5 เม.ย. 2022 เวลา 02:55 • ประวัติศาสตร์
"ภัยพิบัติจากโรงไฟฟ้า...เชอร์โนบิล"
เช้าวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2529 เกิดอุบัติภัยนิวเคลียร์ครั้งสำคัญในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในประเทศยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตในสมัยนั้น มีการปลดปล่อยกัมมันตรังสีขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งนับว่ามีปริมาณมากกว่าการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในจังหวัดฮิโรชิมาและนางาซากิของประเทศญี่ปุ่นนับพัน ๆ เท่า การระเบิดของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์นี้นับว่าเป็นอุบัติภัยนิวเคลียร์พลเรือนครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังคงส่งผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านพ้นไปเป็นเวลา 27ปีแล้ว
การเกิดระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลเริ่มจากการทดสอบ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ทดสอบว่ากังหันไฟฟ้าจะผลิตพลังงานได้เพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้ปั๊มหล่อเย็นทำงาน หากเกิดกรณีไฟฟ้าตกในช่วงเวลาก่อนที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลฉุกเฉินจะเริ่มทำงาน ตารางเวลาการทดสอบได้ถูกเลื่อนจากช่วงเวลากลางวันเป็นกลางคืนเนื่องจากต้องการทดสอบว่าเตาปฏิกรณ์จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราการใช้ไฟฟ้าสูงได้หรือไม่
ที่มา : postjang.com
ก่อนที่การทดสอบจะเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 1.23 น. ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการเข้าเวรในช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้งระบบรักษาความปลอดภัยถูกปิดโดยเจตนา หลังจากการทดสอบเริ่มขึ้น เตาปฏิกรณ์ก็เริ่มอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมได้ แกนเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ปะทุออกทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ฝาครอบน้ำ หนัก 1,000 ตันที่คลุมอาคารเตาปฏิกรณ์ระเบิดออก อุณหภูมิกว่า 2,000 องศาเซลเซียสทำให้แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลาย แท่งกราไฟต์ที่หุ้มเตาปฏิกรณ์ติดไฟและลุกไหม้เป็นเวลา 9 วัน
มีความพยายามในการดับไฟนานหลายวัน และได้มีการสร้าง “โลงหินโบราณ” เพื่อปกคลุมเตาปฏิกรณ์ที่ได้รับความเสียหาย
หลังจากใช้เวลาก่อสร้าง 10 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ก็ละทิ้งพื้นที่โดยทันที จากวันที่ 27 เมษายนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบินอยู่เหนือบริเวณที่เกิดการเผาไหม้ เพื่อโปรยตะกั่วปริมาณ 2,400 ตัน และทรายปริมาณ 1,800 ตันลงสู่เปลวไฟที่ลุกโชนเพื่อดูดซับกัมมันตรังสี ความพยายามครั้งนั้นกลับไม่เป็นผลสำเร็จ แต่กลับยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเนื่องจากเกิดการสะสมของความร้อนภายใต้กองวัสดุที่ทิ้งลงไป อุณหภูมิในเตาปฏิกรณ์พุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังมีกัมมันตรังสีพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก ในระยะสุดท้ายของการผจญเพลิง แกนเชื้อเพลิงของเตาปฏิกรณ์ถูกทำให้เย็นลงด้วยสารไนโตรเจน กว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมไฟและการปล่อยกัมมันตรังสีไว้ได้ก็ล่วงเลยเข้าวันที่ 6 พฤษภาคมแล้ว
8 เดือนหลังเกิดเหตุระเบิด ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2529 ได้มีการสร้าง “โลงหินโบราณ” หรือสิ่งปกคลุมขนาดใหญ่ที่ทำจากเหล็กกล้าหนัก 7, 000 ตัน และคอนกรีต 410,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อปกคลุมเตาปฏิกรณ์ที่ระเบิด และเพื่อเป็นการหยุดการปลดปล่อยกัมมันตรังสีขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ หลังจากเหตุอุบัติภัยนิวเคลียร์ครั้งนี้ผ่านพ้นไป 3 ปี รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตก็หยุดการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์ที่ 5 และ 6 ที่เชอร์โนบิล หลังการเจรจาต่อรองในระดับนานาชาติซึ่งกินเวลามายาวนาน มีมติให้ปิดพื้นที่นั้น ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2543 นับเป็นเวลา 14 ปีหลังเกิดอุบัติเหตุ
โฆษณา