5 เม.ย. 2022 เวลา 17:34 • ไอที & แก็ดเจ็ต
แว่นอัจฉริยะสุดล้ำพร้อมเทคโนโลยี AR ปี 2022
เทคโนโลยี Augment Reality (AR) และ Mixed Reality (XR) กำลังได้รับความสนใจจากผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการนำมาใช้ 2 ด้านหลัก ได้แก่ แอปพลิเคชันสังคม (Social Application) และ เทคโนโลยีเพื่อการทำงานร่วมกัน (Collaboration Technology) สำหรับผู้ใช้มืออาชีพเพื่อปรับปรุงงาน ผู้ที่ทำงานภาคสนาม หรือกลุ่มคนที่ต้องทำงานออกแบบร่วมกัน
Augmented Reality (AR) แตกต่างจาก Virtual Reality (VR) คือไม่ขึ้นกับอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Device) ที่ต้องใช้แว่น สามารถใช้ได้กับโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีแนวโน้มในการนำมาใช้อย่างแพร่หลายแต่หลายคนก็ยังมีความเข้าใจน้อยกว่าเทคโนโลยี VR
เทคโนโลยี AR กำลังได้รับการจับตามอง ที่จะใช้ในการทำงานที่บ้าน (Work from home) หลังยุคโควิด เพื่อกำจัดข้อด้อยในการทำงานทางไกล หากคุณทำงานด้านการออกแบบ งานภาคสนาม มีหน้าที่ประสานงาน แว่น AR จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานทางไกล ลองมาดูว่าอุปกรณ์ AR มีแบบไหนกันบ้าง
ชนิดของแว่น AR
1. จอแสดงผลเฮดอัพ (Heads Up Displays, HUDs)
จอแสดงผลเฮดอัพ (Heads Up Display) เป็นระบบการมองจากเครื่องบินไอพ่น ที่เริ่มนำมาใช้ในรถยนต์ ระบบจะฉายข้อมูลบนจอมองภาพด้านหน้า ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องชำเลืองมองไปที่อื่น เช่น แสดงความเร็วรถบนกระจกหน้าแทนที่ผู้ขับต้องมองไปที่หน้าปัด นอกจากนี้ยังสามารถแสดงข้อมูลอื่นๆ เช่น เส้นทาง ตำแหน่ง ระยะห่าง ข้อความสนทนา รวมถึงภาพสามมิติและวีดีโอ
2. จอแสดงผลโฮโลแกรม (Holographic Displays)
การแสดงผลโฮโลแกรมใช้การเลี้ยวเบนของแสงเพื่อสร้างภาพสามมิติ การแสดงผลนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นหรืออุปกรณ์พิเศษ จึงได้เปรียบการแสดงผลสามมิติแบบอื่น แว่น AR แบบโฮโลแกรมจะแสดงภาพสามมิติทับภาพจริงที่ผู้ใช้กำลังมองอยู่และเห็นเป็นภาพเสมือนจริง
3. แว่นอัจฉริยะ (Smart Glasses)
แว่น AR อัจฉริยะเป็นแว่นสวมใส่ที่มีคอมพิวเตอร์ประมวลผลในตัว แว่นจะสร้างภาพสามมิติ เช่น แอนิเมชันหรือวีดีโอทับภาพจริง ข้อมูลภาพถูกส่งมาจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่านทาง Wi-Fi หรือ Bluetooth รวมถึงข้อมูล GPS
4. อุปกรณ์มือถือ (Handheld)
อุปกรณ์มือถือ AR ใช้โทรศัพท์มือถือร่วมกับแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างภาพความจริงเสมือน อุปกรณ์นี้มีความแตกต่างจากแว่น AR ที่สวมใส่ศีรษะและมีราคาถูกกว่า ตัวอย่างเช่น การเล่นเกม Pokémon Go บนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบแว่นสวมใส่ที่ใช้ร่วมกับโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ได้ภาพเสมือนจริงที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
แว่นอัจฉริยะ AR รุ่นไหนดี
แว่นอัจฉริยะมีวางจำหน่ายมา 10 ปีแล้ว เริ่มจาก Google X ที่พัฒนา Google Glass แต่ยังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากนักเพราะมีราคาแพง ปัจจุบันเทคโนโลยี AR ก้าวหน้าไปมาก และแว่น AR มีราคาถูกลง มาดูกันว่าแว่น AR ที่วางจำหน่ายปีนี้ มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
Google Glass Enterprise 2
Google Glass เป็นแว่น AR ประเภท Mixed Reality รุ่นที่ 2 ที่ใช้พื้นฐานจาก Google Glass รุ่นแรก เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเชี่ยวชาญ แว่นตานี้ใช้แพลตฟอร์ม Android Open Source ในการพัฒนา มีราคา 1,000 USD (ประมาณ 33,000 บาท) ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งหลายราย
แว่นรุ่นนี้มีน้ำหนักเบา สามารถสั่งงานด้วยเสียงและการมองโดยไม่จำเป็นต้องใช้มือ เป็นแว่นที่เหมาะกับงานที่ต้องการความเป็นมืออาชีพ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ผู้คุมแล็บ ผู้ทำงานในไลน์การผลิต นอกจากนี้กล้องขนาด 8 MP ที่มากับแว่นยังช่วยบันทึกภาพ และสามารถย้อนกลับไปดูได้อย่างราบรื่น
การใช้งานแว่นตาต้องมีแอปพลิเคชันเฉพาะทางจากผู้ผลิต ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Third-party เช่น ถ้าต้องใช้งานด้านธุรกิจอาหาร ต้องติดต่อกับผู้ให้บริการ NSS EyeSucceed เพื่อหาแอปพลิเคชันสำหรับช่วยเหลือหรือฝึกอบรมที่หน้างาน
Microsoft HoloLens 2
แว่น HoloLens 2 ถูกนำมาใช้งานด้าน Mixed Reality โดยบริษัทชั้นนำ เช่น AirBus Audi Goodyear และ L’Oreal รวมถึงผู้ใช้ทั่วไป แว่นตารุ่นนี้มีความสามารถและมีส่วนประกอบมากมายเพื่อให้ใช้ได้กับงานที่ต้องการ เช่น การผลิต วิศวกรรม การก่อสร้าง สุขภาพ และการศึกษา ราคาของแว่นรุ่นมาตราฐานอยู่ที่ 3,500 USD (ประมาณ 115,500 บาท) และ 5,000 USD (ประมาณ 165,500 บาท) สำหรับรุ่นที่ออกแบบเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมเสี่ยงภัย
แว่นรุ่นนี้ต่างจาก Google Glass Enterprises 2 ที่เน้นการส่งภาพวีดีโอสำหรับผู้ทำงานระยะไกล แต่แว่น HoloLens ใช้การสร้าง Mixed Reality ด้วยกล้องโฮโลแกรมที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสได้โดยไม่ต้องใช้ถุงมือพิเศษ แว่นรุ่นนี้มีระบบติดตามมือทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสหรือหยิบภาพโฮโลแกรมที่เป็นธรรมชาติ
แว่นรุ่นนี้เหมาะกับการประสานงานทางไกล หากนึกถึงนักวิจัยยาทำการค้นคว้าร่วมกับผ่านภาพโฮโลแกรมพร้อมกับปรึกษางาน หรือวิศวกรที่กำลังทำงานกับหัวหน้าโครงการเพื่อแก้ไขชิ้นส่วนที่มีปัญหา แว่น HoloLens ทำงานบนแพลตฟอร์ม Azure ที่น่าจะเป็นมาตาฐานขององค์กรด้าน Mixed Reality ร่วมกับการใช้โฮโลแกรม
Lenovo ThinkReality A3
Lenovo กำลังเข้าสู่ตลาดแว่น AR ด้วย ThinkReality A3 ที่แตกต่างจาก Google Glass Enterprise 2 และ Microsoft HoloLens แว่นรุ่นนี้ออกแบบมาให้ใช้สายสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งน่าจะสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ใช้งานพอสมควร และน่าจะเหมาะสมกับการทำงานที่บ้านหรือออฟฟิตมากกว่างานภาคสนาม
Lenovo มองว่าแว่น AR เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์ เน้นที่การใช้ร่วมกับเครื่อง ThinkPad หรือโทรศัพท์ Moto G100 ของ Lenovo แว่นรุ่นนี้มีน้ำหนักเบาและความสามารถใกล้เคียงกับ Google Glass Enterprise 2 รวมถึงกล้อง 8MP และลำโพงในตัว ราคาแว่นรุ่นนี้อยู่ที่ 1,500 USD (ประมาณ 49,500 บาท) ซึ่งอาจไม่ดึงดูดผู้ใช้ทั่วไป
Ray-ban Story
Ray-ban Story ที่ Facebook ร่วมพัฒนากับ Ray-ban ที่เชี่ยวชาญการออกแบบแว่น รูปทรงแว่นรุ่นนี้เหมือนกับแว่นกับแดด Wayfarer ทั่วไปแต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย หากไม่สังเกตุอาจแยกไม่ออกว่าเป็นแว่นธรรมดาหรือแว่นอัจฉริยะ แว่นรุ่นนี้มีให้เลือกด้วยกัน 8 สี ราคาอยู่ที่ 299 USD (ประมาณ 10,000 บาท)
แว่น Ray-ban Story มีน้ำหนักเบา มาพร้อมกับกล้องขนาด 5 MP และลำโพงจำนวน 2 ชุด พร้อมด้วยไมโครโฟน 3 ตัว ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm พื้นที่เก็บข้อมูลมีขนาด 4GB ซึ่งจะทำการโอนย้ายข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถืออัตโนมัติ จึงเพียงพอต่อการใช้งาน ขาแว่นด้านขวามีระบบสัมผัสที่สามารถใช้ควบคุมการเล่นวีดีโอหรือปรับระดับเสียงได้
กล่องแว่นตาเป็นที่ชาร์จในตัวผ่านพอร์ต USB-C เมื่อนำแว่นไปไว้ในกล่องระบบชาร์จไฟจะทำงานอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามแว่นรุ่นนี้เป็น Interactive Glass ที่สามารถบันทึกภาพถ่าย เสียง และวีดีโอเท่านั้น ยังไม่มีฟังก์ชัน AR เต็มประสิทธิภาพ คาดว่าทาง Facebook จะพัฒนาความสามารถ AR ในแว่นรุ่นถัดไป
Apple Glasses
แว่น Apple Glasses ที่กำลังได้รับการพัฒนาโดย Apple เป็นแว่นที่สามารถแสดงข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ iPhone ไปยังผู้สวมใส่ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ดูแผนที่นำทาง ประชุมทางไกล และเล่นเกมได้ แว่นรุ่นนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 15.4 ที่เพิ่มความสามารถด้าน AR ที่อาจนำเสนอใหม่ในชื่อ realityOS แว่นรุ่นแรกนี้ออกแบบเพื่อให้ใช้ร่วมกับโทรศัพท์ iPhone เท่านั้น ไม่สามารถทำงานด้วยตัวเอง (Standalone) ได้
แว่นรุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์ LiDAR ที่สามารถรับภาพแบบสามมิติแทนการใช้กล้องทำให้มีความแม่นยำสูง คาดว่าจอแว่นจะมีความละเอียด 447 PPI อยากไรก็ตามมีข่าวว่าแว่นรุ่นนี้อาจใช้การส่งภาพไปยังดวงตาโดยตรงแทนใช้กระจกใส คาดว่าแว่นรุ่นนี้จะมีราคา 499 USD (ประมาณ 16,000 บาท) และเปิดตัวปลายปี 2022 แต่อาจล่าช้าไปจนถึงช่วงปี 2023 หรือ 2024
โฆษณา