Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สยามเทศะ โดย มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์
•
ติดตาม
5 เม.ย. 2022 เวลา 00:00 • ประวัติศาสตร์
เขาคา
ศาสนสถานสำคัญบนคาบสมุทรแห่งสยามประเทศ
เขาคา ตำบลสำเภา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นภูเขาขนาดเล็กลูกโดด สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๗๒ เมตร มีพื้นที่กว้าง ๒๐๐ เมตร ยาวประมาณ ๘๕๐ เมตร ทอดตัวอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีคลองท่าทนไหลผ่าน ประกอบด้วยยอดเขาสองยอด มีลักษณะเป็นเนินบนตระพักเขา บนเนินยอดเขาทั้งสองมีโบราณสถานหลายแห่ง เรียงตามสันเขา บริเวณภูเขาปกคลุมด้วยป่า
โบราณสถานเขาคา (Khao Ka Ancient Remains) เมื่อปี พ.ศ.2509 เขาคาเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักวิชาการโบราณคดี เมื่อชุมนุมศึกษาวัฒนธรรมและโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร นำโดยอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ได้สำรวจพบโบราณสถานบนแนวสันเขาและพบศิวลึงค์ ซึ่งได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยศิลปากรที่ 8 นครศรีธรรมราช
ความสำคัญของเขาคาในลักษณะชุมชนโบราณที่นับถือศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย พบหลักฐานการประดิษฐานศาสนบนยอดเขาอย่างแท้จริง และอาจเป็นแห่งเดียวในจังหวัดนครศรีธรรมราชหรือภาคใต้ ที่มีการจำลองจักวาลคือเขาพระสุเมร (เขาไกรลาส) อันเป็นที่สถิตของพระผู้เป็นเจ้า พระมหาเทวะผู้ยิ่งใหญ่คือพระศิวะมหาเทพ ซึ่งนายคงเดช ประพัฒน์ทอง หัวหน้าสำนักงานหน่วยศิลปากร กรมศิลปากร เรียกบริเวณเขาคาว่า ‘ไศวภูมิมณฑล’ หมายถึงศูนย์กลางแห่งมณฑลของศาสนาฮินดูไศวนิกาย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2530 กรมศิลปากร โดยหน่วยศิลปากรที่ 8 นครศรีธรรมราช ได้เริ่มขุดแต่งเนินโบราณสถานบนเขาคา และบูรณะโบราณสถานอย่างต่อเนื่องจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2536
อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม เขียนในบทความ ชุมชนฮินดูในรัฐตามพรลิงค์ อธิบายถึงกลุ่มโบราณสถานเขาคา คลองท่าน้อย คลองท่าลาดและคลองกาย ไว้ว่า
' ...เทวสถานที่เขาคา นับว่าเป็นกลุ่มอาคารแบบฮินดูที่มีโครงสร้างของฐานอาคารขนาดใหญ่กว่ากลุ่มเทวสถานแบบฮินดูอื่นใดในนครรัฐตามพรลิงค์ มีจำนวนอาคารหลายหลังติดต่อกันตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดย่อมๆ ซึ่งมีการประดิษฐานรูปเคารพและแท่นรองเทวรูปหรือศิวลึงค์สำหรับทำพิธีกรรม พร้อมทั้งสระน้ำสำหรับเพื่อใช้ในพิธีกรรม โดยมีแท่นหินสำหรับอรรถจันทร์ เสาประดับกรอบประตู และฐานรองหลุมเสาทำจากหินแกรนิต แท่นรองศิวลึงค์แบบที่พบที่พระสยมและศิวลึงค์ทำจากหินเชล... '
พร้อมกันนั้นได้วิเคราะห์ไว้ในบทความ 'นครรัฐเมืองท่าที่เขาคา' ถึงการสำรวจศึกษาลงพื้นที่เขาคาอย่างละเอียดว่า
' ...กลุ่มบ้านเมืองแห่งที่ ๒ รองจากบริเวณลุ่มน้ำคลองท่าเรือรี คลองท่าควาย ก็คือชุมชนโบราณในลุ่มน้ำคลองท่าน้อยและคลองท่าทน ที่อยู่ต่ำลงจากเขตตำบลคลองท่าน้อย ซึ่งลำน้ำได้แยกมาจากคลองท่าควายบริเวณวัดเขาใหญ่ ผ่านตำบลเขาน้อยและไหลสมทบกับคลองท่าทนบริเวณแนวสันทรายในเขตตำบลกลาย คือเป็นลำน้ำที่ไหลคู่ขนานไปออกทะเลที่วัดเสาเภา (วัดคงคาวดี) ณ บริเวณเขาคา ตำบลเขาคา อำเภอสิชล ซึ่งเป็นเขาเตี้ยๆ มีลักษณะยาวรี กว้างราว ๓๐๐ เมตร ยาวราว ๘๕๐ เมตร ด้านเหนือของภูเขาติดกับลำคลองท่าทน ก่อนที่ลำน้ำจะไหลไปทางตะวันออก ผ่านวัดปากด่านบนแนวสันทรายไปออกทะเลในเขตวัดเสาเภา
บนเขาคามีศาสนสถานฮินดูตั้งอยู่เป็นระยะต่อเนื่องตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงยอดเขา โดยมีทางเดินต่อถึงกันหลายแห่ง คล้ายกับเทวสถานบนเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ แต่ต่างกันตรงที่เขาคาเป็นเทวสถานที่ก่อด้วยศิลาแลงและอิฐ โดยส่วนบนสร้างลักษณะอาคารโถง ไม่มีผนัง หลังคาทำเป็นยอดปราสาท
เทวาลัยสำคัญตั้งอยู่ตอนกลาง มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ภายในอาคารเทวาลัยแต่ละแห่งมีแท่นศิวลึงค์และฐานตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังพบเทวรูปพระนารายณ์สวมหมวกแขกที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ลงมา ศาสนสถานที่เขาคาแห่งนี้คือศูนย์กลางสำคัญทางพิธีกรรมของบ้านเมืองตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒ ลงมา โดยมีตัวเมืองตั้งอยู่ ณ บริเวณรอบเขา เห็นได้จากบริเวณสองฝั่งคลองท่าทนและด้านหน้าเขาที่เป็นที่ลาดลุ่มกว้างใหญ่ สามารถทำนาและเพาะปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ ได้ รวมทั้งมีศาสนสถานฮินดูกระจายอยู่ทั่วไป
ในการสำรวจศึกษาของข้าพเจ้าแต่เริ่มแรกที่เขาคา พบว่าตั้งแต่บริเวณเขาขึ้นไปจนถึงทางทิศเหนือใกล้กับบ้านนาขอม อำเภอสิชล เป็นบริเวณที่พบแท่งศิวลึงค์และฐานเทวรูปมากกว่าแห่งอื่นๆ เมื่อเทียบกับบริเวณที่อยู่ต่ำจากเขาคาลงมา เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่พื้นที่ลาดเขาหลวงลงมายังแนวสันทรายชายฝั่งทะเลในเขตอำเภอสิชลนี้ เป็นแหล่งที่ตั้งของบ้านเมืองแว่นแคว้นที่นับถือศาสนาฮินดูเป็นศาสนาหลัก และคงเป็นเมืองสำคัญของรัฐตามพรลิงค์ที่มีการกล่าวถึงในศิลาจารึก หลักที่ ๒๔ วัดหัวเวียง เมืองไชยา เอ่ยพระนามพระมหากษัตริย์ผู้ครองแคว้นว่า “ตามพรลิงเคศวร” หรือพระผู้เป็นใหญ่แห่งตามพรลิงค์ เช่นเดียวกับจารึกที่กล่าวถึงพระเจ้ากรุงศรีวิชัยที่เมืองชยา และพระเจ้ากรุงศรีทวารวดีที่เมืองนครปฐม ลพบุรี และเมืองอื่นๆ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ตำแหน่งของเมืองที่เขาคานี้มีระยะห่างจากชายฝั่งทะเลที่เป็นแนวสันทราย ในลักษณะเป็นนครรัฐเมืองท่า เช่นเดียวกันกับเมืองไชยาที่อ่าวบ้านดอน โดยตั้งอยู่ใกล้ลำน้ำที่ไหลออกสู่ทะเลในบริเวณสันทรายชายทะเลในเขตวัดเสาเภา อันเป็นแหล่งเรือจอด เช่นเดียวกับบริเวณแหลมโพธิ์ของอ่าวบ้านดอนที่ห่างจากเมืองนครรัฐราว ๖-๗ กิโลเมตร
เพราะถ้าล่องตามลำคลองท่าทนไปจนถึงชายฝั่งทะเลที่เป็นแนวสันทรายในเขตตำบลอันเป็นที่ตั้งของวัดเสาเภา ที่หมายถึงเรือสำเภานั้น ด้านหน้าของแนวสันทรายเป็น “ลากูน” ที่เกิดจากแนวสันทรายใหม่ก่อตัวขึ้นจนปิดทางน้ำของคลองเสาเภา กลายเป็นเวิ้งน้ำใหญ่ภายในสันทรายใหม่ ลากูนดังกล่าวมักเป็นแหล่งจอดเรือสมัยโบราณ เช่นเดียวกันกับบริเวณหัวเขาแดงเมืองสงขลา และบรรดาเมืองท่าชายฝั่งทะเลของเวียดนาม ตั้งแต่ดานังลงมาจนถึงญาจาง สำหรับลากูนอันเป็นแหล่งท่าจอดเรือของเมืองโบราณที่เขาคานี้ ปัจจุบันมีผู้เปลี่ยนแปลงให้เป็นบ่อเลี้ยงกุ้งตามชายฝั่งทะเลไปเสียมากแล้ว... '
จากการขุดแต่งและบูรณะโดยหน่วยศิลปากรที่ 8 นครศรีธรรมราช ปี 2530 พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรม เช่น ธรณีประตู กรอบประตู ฐานเสา นอกจากนี้ยังพบโบราณวัตถุ ได้แก่ รูปเคารพ ฐานโยนิ ศิวลึงค์ แต่เดิม เส้นทางขึ้นเขาคาอยู่ทางทิศตะวันตกใกล้กับคลองท่าทน ปัจจุบันทางขึ้นตั้งอยู่ทางทิศใต้ ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นขั้นบันไดค่อยๆลาดชันขึ้นไปสู่โบราณสถาน เริ่มจาก โบราณสถานหมายเลข 1 เป็นอาคารผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่ออิฐเรียงตัวสูงจากพื้นดิน ภายในมีฐานโยนิตั้งอยู่ พร้อมกับชิ้นส่วนของหินธรณีประตู และฐานเสากระจัดกระจาย
บทความ 'เขาคา วิมานแห่งพระศิวะมหาเทพ' โดย นงคราญ ศรีชาย ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารเมืองโบราณ ฉบับเดือน กรกฎาคม - กันยายน ๒๕๔๒ปีที่ ๒๕ ฉบับ ๓ กรกฎาคม - กันยายน ๒๕๔๒ ได้ตีความให้ เขาคา ศูนย์กลางจักรวาลแบบย่อส่วน ไว้ว่า
‘ …การติดต่อค้าขายทางทะเลกับชาวอินเดียทำให้ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรม คติความเชื่อทางศาสนาจากพ่อค้าและนักบวช (พราหมณ์) ชาวอินเดีย ราวพุทธศตวรรษ 12-14 เป็นยุคเฟื่องฟูของศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย มีการตั้งเทวาลัยจำนวนมากทั้งพื้นราบและบนเนินเขา
ขณะที่ศาสนาสถานแบบพุทธนิยมก่อตั้งบนพื้นราบ จากการขุดค้นทางโบราณคดีที่ผ่านมา พบว่าบริเวณพื้นที่เขตอำเภอสิชลปรากฏการตั้งเทวสถานในศาสนาพราหมณ์หนาแน่น มากกว่า40 แห่ง โดยมี "โบราณสถานเขาคา" เป็นศูนย์กลางจักรวาลบนโลกมนุษย์ ตามคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์
เขาคา ประกอบด้วยยอดเขา 2 ยอด โดยมีศาสนสถานก่อตั้งตามคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกายนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ตั้งเรียงรายตามสันเขา เปรียบเขาคาดั่งเขาพระสุเมรุที่ประทับของเทพเจ้าสูงสุดเสมือนเทวาลัยแห่งพระศิวบนยอดเขา ประดิษฐานศิวลึงค์ตามคัมภีร์ศิวปุราณะ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระผู้เป็นเจ้าอันยิ่งใหญ่ โดยมีลำน้ำหรือคลองท่าทนไหลผ่านเขาคาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศเหนือ สมมติเป็นแม่น้ำคงคาตามความเชื่อทางศาสนา
นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานมีความสัมพันธ์กับลัทธิไวษณพนิกาย เช่น พระวิษณุศิลากลุ่มศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรม สำคัญทางศาสนา และเป็นที่พำนักของพราหมณ์ผู้ประกอบพิธี... ‘
ติดตามบทความ วิดีโอ และรายการต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/สยามเทศะ-โดยมูลนิธิเล็ก-ประไพ-วิริยะพันธุ์-323215901674254
https://www.youtube.com/user/lekprapai/featured
https://siamdesa.org
https://www.instagram.com/siamdesa_lekprapai/?hl=th
https://lek-prapai.org/home
https://www.blockdit.com/pages/60934dc31b39400c4b221773
บันทึก
4
1
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย