4 เม.ย. 2022 เวลา 01:38 • ประวัติศาสตร์
หน้าประวัติศาสตร์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ถ้าหากประเทศไทยตกเป็นอาณานิคมของชาติมหาอำนาจ?
อย่างที่ได้ทราบกันดีว่า ประเทศไทยของเราไม่ได้ตกเป็นอาณานิคมจากชาติมหาอำนาจตะวันตกอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน จนกระทั่งได้มียูสเซอร์ท่านหนึ่งในเว็บไซต์ Quora มาตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากประเทศไทยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก?’
ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่คนไทยหลาย ๆ คนน่าจะเคยหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันว่า ถ้าหากประเทศไทยตกเป็นอาณานิคมของต่างชาติ ผลลัพธ์ต่อจากนี้จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาขึ้นหรือไม่ นอกเหนือจากประเด็นเรื่องภาษาจากชาติเจ้าอาณานิคมที่ได้รับ
ซึ่งผมได้รวบรวมข้อมูลอ้างอิงมาจากหลายเว็บไซต์เพื่อนำเสนอและเรียบเรียงให้ทุกคนได้อ่านกัน และอยากชี้แจงก่อน ณ ตรงนี้ว่า สิ่งที่ท่านกำลังอ่านนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นในแง่มุมที่แตกต่างออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์เดิม ไม่ได้มีเจตนาในการสร้างประเด็น หรือด้อยคุณค่าในประวัติศาสตร์หรือความเสียสละของบรรพบรุษของชนชาติเราเมื่อครั้นในอดีตแต่ประการใด ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การวิเคราะห์โดยชาวเน็ตจากไทยและตางประเทศ ก็ขอให้อ่านอย่างมีวิจารณญาณนะครับ
1. อังกฤษ
ถ้าหากสยาม (หรือประเทศไทยในปัจจุบัน) ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอังกฤษจะผนวกรวมสยามและพม่าที่ตนเองสามารถยึดครองไว้ได้ก่อนหน้าเป็นรัฐเดียวกัน โดยในหน้าประวัติศาสตร์จริงพม่าถูกผนวกรวมกับอินเดีย และถูกตั้งชื่อว่าบริติชราช (British Raj) โดยรัฐใหม่ที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของสยามและพม่า น่าจะถูกแยกออกจากบริติชราชออกมาเป็นอิสระ
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าในตอนนั้น สยามจะถูกอังกฤษปราบปรามลงได้เมื่อไร ถ้าหากอังกฤษสามารถปราบปรามสยามในช่วงที่ยังมีลาวและกัมพูชาเป็นประเทศราช ก่อนที่ฝรั่งเศสจะเข้ามาแยกลาวและกัมพูชาออกมาจากสยาม ไม่แน่ว่าดินแดนทั้งหมดอาจถูกผนวกรวมกันเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมอังกฤษในภูมิภาคอาเซียนแห่งนี้
และสิ่งหนึ่ง ที่น่าสนใจก็คือ อังกฤษมีประวัติในการสร้างและพัฒนาประเทศได้ดีกว่าฝรั่งเศส โดยชาวอังกฤษมักเน้นในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน การเงิน มากกว่าที่จะใช้ประโยชน์จากการตักตวงทรัพยากรจากประเทศอาณานิคมเพียงอย่างเดียว
บริติชราช (British Raj) อาณานิคมของอังกฤษ ที่ผนวกรวมอินเดียและพม่าเข้าด้วยกัน
เนื่องจากพม่าและสยามเป็นเส้นทางสำคัญในการเชื่อมต่อบริติชราชและบริติชมลายู มีความเป็นไปได้สูงที่อังกฤษจะทุ่มเทไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างตน นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษน่าจะแพร่หลายในประเทศไทยมากกว่าที่เป็น แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนภาษาไทยที่เป็นภาษาท้องถิ่นได้ เช่นเดียวกับพม่า ที่ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ขณะเดียวกัน ความหลากหลายในชาติพันธุ์ในประเทศไทยน่าจะมีมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีแรงงานชาวอินเดียและเบงกาลีถูกส่งมาเพื่อใช้แรงงานในภูมิภาคนี้
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลก อังกฤษน่าจะมอบเอกราชคืนให้กับประเทศไทย และทิศทางของประเทศไทยที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษจะเป็นไปในทิศทางใดในช่วงสงครามเย็น? ประเทศไทยจะสามารถเอาตัวรอดจากการคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์ได้หรือไม่? มันขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลในตอนนั้น จะมีสเถียรภาพและได้รับการยอมรับมากเท่าใด และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในการต่อต้านการแผ่ขยายอำนาจจากลัทธิคอมมิวนิสต์หรือไม่?
เหนือสิ่งอื่นใดเลย ปัญหาที่ไทยจะต้องพบ หลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ คือปัญหาเรื่องชาติพันธุ์ เหมือนที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างเมียนมาร์ต้องประสบพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเราอาจต้องเจอกับปัญหาแบบเดียวกับเมียนมาร์อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือรัฐบาลเผด็จการทหาร ที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่ให้แตกแยกเป็นรัฐอิสระมากมาย แต่ถึงกระนั้น รัฐบาลเผด็จการทหารก็ถือว่าเป็นอุปสรรค์สำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ
2
ภาพการยอมจำนนของกองทัพเมียนมาร์ต่อกองทัพอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.1885 ในสงครามอังกฤษ-เมียนมาร์ ครั้งที่ 3 จนนำมาสู่การล่มสลายของราชวงศ์คองบอง
2. ฝรั่งเศส
ถ้าหากประเทศไทยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส มีความเป็นไปได้ว่าดินแดนส่วนใหญ่ของสยามในอดีตจะถูกผนวกรวมกับอาณานิคมฝรั่งเศสในอินโดจีน ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ฝรั่งเศสจะต้องพบกับปัญหาในการปกครองอาณานิคมของตนเองในอาเซียนมากกว่าเดิม กล่าวคือ ฝรั่งเศสจะต้องพบกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวอาเซียนที่ประกอบไปด้วย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และสยาม มากกว่าที่เคยเป็น
ถ้าหากสยามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ลาวและกัมพูชา ที่เป็นประเทศราชของสยาม อาจถูกปลดปล่อยเป็นประเทศเอกราช แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็น่าจะตกอยู่ภายใต้การครอบงำของฝรั่งเศสอยู่ดี หรือไม่สุดท้ายแล้วทั้งสองประเทศก็ต้องถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมฝรั่งเศสในอินโดจีน และสงครามเวียดนามที่เรารู้จัก อาจทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม มีพื้นที่สู้รบกินอาณาเขตกว้างมากขึ้น เพราะขบวนการกู้ชาติหัวรุนแรงของสยามและไทยอาจร่วมมือกันเพื่อขับไล่เจ้าอาณานิคมตะวันตกให้ออกไป แต่มันน่าจะเป็นการร่วมมือกันแบบลวม ๆ ไม่ได้มีความจริงใจกันเท่าใดนัก เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อทั้งสองชาติสามารถขับไล่เจ้าอาณานิคมตะวันตกออกไปจากภูมิภาคอาเซียนได้แล้ว ไทยและเวียดนามน่าจะเปิดศึกชิงดินแดนลาวและกัมพูชามาเป็นส่วนหนึ่งของตน
1
ยุทธการที่เดียนเบียนฟู เมื่อเวียดนามสามารถปลดแอกจากเจ้าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศสได้
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ เพราะไทยและเวียดนามต่างมองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูคู่แข่งมากกว่ามิตรสหาย เพราะตามประวัติศาสตร์จริงแล้วไทยและเวียดนามก็เคยทำสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนลาวและกัมพูชามาเป็นของไทย และแผนที่ประเทศไทยอาจไม่เหมือนเดิม กล่าวคือ ประเทศไทยและเวียดนามอาจตกลงแบ่งดินแดนลาวและกัมพูชามาเป็นของตน และดินแดนล้านนาบางส่วนทางภาคเหนือของไทย อาจถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมอังกฤษ ก่อนถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเมียนมาร์ก็เป็นได้ เช่นเดียวกับเวียดนาม ที่น่าจะมีดินแดนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ภาพวาดการรบที่นามดินห์ เมื่อกองทัพฝรั่งเศส ที่กำลังไล่ต้อนกองทัพราชวงศ์เหงียน เมื่อปี ค.ศ.1883 เพื่อบุกยึดพื้นที่ทางภาคเหนือของเวียดนามในขณะนั้น
3. สเปน
ฟิลิปปินส์คือประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมของสเปน และจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากสเปนเกินหันเข็มทิศมาที่ไทยเป็นเป้าหมายในการล่าอาณานิคมต่อไป และนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
แน่นอนว่าสเปนจะกดขี่ข่มเหงชาวสยามด้วยการบีบบังคับให้ทุกคนเข้ารีตเพื่อนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก วัดพุทธในประเทศไทยจะถูกเจ้าอาณานิคมสเปนทำลาย และหลอมละลายทองคำจากพระพุทธรูปในวัดพุทธของไทยเพื่อนำมาทำเป็นเหรียญกษาปณ์ และจะเกิดสงครามศาสนาสามฝ่ายที่รุนแรงและนองเลือดระหว่างฝ่ายชาวคริสต์ ชาวพุทธ และชาวมุสลิมทางตอนใต้ คนไทยในยุคต่อไปจะมีเลือดลาตินผสม และอาจมีการตั้งชื่อแบบชาวสเปนเช่นเดียวกับฟิลิปปินส์
1
หลายปีผ่านไปต่อจากนี้ พื้นที่ภาคกลางของไทยจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชนชั้นสูงที่นับถือศาสนาคริสต์ และจะเกิดการต่อต้านจากชาวไทยพุทธทางภาคเหนือ และชาวไทยมุสลิมทางภาคใต้ จนกระทั่งสหรัฐฯ มีชัยชนะเหนือสเปนระหว่างปี ค.ศ.1898 – 1900 ประเทศไทยก็จะกลายเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ แทนที่สเปน
และต่อมา ประเทศไทย จะตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการโจมตีของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น และมีความเป็นไปได้ว่าญี่ปุ่นอาจให้การสนับสนุนชาวไทยพุทธทางตอนเหนือเพื่อลุกฮือขึ้นมาต่อต้านสหรัฐฯ ที่เป็นเจ้าอาณานิคม และสงครามที่เกิดขึ้นจะแต่ความสูญเสียมากขึ้นกว่าเดิม
จากผลลัพธ์ข้อนี้ เราอาจได้เห็นกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นบุกโจมตีประเทศไทยเพื่อขับไล่สหรัฐฯ และประกาศตัวว่าเป็นเจ้าอาณานิคมเหนือไทยคนใหม่ต่อจากสเปน และสหรัฐฯ
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง ประเทศไทยภายใต้การครอบงำของสหรัฐฯ น่าจะมีส่วนในสงครามเวียดนามเหมือนที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์จริง แต่ประเทศไทยก็จะไร้เสถียรภาพ เพราะกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงทางภาคเหนืออาจเข้าร่วมกับฝ่ายคอมมิวนิสต์เพื่อต่อต้านรัฐบาลส่วนกลางที่ฝักใฝ่สหรัฐฯ และประเทศไทยน่าจะต้องสูญเสียอย่างหนักจากสงครามเวียดนามมากกว่าเดิม จากการครอบงำของสหรัฐฯ
เมื่อสหรัฐฯ ถอนกำลังออกจากอาเซียน ประเทศไทยที่ถูกโดดเดี่ยวก็น่าจะมีสถานการณ์ที่เรียกได้ว่าน่าเป็นห่วง เพราะกองกำลังไทยพุทธหัวรุนแรงทางภาคเหนือ ที่พร้อมจะแยกตัวจากรัฐบาลกลางที่นิยมชาติตะวันตก และกองกำลังไทยมุสลิมทางภาคใต้ก็พร้อมที่จะฉวยโอกาสนี้แยกดินแดนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางอีกต่อไป ซ้ำร้าย ไทยอาจต้องเผชิญหน้ากับกองทัพเวียดนามที่กำลังฮึกเหิมเต็มที่และพร้อมบุกยึดประเทศไทย ซึ่งเหตุการณ์ต่อจากนี้ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลไทยภาคกลางจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรต่อไป อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะไปเจรจากับประเทศจีนเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้จีนเปิดฉากบุกเวียดนามเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์จริงก็เป็นได้
ถ้าหากการเจรจาสำเร็จ ประเทศไทยก็น่าจะรอดพ้นจากการรุกรานของกองทัพเวียดนาม แต่ถึงกระนั้น ประเทศไทยก็ต้องพบกับปัญหาความแตกแยกเรื่องศาสนา ระหว่างชาวไทยพุทธ ไทยคริสต์ และไทยมุสลิม จนยากจะประสานรอยร้าวได้ แต่ถ้าหากไม่สำเร็จ ดินแดนของประเทศไทยจากถูกแบ่งเป็นหลายส่วน และอาจตกอยู่ภายใต้การครอบงำของเวียดนามก็เป็นได้
ฟิลิปปินส์ตกเป็นอาณานิคมของสเปนตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15 ถึงแม้ว่าสเปนจะถ่ายทอดวัฒนธรรม ความรู้ ภาษา และศาสนาให้กับชาวฟิลิปินส์ แต่ชาวฟิลิปปินส์ก็ไม่ได้ชื่นชอบสเปนผู้เป็นเจ้าอาณานิคมใดนัก
4. ญี่ปุ่น
ในประวัติศาสตร์จริง หลังจากที่ญี่ปุ่นได้พัฒนาวิทยาการของตนเองจนกลายเป็นชาติมหาอำนาจ พวกเขาได้เปิดฉากรุกรานเกาหลีและจีน โดยเฉพาะเกาหลี ที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้นโยบายกลืนชาติเกาหลีเพื่อหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่น และถ้าหากเป้าหมายต่อไปของญี่ปุ่นเป็นไป อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
แน่นอนว่า ในความเป็นจริง ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ถ้าหากประเทศไทยตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น แน่ใจได้เลยว่าคนไทยจะไม่ได้มีทัศนคติที่ดีต่อคนญี่ปุ่นเหมือนที่เคยเป็นแน่นอน เพราะญี่ปุ่นจะใช้นโยบายกลืนชาติกับไทยเหมือนที่พวกเขาใช้กับชาวเกาหลี คนไทยจะถูกญี่ปุ่นกลืนชาติ และบังคับให้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการ และถูกบังคับให้ตั้งชื่อเป็นคนญี่ปุ่น เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกชื่อ ประเทศไทยจะกลายเป็นดินแดนเพาะปลูกผลผลิตทางเกษตรกรรมที่สำคัญของชาวญี่ปุ่น
1
ผลผลิตทางเกษตรกรรม และทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ๆ ของไทย จะถูกส่งไปยังแผ่นดินแม่ของญี่ปุ่น และคนไทยพื้นเมืองจะถูกปฏิบัติตัวเหมือนพลเมืองชั้นสอง ไม่ได้รับการยอมรับให้มีสิทธิเสมอเหมือนกับชาวญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าอาณานิคม จะเกิดปัญหาเรื่องการค้าประเวณี การละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ เหมือนที่จีนและเกาหลีเคยถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นกระทำ ไทยเราจะต้องพบกับปัญหาเช่นนั้นเหมือนกัน และถ้าหากมีกลุ่มต่อต้านชาวไทยเกิดขึ้น กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นก็พร้อมที่จะทำการปราบปรามอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ซึ่งทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก็ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอยู่แล้ว
ถ้าหากไทยตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทัศนคติมุมมองของคนไทยที่มีต่อคนญี่ปุ่นจะเป็นไปในทิศทางบวกเหมือนเดิมหรือไม่
นอกจากนี้ คนไทยจะถูกเกณฑ์ไปรบกับฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และความสูญเสียจากสงครามจะทวีความรุนแรงมากกว่าหน้าประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างที่ทุกคนทราบกันดี ประเทศไทยจะบอบช้ำอย่างหนักจากสงคราม กรุงเทพอาจถูกเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิด จนวัดวาอารามและพระราชวังที่ถูกก่อสร้างขึ้นในช่วงต้นยุครัตนโกสินทร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนยากต่อการฟื้นฟู
อย่างไรก็ตาม ขบวนการกู้ชาติของไทยน่าจะถือกำเนิดขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดิญี่ปุ่น และได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ประเทศไทยก็น่าจะถูกปลดปล่อยเป็นประเทศเอกราชโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ที่ต้องการใช้ไทยเป็นฐานที่มั่นในการคานอำนาจกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ในลำดับต่อไป ประเทศไทยในตอนนั้นน่าจะซึมซับวัฒนธรรมบางอย่างจากญี่ปุ่นในฐานะเจ้าอาณานิคมมาพอสมควร และมีความเป็นไปได้ว่าประเทศไทยน่าจะมีความเกลียดชังที่ฝังรากลึกต่อชาวญี่ปุ่น เหมือนที่ชาวจีนและชาวเกาหลีต้องประสบพบเจอ ไม่ได้มองญี่ปุ่นในทิศทางที่ดีเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างแน่นอน
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีข้อยกเว้น เพราะในกรณีของไต้หวัน ที่เคยเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น ปรากฏเห็นได้ชัดว่า ชาวไต้หวันไม่ได้แสดงท่าทางเกลียดชังญี่ปุ่นเท่าใดนัก เพราะในช่วงที่ยังเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ไต้หวันได้รับการพัฒนาในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณูปโภค ด้านการศึกษา ความปลอดภัย ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าที่ไต้หวันเจริญได้จนถึงทุกวันนี้ ก็มาจากการสนับสนุนจากญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จึงทำให้ชาวจีนในไต้หวันมีทัศนคติที่ดีต่อชาวญี่ปุ่น แตกต่างจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่โดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ฝักใฝ่ในพรรคก๊กมินตั๋ง ที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยชาวจีนกลุ่มนี้มีทัศนคติต่อประเทศญี่ปุ่นในแง่ลบเช่นกัน
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะชาวไต้หวัน ที่หมายถึงกลุ่มคนที่อาศัยอยู่บนเกาะไต้หวันมาก่อนหน้าการอพยพเข้ามาของพรรคก๊กมินตั๋งจากจีนแผ่นดินใหญ่ มองว่าญี่ปุ่นเข้ามาช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของพวกเขา และตราบใดที่ชาวไต้หวันไม่ได้ทำตัวมีปัญหากับเจ้าอาณานิคมอย่างญี่ปุ่น พวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ได้รับความปลอดภัย และได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี
สรุปก็คือ ถ้าหากไทยตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนไทยในตอนนั้นจะต่อต้านหรือไม่ ถ้าไม่ต่อต้าน ก็เป็นไปได้ว่าจักรวรรดิญี่ปุ่นน่าจะปฏิบัติต่อคนไทยในแบบละมุนละม่อม แต่ถ้าหากต่อต้าน คนไทยก็น่าจะถูกปราบปรามอย่างหนักจากทางการญี่ปุ่น เหมือนที่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ประสบพบเจอก็เป็นได้
ภาพถ่ายหญิงบำเรอชาวเกาหลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ ยังคงพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นที่ยังแสดงท่าทีเมินเฉยให้แสดงความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่ตนได้ก่อขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
5. สหรัฐอเมริกา
ต้องบอกว่าผลลัพธ์ของการที่ประเทศไทยต้องตกเป็นเมืองขึ้นสองสหรัฐฯ นั้นแทบไม่แตกต่างจากผลลัพธ์ที่ประเทศไทยต้องเป็นเมืองขึ้นของสเปนเลยแม้แต่น้อย เพราะประเทศไทยหลังจากนี้จะต้องพบกับปัญหาความขัดแย้งเรื่องศาสนาอย่างรุนแรง เหมือนที่ฟิลิปปินส์ในปัจจุบันต้องประสบพบเจอ เพียงแต่ปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาของไทย น่าจะมีความรุนแรงมากกว่าฟิลิปปินส์ประสบพบเจอในขณะนี้
จากผลลัพธ์นี้ บางที เราอาจได้เห็นนายพล ดักลาส แม็คอาเธอร์ พร้อมคณะผู้ติดตามเดินขึ้นฝั่งพร้อมคณะติดตาม ณ ที่ชายฝั่งสักแห่งในบริเวณอ่าวไทย เพื่อปลดปล่อยประเทศไทยจากการยึดครองของประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับที่เขาได้ให้คำมั่นสัญญากับชาวฟิลิปปินส์เอาไว้ว่า เขาจะกลับมาเพื่อปลดปล่อยชาวฟิลิปปินส์จากการยึดครองของญี่ปุ่น
นายพล ดักลาส แม็คอาเธอร์ ขณะกำลังขึ้นฝั่งที่อ่าวเลเต ของฟิลิปปินส์ หลังจากถูกกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครอง
แน่นอนว่าคนไทยน่าจะมีทัศนคติในแง่บวกต่อสหรัฐฯ และมองว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ต้นแบบที่น่ายกย่อง น่านับถือ เหมือนที่ชาวฟิลิปปินส์มอง และด้วยค่านิยมเช่นนี้ เราจะมีพฤติกรรมเลียนแบบชาวอเมริกันฯ เช่น ชื่นชอบกีฬาบาสเก็ตบอลมากกว่าฟุตบอล ก็เป็นได้
นอกจากนี้ คนไทยจะมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนามากขึ้น คล้ายกับชาวฟิลิปปินส์ ที่มีสายเลือดผสมหลากหลายเชื้อชาติในตัวของพวกเขา คนไทยน่าจะมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ และภาษาสเปนที่ดีขึ้นจากชาติเจ้าอาณานิคมของตน
1
ในช่วงสงครามเย็น ประเทศไทยน่าจะส่งทหารเข้าไปร่วมรบในสงครามเวียดนามมากขึ้น จากการครอบงำของรัฐบาลสหรัฐฯ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้ช่วยให้สหรัฐฯ ชนะในสงครามเวียดนาม และไทยน่าจะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสงครามเวียดนาม ก่อนที่สหรัฐฯ จะถอนกำลังออกไป และลอยแพให้ไทยเผชิญหน้ากับกองทัพเวียดนามที่กำลังเข้มแข็งอย่างโดดเดี่ยวเช่นเคย
1
ในตอนนั้น ไทยเราอาจจะส่งทูตไปเจรจากับจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือตามหน้าประวัติศาสตร์จริง มากกว่าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพเวียดนามที่กำลังฮึกเหิม แน่นอนว่าประเทศไทยอาจจะรอดพ้นจากการรุกรานของกองทัพเวียดนาม แต่ก็ไม่แน่ใจว่าประเทศไทยของเราจะเจริญเทียบเท่ากับปัจจุบันหรือไม่ เพราะชาติอาณานิคมอย่างสเปนและสหรัฐฯ ได้ฝังระเบิดเวลาที่เรียกว่าปัญหาด้านศาสนาทิ้งเอาไว้
แน่นอน เราอาจได้เห็นกองกำลังติดอาวุธหัวรุนแรงไทยพุทธทางภาคเหนือและภาคอีสานบางส่วนก่อเหตุความรุนแรงเพื่อต่อต้านรัฐบาลกลางที่เป็นชาวคริสเตียน ควบคู่ไปกับกองกำลังติดอาวุธหัวรุนแรงไทยมุสลิมทางตอนใต้ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ คงกล่าวได้ว่า ประเทศไทยคงไม่ใช่ดินแดนแห่งรอยยิ้มอีกต่อไปอย่างแน่นอน
ความขัดแย้งด้านศาสนาในฟิลิปปินส์ ระหว่างชาวคริสเตียนและกองกำลังหัวรุนแรงมุสลิม จนนำมาสู่การสู้รบอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่
ข้อมูลจาก :
โฆษณา