Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สาวนาเกลือ
•
ติดตาม
2 เม.ย. 2022 เวลา 11:54 • สิ่งแวดล้อม
วิถีชีวิต บ้านริมคลอง
บ้านของฉันเป็นบ้านไม้ยกพื้น หลังคามุงกระเบื้องสีเขียว อยู่ริมกคลองที่แยกจากคลองดำเนินสะดวก ในเขตอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร หน้าบ้านมีท่าน้ำไว้ใช้อาบน้ำ ซักผ้า นั่งเล่น หรือใส่บาตรยามเช้า ตลอดแนวตลิ่งหน้าบ้านแม่ปลูกต้นพุทธรักษาสารพัดสีไว้กันตลิ่งพังจากคลื่นของเรือที่วิ่งน้ำกระจายผ่านไปมา ถัดจากแนวพุทธรักษาเป็นแปลงดอกบานชื่น ดอกดาวกระจายสีสดใส จากท่าน้ำริมคลองแม่ใช้กะลามะพร้าวคว่ำเป็นทางเดินไปถึงบันไดหน้าบ้าน บ้านริมคลองในวัยเด็กยังเด่นชัดทั้งสีสันและความรู้สึกอบอุ่นเสมอมา
ชีวิตของคนริมคลองละแวกบ้านฉัน ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำในลำคลองตั้งแต่ตื่นจนถึงเข้านอนก็ว่าได้ บ้านทุกหลังปลูกหันหน้าไปทางคลองหน้าบ้าน น้ำในคลองใสสะอาด….พวกเราใช้น้ำล้างหน้า อาบน้ำ ซักผ้าหรือแม้แต่หุงหาอาหาร จะไปไหนมาไหน…พวกเราใช้เรือพายหรือเรือเครื่องเดินทางไปมาหาสู่กัน ทุกบ้านมีเรือเครื่องหรือเรือบดลำเล็กผูกไวกับเสาร์ไม้ในอู่เรือ ถ้าจะไปไหนไกล ๆ ชาวบ้านจะใช้เรือเครื่องส่วนตัวหรือเรือหางยาวที่วิ่งบริการอยู่ในคลองดำเนินสะดวก บ้านฉันห่างจากตัวอำเภอบ้านแพ้วประมาณสิบกิโลเมตรใช้เวลานั่งเรือประมาณยี่สิบนาที ที่ตัวอำเภอนี่แหละ ฉันถึงจะมีโอกาสเห็นถนนและรถยนต์
ก่อนที่ฉันจะเข้าเรียนชั้นปอหนึ่งที่โรงเรียนวัดใกล้บ้าน พ่อหัดให้ฉันว่ายน้ำในคลองหน้าบ้านโดยมีมะพร้าวแห้งหนึ่งคู่เป็นอุปกรณ์สำหรับหัดว่ายน้ำ เด็ก ๆ ที่บ้านอยู่ริมคลองเวลาหัดว่ายน้ำ พวกผู้ใหญ่จะเอามะพร้าวแห้งมาดึงเปลือกออกเป็นเชือกแล้วผูกมะพร้าวสองลูกไว้ด้วยกัน นี่แหละอุปกรณ์ชั้นดีสำหรับหัดว่ายน้ำ ฉันและเพื่อนจำเป็นต้องว่ายน้ำให้ได้ก่อนเข้าโรงเรียนเพราะพวกเราส่วนใหญ่พายเรือลำเล็ก ๆ ไปโรงเรียนเอง
ฉันยังจำไม่ลืมว่าเช้าวันหนึ่งฉันกับน้องสาวพายเรือบดไปโรงเรียนเหมือนเคย แต่วันนี้พวกเราเล่นพายเรือแข่งกัน…. แข่งกันอย่างไม่รมีกติกาประสาเด็ก….เรือของฉันล่ม……กระเป๋าหนังสือของเราสองพี่น้องลอยตุบป่อง ๆ เพื่อน ๆ ต้องช่วยกันเก็บ ส่วนปิ่นโตข้าวจมหายไปในน้ำ ไม่ไปแล้วโรงเรียนกลับบ้านดีกว่า ผู้ใหญ่เขาคงมองเห็นกาลไกลว่าเด็ก ๆ อย่างเราพายเรื่อไปโรงเรียนเอง สักวันต้องทำเรือล่มแน่ ๆ ถึงได้หัดให้พวกเราว่ายน้ำให้เป็นก่อนเข้าเรียนชั้นปอหนึ่ง
ฉันชอบเทศกาลงานวัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทำบุญสงกรานต์ ทำบุญเข้าพรรษาหรือออกพรรษา ชีวิตริมคลองดูมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนถึงวันงานพวกชาวบ้านจะช่วยกันทำความสะอาดลำคลอง ด้วยการเก็บพวกผักตบชวา ตัดกอลำเจียกที่ขึ้นรกรุงรัง แล้วจัดการโยนขึ้นไปฝั่ง รวมทั้งการตัดกิ่งไม้ทียื่นมากรีดขวางทางสัญจรไปมา ลำคลองโล่งสะอาดตา
เมื่อถึงวันทำบุญที่วัด ชาวบ้านแต่ละครอบครัวจะแต่งตัวสวยงาม มีอาหารคาว หวานใส่สำรับลงเรือมุ่งหน้าไปทำบุญที่วัด ครอบครัวฉันจะไปทำบุญที่วัดเสมอ ๆ มีพ่อเป็นนายท้ายเรือขับเรือให้ทุกครั้ง ฉันบรรยากาศดูคึกคักมีสีสันด้วยเรือหางยาวที่มุ่งหน้าไปที่จอดที่ท่าน้ำหน้าวัด ชาวบ้านขึ้นไปนั่งทำบุญบนศาลาวัด เมื่อเจอกันจะพูดคุยถามทุกข์สุขหรือเรื่องการทำมาหากินอย่างสนิทสนม เรียกว่า ….รู้จักกันทั้งศาลา เมื่อพระขึ้นมาบนศาลาขาวบ้านจะร่วมกันฟังพระสวดมนต์ ถวายภัตราหารเพลและร่วมกันฟังเทศน์ บรรยากาศเก่า ๆ มีแต่ความจริงใจ คิดถึงทีไรมีรอยยิ้มทุกครั้ง
ถึงแม้ปัจจุบันฉันยังไปทำบุญที่วัดเหมือนเดิม แต่บรรยากาศไม่เหมือนวันเก่าๆ เพราะชาวบ้านไม่ใช้เรืออีกแล้ว การแต่งตัวก็เปลี่ยนไป ผู้หญิงไม่ใส่ผ้าถุง สวมเสื้อลูกไม้เหมือนเมื่อก่อน แต่เปลี่ยนเป็นนุ่งกางเกงหรือใส่กระโปรง ผู้คนเต็มศาลาวัด….แต่ไม่รู้จักกันเหมือนเมื่อวันวาน
นอกจากการไปทำบุญที่วัด ฉันนึกถึงวันลอยกระทง วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำนองสองฝั่งคลองจริงๆ เด็ก ๆ ละแวกบ้านฉันช่วยกันทำกระทงจากต้นกล้วย ใบตองและดอกไม้ที่หาได้จากแปลงดอกไม้ของแม่ พวกเราจะจุดเทียนและลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ หลังจากนั้นพวกเราจอมชนจะพากันพายเรือไปตามลำคลองจนถึงวัดใกล้บ้าน เพื่อดูกระทงที่ลอยอยู่ในน้ำ ฉันชอบแสงเทียนที่จุดอยู่ในกระทงใบตองสีเขียว….แสงเทียนสะท้อนกับสีเขียวของใบตองดูเย็นตา ให้ความรู้สึกเหมือนดาวตกจากฟ้าแล้วมาลอยอยู่ในคลอง
หลังจากพายเรือดูกระทงจนเหนื่อยกลับมาบ้าน เด็ก ๆ ทโมนอย่างพวกเราจะช่วยกันตักน้ำในคลอง หรือเรียกว่า “ น้ำเพ็ญ” ใส่ตุ่มมังกรที่ท่าน้ำเพื่อเอาไว้เป็นสิริมงคล ขั้นตอนสุดท้ายของวันเพ็ญเดือนสิบสองคือ การอาบน้ำเพ็ญ พวกเราลงอาบน้ำที่ท่าน้ำพร้อมดำผุดดำว่ายเสียงดังลั่น สนุกจริง ๆ ….เล่นน้ำตอนน้ำนองตลิ่งพร้อมดูพระจันทร์วันเพ็ญกลมโตอยู่บนฟ้า แต่สักพักเท่านั้น…..ทั้งแม่ทั้งญาติบ้านฝั่งตรงข้ามส่งเสียงเรียกดังลั่นคลอง “เฮ้อ…พวกเด็ก ๆ ขึ้นจากน้ำได้แล้ว…กลางค่ำกลางคืนแบบนี้...เดี๋ยวไม่สบายกันพอดี….พวกเอ็งนี่มันซนกันจริง” เป็นอันว่าวันลอยกระทงจบลงอย่างแสนเสียดาย
แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีวันทีละคืน….. ชีวิตเปลี่ยนไป….สภาพแวดล้อมเปลี่ยนรอบตัวเองเปลี่ยนไปอย่างมากมาย จากเด็กผู้หญิงที่พายเรือบดลำเล็กไปโรงเรียน วันนี้ฉันเป็นผู้ใหญ่วัยห้าสิบที่ใช้ชีวิตสับสนวุ่นวายอยู่ในกรุงเทพ
ฉันขับรถกลับบ้านริมคลองทุกอาทิตย์ พื้นที่แถบอำเภอบ้านแพ้วที่เคยมีแต่คลองชนิดที่หาถนนไม่เจอ ปัจจุบันมีถนนตัดผ่านมากมายหลายสาย จะไปไหนมาไหนไม่มีใครใช้ทางน้ำอีกแล้ว ดูอย่างพ่อของฉันสิอดีตนักซิ่งเรือประจำคลองขายเรือไปหมดแล้ว พ่อปรับตัวหันมาหัดขี่จักยาน หัดมอเตอร์ไซด์รวมทั้งหัดขับรถกระบะจนคล่อง….ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ ถึงแม้ว่าพ่อจะอายุมากแล้วพ่อยังขับรถบรรทุกไปส่งของที่ตลาดได้สบาย ๆ ดูเหมือนแม่จะปรับตัวอยากกว่าพ่อแต่ก็ยอมรับกับการเดินทางที่สะดวกสบายและรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก แต่บางครั้งแม่ไม่ค่อยปลื้มกับถนนเท่าไหร่นัก แม่เคยบ่นให้ฉันว่า “เดี๋ยวนี้….รถชนกันบ่อยจริง ๆ แถมขโมยแยะกว่าก่อนอีก” ฟังแม่บ่น…ก็ไม่เถียงขึ้นเหมือนกัน
ทุกครั้งที่ฉันกลับบ้าน ฉันชอบมานั่งที่ท่าน้ำหน้าบ้าน คิดถึงสมัยที่ตัวเองพายเรือไปโรงเรียน คิดถึงชีวิตริมคลองที่ผ่านมา ยังจำภาพที่ฉันกับเพื่อน ๆ พายเรือดูกระทงและลงเล่นน้ำในคืนวันเพ็ญได้เสมอ แว่วเสียงบ่นของแม่ให้ขึ้นจากน้ำยังก้องอยู่ในความทรงจำ
ฉันยอมรับกับตัวเองว่า…..ถึงแม้ถนนหนทางจะทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายขึ้น แต่ภาพวันเก่า ๆ ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าใจกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปจากเดิม ลำคลองหน้าบ้านไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากที่เคยใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมา กลายเป็นแค่คลองส่งน้ำเพื่อการเกษตรที่มีแต่วัชพืช นาน ๆ จะมีเรือรับซื้อของเก่าวิ่งผ่านมา ไม่มีชาวบ้านมาร่วมแรงร่วมใจทำความสะอาดลำคลองก่อนงานวัดอีกแล้ว ใช่….ชีวิตสภาพแวดล้อมและสังคมรอบตัวเองเปลี่ยนไปมาก แต่ฉันยังคิดถึงชีวิตวัยเด็กอันเรียบง่ายและมีความสุขที่บ้านริมคลองเสมอ ๆ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย