นฤดูกาลด้วยความคึกคัก เซ็นสัญญานักเตะอย่าง โยนาส กูเตียร์เรซ, แดนนี่ กัธทรี, เซบาสเตียน บาสซง และฟาบริซิโอ โคล็อชชินี่เข้ามา แถมด้วย ซิสโก้ ที่้ยายมาหลังเปิดฤดูกาลไปแล้ว แต่ส่วนสำคัญคือการจากไปของ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ย้ายไปอยู่กับแอสตัน วิลล่า และนี่น่าจะเป็นจุดแตกหักของบอร์ดบริหารกับ เควิน คีแกน กุนซือคนดัง
สื่อในอังกฤษกระพือข่าวอย่างต่อเนื่องว่า คีแกน ตัดสินใจอำลาเก้าอี้ของเขาตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นจริง โดยมีการอ้างว่าเขาไม่พอใจมากที่ไม่สามารถควบคุมการซื้อขายนักเตะของสโมสรได้ แถมยังโดนบอร์ดบริหารแทรกแซงการทำงาน โดยเฉพาะการปล่อย มิลเนอร์ ออกจากสโมสร และการดึง ซิสโก้ ที่คีแกน บอกว่าเขาไม่ได้รู้จักมักจี่นักเตะคนนี้เลยแม้แต่น้อยเข้ามาร่วมทีม
แน่นอนว่าการไขก๊อกของโค้ชขวัญใจอย่างคีแกน ทำให้แฟนบอลหัวร้อนอย่างหนัก ความโมโหทั้งหลายพุ่งเป้าไปที่ ไมค์ แอชลี่ย์ เจ้าของทีม, เดนนิส ไวส์ ผอ.ฟุตบอล, โทนี่ ฆิเมเนซ รองประธานสโมสร และ ดีเร็ค แลมเบียส ประธานสโมสร ที่ต่างโดนกล่าวหาว่าสุมหัวกดดันให้คีแกน ต้องลุกจากเก้าอี้
หลังจาก คริส ฮิวจ์ตัน เข้ามารับตำแหน่งชั่วคราวไม่นาน แอชลี่ย์ ก็ไปดึง โจ คินเนียร์ กุนซือจอมเก๋าเข้ามาช่วยงาน ซึ่งยิ่งทำให้แฟนๆ ไม่พอใจมาก แถมเขายังมีปัญหาระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อจนประกาศว่าจะไม่มีการแถลงข่าวใดๆ อีกในเวลาต่อมา เล่นไปเล่นมา สถานการณ์ของ "สาลิกา" แย่ลงไปอีกเมื่อเสีย เชย์ กิฟเว่น นายด่านคู่บุญ และชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย ออกจากทีมไปตอนท้ายตลาดหน้าหนาว
คินเนียร์ พาทีมเก็บชัยชนะได้ 5 นัดและเสมออีก 10 จนทำให้เขาได้คุยกับบอร์ดบริหารว่าอาจมีโอกาสรับงานแบบถาวร แต่โชคร้ายยังไม่หยุดเท่านั้น คินเนียร์ ดันมีอาการของโรคหัวใจต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา ทำให้ ฮิวจ์สตัน ต้องกลับมาขัดตาทัพอีกหน โดยมี โคลิน คัลเดอร์วู้ด คอยช่วยงาน
หลังคินเนียร์ เข้ารับการผ่าตัดรักษาแล้ว แต่แอชลี่ย์ ตัดสินใจไปดึง อลัน เชียเรอร์ ตำนานของสโมสรเข้ามารับงานเมื่อเดือน เม.ย. พร้อมประกาศว่าจะพาทีมอยู่รอดปลอดภัย ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้ทำให้ ไวส์ โบกมืออำลาตำแหน่ง ผอ.ฟุตบอลไป โดย "ฮอทชอต" ไปเอา เอียน ดาวี่ มานั่งเป็นมือขวา และประเดิมด้วยการแพ้ เชลซี คาบ้าน 0-2 โดยเขาต้องรอนานนับเดือนกว่าจะชนะนัดแรกในเกมลีกเมื่อ 11 พ.ค. โดยปราบ มิดเดิ้ลสโบรช์ ที่กำลังดิ้นรนเช่นกัน 3-1 พร้อมขยับขึ้นมาอยู่ในโซนปลอดภัยได้สำเร็จ
ทว่าสัปดาห์ต่อมา ทีมแดนอีสานดันแพ้ ฟูแล่ม 0-1 ทำให้ตกไปอยู่ในโซนตกชั้นอีกรอบ ก่อนต้องออกไปเยือน แอสตัน วิลล่า ในนัดส่งท้ายซีซั่น ซึ่งพวกเขาต้องลุ้นผลของ ฮัลล์ ซิตี้ และซันเดอร์แลนด์ ไปด้วยในเวลาเดียวกัน และแม้ทั้งสองทีม รวมถึงมิดฟิลด์สโบรช์ แพ้รวดในเกมส่งท้าย แต่ นิวคาสเซิ่ล ก็ทำตัวเองให้ตกไปอยู่แชมเปี้ยนชิพหนแรกนับตั้งแต่ปี 1993 จากการแพ้ 0-1 ที่วิลล่า พาร์ค มีแต้มห่าง ฮัลล์ ที่อยู่รอด 1 คะแนน
นักเตะเด่น : โคลอชชินี่, เอ็นริเก้, โนแลน, บาร์ตัน, มาร์ตินส์, โอเว่น, ดัฟฟ์, บาสซง, สมิธ, กูเตียร์เรซ, ซิสโก้, บัตต์, วิดูก้า, แคร์โรลล์
ลีดส์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2003-2004
เหมือนนิวคาสเซิ่ลไม่มีผิด เพราะลีดส์ เป็นสโมสรใหญ่เกินกว่าที่จะตกชั้นลงไป แต่ในปี 2004 เอลแลนด์ โร้ด ดันร่วงไปเตะแชมเปี้ยนชิพ และไม่ได้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาในลีกสูงสุดนานกว่า 16 ปี และถึงขนาดหล่นไปเล่นในลีก วัน ถึง 3 ซีซั่นอีกต่างหาก
ในปีดังกล่าว "ยูงทอง" เอาชนะแค่ 8 นัด จบอันดับ 19 ของพรีเมียร์ลีก โดนระเบิดตาข่ายยิ่งกว่าประตูน้ำ 79 ลูก ท่ามกลางวิกฤตการเงินของสโมสร
ฤดูกาลนั้น ลีดส์ เริ่มต้นด้วยการประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก หนี้ของสโมสรพุ่งไปมากกว่า 100 ล้านปอนด์ จนสุดท้ายต้องขายนักเตะคีย์แมนออกไป นำมาโดย ไมเคิ่ล บริดเจส, โรเก้ จูเนียร์, ไนเจล มาร์ติน, แดนนี่ มิลล์ส แต่พวกเขาก็ยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค วิดูก้า, พอล โรบินสัน, นิคกี้ บาร์มบี้, อลัน สมิธ, อาร่อน เลนน่อน และเจมส์ มิลเนอร์
ปีเตอร์ รีด คือผู้จัดการทีมที่พาทีมเปิดหัวฤดูกาล ก่อนโดนตะเพิดออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 พ.ย. หลังพาทีมเก็บได้แค่ 8 คะแนนจาก 12 นัดแรก ก่อนที่ เอ็ดดี้ เกรย์ อดีตนักเตะจะเข้ามารับช่วงต่อแบบชั่วคราว โดยผลการแข่งขันกระเตื้องขึ้นบ้างทำให้หลุดออกมาจากโซนอันตรายตอนสิ้นปี 2003
กระนั้น สถิติแพ้รวด 7 นัดติดต่อกันตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่ ทำให้พวกเขาหล่นไปกินบ๊วยบนตารางคะแนนแทบจะทันที และนับตั้งแต่ตอนนั้น สโมสรก็แทบไม่เหลือความหวังอะไรในการลุ้นอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกอีกเลย และจบอันดับ 19 บนตาราง ตามห่างโซนปอลดภัยถึง 6 คะแนน
นักเตะเด่น : โรบินสัน, เคลลี่, ฮาร์ท, ราเดเบ้, บาร์มบี้, วิดูก้า, เพนแนนท์, สมิธ, บัคเค่, มัตเตโอ, เลนน่อน, มิลเนอร์
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2002-2003
แม้จะโกยแต้มได้ถึง 40 คะแนน ซึ่งว่ากันว่าหากสโมสรไหนทำได้เท่านี้จะไม่ตกชั้น แต่มันไม่พอสำหรับ "ขุนค้อน" ในปีดังกล่าว
จนถึงทุกวันนี้ 42 แต้มที่เวสต์แฮม ทำได้ในปีดังกล่าว ยังเป็นสถิติการตกชั้นด้วยคะแนนสูงที่สุดตลอดกาลมาโดยตลอด และเมื่อเทียบกับเมื่อปี 2017-2018 ซึ่งพวกเขาเก็บแต้มได้เท่ากัน แต่ดันจบด้วยอันดับ 13 บนตารางคะแนนเสียด้วยซ้ำ
ทีมดังจากลอนดอน มีขุมกำลังนักเตะสำคัญอย่าง เจอร์เมน เดโฟ, เปาโล ดิ คานิโอ, ไมเคิ่ล คาร์ริก, โจ โคล, เลส เฟอร์ดินานด์, เกล็น จอห์นสัน, เดวิด เจมส์, เทรเวอร์ ซินแคลร์ แต่ดันตกชั้นได้อีก? เอากับเขาสิ
เกล็น โรเดอร์ พาทีมประสบความสำเร็จในฤดูกาลก่อนหน้าคว้าอันดับ 7 มาครองบนตาราง แน่นอนว่าทำให้แฟนๆ ย่อมหวังไปเล่นฟุตบอลยุโรปในปีนี้ แต่กลับไม่ใช่
หายนะของทีมมาตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาลไม่ให้แฟนๆ ได้เตรียมตัวเตรียมใจ พวกเขาเอาชนะแค่ 3 จาก 24 เกม และสโมสรพบว่าตัวเองจมอยู่อันดับสุดท้ายของตารางตอนวันคริสต์มาส มีเพียง 16 คะแนนเท่านั้น
เมื่อขึ้นปีใหม่ก็ไม่มีอะไรดีแต่กลับย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม พวกเขาต้องดิ้นรนหนีตกชั้น แถมยังตกรอบ เอฟเอ คัพ แบบโคตรขายหน้าเพราะโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มเละเทะ 0-6 ในเดือน ม.ค. นั่นเอง
ปีนี้ โทมัส เร็ปก้า มีปัญหาเรื่องวินัยเก็บใบเหลืองเป็นว่าเล่น 10 ครั้งและโดนตะเพิดออกจากสนามอีก 1 หน ส่วน ดอน ฮัทชินสัน ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนต่อเนื่องได้ลงเล่นไปแค่ 10 นัดในลีก
แม้จะเสริมขุมกำลังอย่าง รูฟัส เบรเว็ตต์, ลี โบวเยอร์ และเลส เฟอร์ดินานด์ เข้ามากลางซีซั่นแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
ผลงานห่วยแตกทุกรายการที่ลงสนามทำให้ โรดเดอร์ มีปัญหากับ ดิ คานิโอ ที่โดนเปลี่ยนตัวออกในเกมพบ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน จากนั้นในเดือน เม.ย. โรเดอร์ ดันถูกตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกในสมองอีกต่างหาก ทำให้ เทรเวอร์ บรู๊กกิ้ง เข้ามาทำหน้าที่แทน 3 เกมส่งท้ายซีซั่น และทำผลงานดีจนมีลุ้นอยู่รอดปลอดภัยในวันสุดท้ายของฤดูกาล
1
ก่อนลงเตะแมตช์สั่งลาซีซั่น เวสต์แฮม มีแต้มเท่ากับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส อันดับ 17 แต่ลูกได้เสียเสียเปรียบอยู่เยอะเหมือนกัน พวกเขาต้องพบ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และจำเป็นต้องยิงอย่างน้อย 7 ประตูเพื่อทำให้แน่ใจว่าจะรักษาพื้นที่ในลีกสูงสุดเอาไว้ได้
อย่างไรก็ดี พวกเขากลับเสมอ 2-2 โดยได้ประตูจากเลส เฟอร์ดินานด์ และ เปาโล ดิ คานิโอ ขณะที่ โบลตัน เอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ ทำให้ "ขุนค้อน" ตกชั้นไปตามระเบียบเป็นหนแรกตั้งแต่ปี 1992
นักเตะเด่น : เจมส์, เร็ปก้า, วินเทอร์เบิร์น, ฮัทชิสัน, โบว์เยอร์, คาร์ริก, ซินแคลร์, เดโฟ, ดิ คานิโอ, คานูเต้, เฟอร์ดินานด์, จอห์นสัน, โคล, กามาร่า
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ฤดูกาล 1998-1999
เมื่อปี 1994-1995 "กุหลาบไฟ" คว้าแชมป์ฟรีเมียร์ลีกมาครองอย่างยิ่งใหญ่ และเมื่อปี 1997-1998 พวกเขาจบอันดับ 6 บนตารางคะแนน
ตอนเริ่มต้นฤดูกาล 1998-1999 พวกเขาได้รับการยกย่องว่าอาจมีลุ้นแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ของตัวเอง ภายใต้การคุมทัพของ รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือฝีมือดี
แบล็คเบิร์น มีนักเตะดังอย่าง ดาเมี่ยน ดัฟฟ์, สเตฟาน อองโชซ์, คริส ซัตตัน, เควิน เดวี่ส์, ทิม เชอร์วู้ด และทิม ฟลาเวอร์ส แต่พวกเขาดันจบฤดูกาลด้วยอันดับ 19 คว้าชัยชนะได้เพียง 5 เกม
"ปู่รอย" ที่ตอนนั้นยังหนุ่มกว่านี้เยอะโดนแจกซองผ้าป่าไปตอนกลางซีซั่น หลังพาทีมชนะ 2 จาก 14 เกมแรก ก่อนที่ไบรอัน คิดด์ เข้ามารับเผือกร้อนแทนจนจบฤดูกาลที่ไม่มีนักเตะคนไหนยิงได้มากกว่า 5 ประตู
"กุหลาบไฟ" ตกชั้นไปด้วยการเก็บได้เพียง 35 คะแนน ตามหลัง เซาธ์แฮมป์ตัน ที่อยู่โซนปลอดภัย 6 แต้ม โดยในปีนั้นมี ชาร์ลตัน แอธเลติก และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กอดคอร่วงไปด้วย
นักเตะเด่น : ฟลาเวอร์ส, อองโชซ์, กัลลาเกอร์, ซัตตัน, วิลค็อกซ์, ดัฟฟ์, ดันน์, แม็คเอเทียร์ เชอร์วู้ด, เดวี่ส์
มิดเดิ้ลสโบรช์ ฤดูกาล 1996-1997
แม้แต่ยอดฮีโร่อย่าง จูนินโญ่ และฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ ก็ไม่สามารถช่วยเซฟ โบโร่ ให้รอดพ้นจากการตกชั้นได้ในปีดังกล่าว
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล พวกเขาทุ่มเงินซื้อ เอเมอร์สัน และราวาเนลลี่ มาช่วยยกระดับผลงานหลังจบอันดับ 12 บนตารางคะแนนในปีก่อนหน้า ทว่าสุดท้ายแล้วไม่เป็นไปตามหวัง
หัวหอกอิตาเลี่ยน อุตส่าห์กระหน่ำมันตีนยิงไป 31 ตุงรวมทุกรายการ รวมถึงการระเบิดแฮตทริกใส่ ลิเวอร์พูล ที่เสมอ 3-3 วันเปิดซีซั่น ซึ่งมี จูนินโญ่ คอยร่ายมนต์แซมบ้าอยู่ด้านหลัง แน่นอนว่าแฟนๆ เริ่มฝันหวานกับผลงานของทีมในปีนี้
ทว่าแม้จะมีสองสตาร์ดังคอยแบกแต่ไม่ไหว เพราะ "โบโร่" ตกชั้นไปสู่ลีกรองหลังจากมีแต้มห่างจากโซนปลอดภัย 2 คะแนน
หลังไบรอัน ร็อบสัน พาทีมออกสตาร์ตอย่างแข็งแกร่ง ชนะ 3 เสมอ 1 ใน 6 เกมแรก แต่พวกเขาก็ไม่ชนะอีกเลยตั้งแต่ 21 ก.ย. จนถึง 26 ธ.ค.
ในฤดูกาลนี้ มิดเดิ้ลสโบรช์ มีปัญหากับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ที่ขอให้เลื่อนโปรแกรมนัดพบ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ออกไป โดยสโมสรออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ร็อบสัน ไม่สามารถจัดนักเตะลงสนามได้เพราะมีนักเตะเจ็บและป่วยเยอะมาก แต่เหตุผลดังกล่าวไม่ทำให้เอฟเอ ใจอ่อน ตัดแต้มพวกเขาไป 3 คะแนน
เอฟเอ ยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่คืนแต้มที่หายไป 3 คะแนนในนัดดังกล่าว ทำให้ผลเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 ในวันสุดท้ายไม่เพียงพอให้พวกเขาอยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อไป โดยมีแต้มตามหลัง โคเวนทรี้ 2 คะแนน
อย่างไรก็ดี พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ โดยเดือน ก.พ. ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ลีก คัพ ก่อนเสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เวมบลีย์ ในนัดแรก แต่แพ้ในเกมนัดรีเพลย์ที่ ฮิลล์สเบอะเรอะห์ 0-1
อีก 2 เดือนถัดมา "โบโร่" ผ่านเข้าไปชิงดำ เอฟเอ คัพ กับ เชลซี แต่แพ้ไป 0-2 ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ไปจนถึงเกมชิงดำฟุตบอลถ้วย 2 รายการแล้วต้องตกชั้น แซงหน้าสถิติของ คริสตัล พาเลซ ที่ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ทั้งสองรายการแต่ตกชั้นเมื่อปี 1995
นักเตะเด่น : เพียร์สัน, เอเมอร์สัน, จูนินโญ่, ราวาเนลลี่, ร็อบสัน, ชวาร์เซอร์
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย