Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
9 เม.ย. 2022 เวลา 05:09 • กีฬา
วันที่เดวิด มอยส์ ย้ายมาแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ 2 สโมสรถึงช่วงดาวน์พร้อมกัน มันเกิดอะไรขึ้น วิเคราะห์บอลจริงจังจะย้อนอดีตเมื่อ 9 ปีที่แล้วให้ฟัง
2
จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุด ที่ทำให้ 2 สโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เอฟเวอร์ตัน เข้าสู่ช่วงขาลงพร้อมกัน คือในช่วงซัมเมอร์ ปี 2013 เมื่อเดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมทอฟฟี่ ย้ายมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนฯ ยูไนเต็ด
บทสรุปของเรื่องนี้ ลงเอยด้วยการไม่แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย เอฟเวอร์ตันพอไม่มีเดวิด มอยส์ ก็เปลี่ยนโค้ชมาหลายครั้ง แต่คนที่มาแทนที่ ไม่มีใครทำผลงานได้เหนือกว่ามอยส์เลยสักคน
เช่นเดียวกับแมนฯ ยูไนเต็ด เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาทีมไปด้วยตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก แสดงให้เห็นคุณภาพของทีมยังดีอยู่ ถ้าหากได้โค้ชคนใหม่ที่ถูกต้อง ก็อาจสานต่อความสำเร็จที่เฟอร์กี้ทิ้งไว้ได้ แต่พอมาเป็นมอยส์ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ฟอร์มเป๋ตั้งแต่ปีแรก และจากนั้นมาก็ไม่เคยกลับไปเป็นแชมป์ลีกได้อีกเลย
ดังนั้นจะเห็นว่า ดีลนี้ ไม่มีใครมีความสุขเลยสักคน แม้แต่ตัวมอยส์เองก็ยอมรับว่าเขาเสียใจที่วันนั้นเลือกอำลาเอฟเวอร์ตัน
คำถามที่น่าสนใจคือ มีอะไรในตัวเดวิด มอยส์ ที่ไปโดนใจแมนฯ ยูไนเต็ด ทำไมจึงถูกเลือกมาเป็นผู้สืบทอดของเฟอร์กูสัน
1
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คือเดวิด มอยส์ ไม่ใช่ตัวเลือกแรก แต่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่พอจะมี
ในซีซั่น 2012-13 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเฟอร์กี้ เขาใช้เวลานานมาก ในการพิจารณาหาโค้ชคนใหม่ โดยคนกลุ่มแรกที่ถูกพิจารณาก่อนคือ "คนใน" ของสโมสร เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านจากผู้จัดการทีม ที่คุมทีมมา 27 ปี ไปสู่โค้ชคนใหม่ ย่อมถูกกระแสแฟนบอลต่อต้านอยู่แล้ว การได้อดีตนักเตะ หรืออดีตสตาฟฟ์ของทีม อย่างน้อยที่สุด ก็ยังพอทำให้แฟนบอลไม่โมโหมาก ถ้าทีมผลงานไม่ดี
1
คนแรกที่ถูกมองคือ คาร์ลอส เคยรอซ อดีตผู้ช่วยของเฟอร์กี้ ซึ่งเป็นคนที่เฟอร์กี้ยอมรับว่าฉลาด รอบรู้ แต่ปัญหาคือเคยรอซ เคยอำลาแมนฯ ยูไนเต็ด 2 รอบ เพื่อไปคุมเรอัล มาดริด กับทีมชาติโปรตุเกส ดังนั้นมันเลยมาคาแรคเตอร์ของคนที่ไม่ค่อยจงรักภักดีเท่าไหร่อยู่ ชอยส์เคยรอซจึงโดนตัดทิ้ง
ไรอัน กิ๊กส์ เป็นชอยส์ที่มีคนพูดขึ้นมา เพราะเป็นคนฉลาดรอบรู้ แต่เฟอร์กี้ ยังไงก็ไม่เอา เพราะกิ๊กส์ยังไม่แขวนสตั๊ด และไม่เคยมีประสบการณ์ทำทีมมาก่อน มันจะเป็นภาระหนักเกินไป ถ้าต้องมาสานต่อเขาโดยทันที
มาร์ก ฮิวจ์ส พอมีฝีมือแต่เคยไปคุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาก่อน ส่วนเรเน่ มิวเลนสตีน เป็นโค้ชที่เก่ง แต่พอเป็นผู้จัดการทีมจริงๆ ที่ฟูแล่ม ก็เห็นชัดเจนว่าแบกรับความกดดันไม่ไหว คนบางคนเหมาะแค่กับการเป็นโค้ชอย่างเดียว บริหารไม่ได้
เท่ากับว่า "คนใน" ไม่มีใครเลย ที่มีศักยภาพลงตัว จะสามารถเป็นแคนดิเดทได้ ดังนั้นเซอร์อเล็กซ์ จึงมองหาผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในวงการ
คนแรกที่เฟอร์กี้ คุยด้วย คือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในปี 2012 ทั้งคู่นัดกินข้าวกันที่นิวยอร์ก เฟอร์กี้เล่าว่า "เป๊ป เป็นคนที่ผมชื่นชมอย่างมาก ผมขอเขาว่า ถ้าหากเขาได้รับข้อเสนอจากสโมสรอื่น ช่วยโทรบอกผมก่อนได้ไหม แต่สุดท้ายเขารับข้อเสนอจากบาเยิร์น มิวนิค และไม่ได้โทรหาผมด้วย" ซึ่งเมื่อเป๊ปเลือกไปบาเยิร์น ชอยส์นี้ก็โดนตัดทิ้งไปอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้น เฟอร์กี้ ก็เล็งไปที่โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มีข่าวว่าขัดแย้งกับฟลอเรนติโน่ เปเรซ และเตรียมจะอำลาเรอัล มาดริด ซึ่งเฟอร์กี้ยอมรับว่าตอนที่เขากำลังจะไฟมอด ตอนที่มูรินโญ่ย้ายมาเชลซีรอบแรก ได้ปลุกไฟนักสู้ในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นมา มูรินโญ่เป็นคนคาแรคเตอร์โดดเด่น บริหารคนเก่ง ดังนั้นก็เหมาะ ที่จะมาคุมแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ปัญหาคือ มูรินโญ่ไปมีสัญญาใจกับโรมัน อบราโมวิชไว้แล้วว่า ถ้าอำลามาดริด จะกลับไปเชลซีรอบ 2 ดังนั้นตัวเลือกนี้ก็ล่มไปอีกคน
7
คนต่อมาคือคาร์โล อันเชล็อตติ ก็วืดอีก เพราะทันทีที่มูรินโญ่บอกว่าจะกลับเชลซี อันเช่ก็เตรียมไปเสียบแทนที่เรอัล มาดริด ขณะที่หลุยส์ ฟาน กัล ก็รับงานคุมทีมชาติฮอลแลนด์ไปลุยฟุตบอลโลก 2014
ปิดท้ายด้วยเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ดูมีความสุขกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ดี ข่าวล่าสุดคือกำลังจะต่อสัญญากับทีมเสือเหลืองต่อไป (คล็อปป์เซ็นสัญญาจริง เดือนตุลาคม 2013 เซ็นเป็นเวลา 5 ปี) ดังนั้นก็คงไม่ย้ายมาแมนฯ ยูไนเต็ดเช่นกัน
เฟอร์กูสันบอกว่า ถ้าเป็นธุรกิจอย่างอื่น แล้วอยากหาซีอีโอเก่งๆ คุณอาจมีตัวเลือกหลายร้อย หลายพัน แต่ในวงการฟุตบอล คนที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เป็นระดับท็อปของโลก มีอย่างมากก็ 30 คน ดังนั้นแม้แมนฯ ยูไนเต็ด จะอยากได้คนที่เก่ง แต่ถ้าจังหวะไม่ลงตัว การเจรจาก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนี้เหลือแค่ 2 แนวทาง คือ จะวัดดวงกับผู้จัดการทีมที่ไร้ประสบการณ์ไปเลย เหมือนกวาร์ดิโอล่าที่คุมบาร์ซ่า ในปี 2008 ทั้งๆ ที่ไม่เคยคุมทีมอาชีพมาก่อน หรืออีกทางคือเขาตัวเลือกเกรดบี แล้วสามารถเอามาปลุกปั้นต่อได้เพื่อให้ยกระดับเป็นเกรดเอ
สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เลือกแนวทางหลัง พวกเขาติดต่อไปหาเดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน และยื่นข้อเสนอให้ มองในแง่ว่า ขนาดคุมเอฟเวอร์ตันที่มีทรัพยากรจำกัด เขายังพาทีมอยู่อันดับ 5-6 ได้ตลอด เคยขึ้นสูงสุดถึงอันดับ 4 มาแล้ว และถ้าหากมีอาวุธครบมือ มีเงินทองไม่อั้น มอยส์อาจจะปล่อยของออกมาให้เห็นทุกสัปดาห์เลยก็ได้
2
ฝั่งทีมปีศาจแดง ยื่นข้อเสนอให้มอยส์ถึง 6 ปีเต็ม คือกะจะสร้างอนาคตไปด้วยกันนานๆ โอเค ว่าเขาอาจไม่ใช่ชอยส์แรก แต่ก็เป็นชอยส์ที่สมเหตุสมผล
ค่าจ้างไม่แพง, เป็นสกอตติชเหมือนเฟอร์กี้, อายุเหมาะสม 50 ปี ไม่อายุมากไป และ ดูไม่ใช่คนขี้เบื่อ เพราะเขาคุมเอฟเวอร์ตันนานถึง 11 ปีติดต่อกัน นอกจากนั้นยังเป็นคนปลุกปั้นเวย์น รูนี่ย์ ที่เอฟเวอร์ตัน ก็น่าจะรู้วิธีใช้งานที่แมนฯ ยูไนเต็ดด้วย
1
ในมุมของเฟอร์กี้ ก็คิดว่ามอยส์ ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่ เฟอร์กี้เกิดที่เมืองโกแวน ส่วนมอยส์เกิดที่เมืองเบียร์สเดน ที่ห่างกันแค่ 15 นาที ดังนั้นสองคนมีแบ็กกราวน์ และทักษะความคิดที่คล้ายๆ กัน ให้ Value กับการทำงานหนักเหมือนกัน คือถ้าไม่ได้เป๊ป คล็อปป์ มูรินโญ่ การเลือกมอยส์ก็นับว่าพอไหว
เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ดยื่นข้อเสนอไป ก็อยู่ที่ว่าตัวมอยส์จะกล้ารับความท้าทายกับทีมใหญ่ที่สุดในอังกฤษ หรือว่าจะอยู่เอฟเวอร์ตันต่อ พาทีมให้ก้าวหน้าไปไกลกว่าเดิม เพราะเอาจริงๆ แฟนๆ ทีมทอฟฟี่ก็รักเขามากทีเดียว
1
ในมุมของเดวิด มอยส์ เขากำลังจะหมดสัญญากับเอฟเวอร์ตันพอดี และจริงๆ บิลล์ เคนไรท์ ประธานสโมสรก็ยื่นสัญญาใหม่ให้แล้วด้วย แต่เมื่อได้รับข้อเสนอจากแมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ต้องเอามาพิจารณาก่อน
1
สิ่งที่มอยส์เสียดาย คือเขากำลังสร้างเอฟเวอร์ตันยุคใหม่ขึ้นมา ที่พร้อมจะต่อกรแย่งท็อปโฟร์ได้ ในทีมมีเลห์ตัน เบนส์, เชมัส โคลแมน, มารูยาน เฟลไลนี่, เควิน มิรัลลาส และ ฟิล จากีลก้า ถือว่าเป็นผู้เล่นคุณภาพทุกคน ส่วนดาวรุ่งที่กำลังพุ่งขึ้นมา ก็มีทั้งรอสส์ บาร์คลีย์, จอห์น สโตนส์ และ เชน ดัฟฟี่ การย้ายทีมไป ก็แปลว่าเขาไม่มีโอกาสจะได้เห็นว่าทีมเหล่านี้จะไปได้ไกลแค่ไหน
นอกจากนั้นหลายคนก็เตือนว่า ที่แมนฯ ยูไนเต็ด แรงกดดันเยอะ สู้อยู่กับบ้านหลังเดิมที่ยังไงแฟนบอลก็รักเขา น่าจะเป็นชอยส์ที่ปลอดภัยกว่า คิดดูว่าแฟนบอลเอฟเวอร์ตันอุตส่าห์แต่งเพลงชื่อ Moysee ให้เป็นเกียรติกับเขาด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายความท้าทายกับทีมใหญ่ และฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มันทำให้มอยส์ปฏิเสธข้อเสนอของยูไนเต็ดไม่ได้จริงๆ สุดท้ายวันที่ 9 พฤษภาคม 2013 อีกสองสัปดาห์ก่อนพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้นจะจบ เอฟเวอร์ตันจึงออกแถลงการณ์ว่า มอยส์จะคุมทีมจนจบฤดูกาลนี้เท่านั้น
1
"เอฟเวอร์ตัน ยืนยันว่าเดวิด มอยส์ จะอำลาสโมสร โดยเขาเข้าพบกับบิลล์ เคนไรท์เมื่อวานนี้ และยืนยันว่าต้องการย้ายไปคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดังนั้นสโมสรจึงต้องกล่าวคำขอบคุณกับการคุมทีมยาวนานมากกว่า 500 นัด และค่ำคืนยูโรเปี้ยนไนท์ที่เราได้สัมผัสถึง 4 หน โดย 2 เกมสุดท้าย ที่เขาจะคุมทีม คือการเจอเวสต์แฮม และเชลซี ในนัดที่ 37 และ 38 ของฤดูกาล"
เมื่อเอฟเวอร์ตันกล่าวคอนเฟิร์ม ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดก็กล่าวต้อนรับเช่นกัน เอ็ด วู้ดเวิร์ด บอกว่า "ในตัวเดวิด มอยส์ เราเชือ่ว่า ได้ตัวผู้จัดการทีมที่พร้อมจะฝากความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลไปอีกหลายปี เราไม่มีข้อสงสัยใดๆ ถึงศักยภาพของเขาในการคุมทีม และทักษะด้านการบริหารทีมด้วย"
1
เช่นเดียวกับเซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ที่บอกว่า "เราได้คนที่พร้อมสร้างระยะยาวไปด้วยกัน อย่าลืมว่าความอดทน จะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในอนาคต"
1
วันที่ 12 พฤษภาคม 2013 เกมที่เอฟเวอร์ตัน ชนะ เวสต์แฮม 2-0 นี่เป็นนัดสุดท้ายที่มอยส์ ได้คุมทีมที่กูดิสัน พาร์ก บรรยากาศของแฟนๆ ทอฟฟี่ ไม่มีใครโกรธเคืองมอยส์ ทุกคนเข้าใจดี เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เห็นผู้จัดการทีมได้เดินต่อในสเต็ปใหม่ของอาชีพ ซึ่งความรักที่แฟนๆ เอฟเวอร์ตันมอบให้ ถึงกับทำให้มอยส์ต้องหลั่งน้ำตาออกมา
1
ฟังดูแล้ว ก็น่าจะเป็นการร่วมงานกันที่ดี มอยส์ก็พร้อมลุย ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด ก็มองว่าเป็นชอยส์ที่ดี เอาจริงๆ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
1
แต่สิ่งที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลัวที่สุด นั่นคือการเปลี่ยนโค้ช ย่อมนำมาซึ่งผลงานที่ดร็อปลงอยู่แล้ว แฟนบอลจำเป็นต้องให้เวลาเดวิด มอยส์ ในการวางระบบ วางโครงสร้างขึ้นมาใหม่ ถ้าหากแฟนบอลใจร้อนเกินไป รีบขับไล่ ก็จะทำให้มอยส์ ไม่มีโอกาสปั้นทีมของตัวเองขึ้นมา
วันสุดท้ายที่คุมทีมในโอลด์แทรฟฟอร์ด เฟอร์กูสันบอกแฟนบอลในสนามว่า "ผมอยากจะเตือนพวกคุณว่า เวลาที่ผมเจอช่วงแย่ๆ สตาฟฟ์ทุกคนหนุนหลังผม นักเตะทุกคนหนุนหลังผม ดังนั้นหน้าที่ของพวกคุณต่อจากนี้ คือการหนุนหลังผู้จัดการทีมคนใหม่เช่นกัน"
--------------------------------
การคุมทีมของเดวิด มอยส์ ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ใครๆ คาดหวัง
ข้อแรกคือ เขาไม่ยอมเก็บสตาฟฟ์ชุดเดิมของแมนฯ ยูไนเต็ดไว้เลย มอยส์ปลดคนเดิมทั้งไมค์ ฟีแลน, เรเน่ มิวเลนสตีน และ เอริค สตีล ออก ก่อนจะเอากลุ่มสตาฟฟ์ที่ตัวเองเชื่อใจ เช่นสตีฟ ราวน์, จิมมี่ ลัมสเดน และ คริส วู้ดมาแทนที่ ซึ่งการไม่มีคนที่นักเตะคุ้นหน้าคุ้นตา มันทำให้การเปลี่ยนผ่าน (Transition) ทำได้ยากลำบาก จนเขาไม่สามารถจูนกับนักเตะชุดปัจจุบันได้อย่างดีพอ
มิวเลนสตีน อธิบายว่า "ผมบอกเขาไปว่า เดวิด ด้วยความเคารพนะ คุณก็ทำผลงานได้เยี่ยมกับเอฟเวอร์ตัน แต่คุณรู้ใช่ไหม ว่าคุณกำลังจะเปลี่ยนเรือ จากเรือยอชต์ เป็นเรือสำราญเฟอร์รี่ ลองคิดดูนะ ว่ากัปตันเรือลำเก่าเฟอร์กูสัน ใช้ลูกเรืออย่างผม แต่สุดท้ายเดวิด ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมจะบอก เขายังยึดมั่นกับสตาฟฟ์ของตัวเองอยู่ดี"
1
ข้อสองคือ มอยส์ไม่มีพลังมากพอในการทำให้สโมสรเชื่อใจ แล้วทุ่มเงินให้ในตลาดซื้อขาย คือตามปกติถ้าเป็นผู้จัดการทีมบิ๊กเนม บอกว่าอยากได้ใคร สโมสรก็จะจัดหาเงินมาให้ แต่เคสของมอยส์ ผู้บริหารเองก็ดูไม่เชื่อมือนัก เขาต้องการนักเตะมาเสริมหลายตัว แต่สุดท้าย ได้แค่ 1 คนในช่วงซัมเมอร์ คือมารูยาน เฟลไลนี่ ตัวท็อปๆ อย่างเชส ฟาเบรกาส และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า จากบาร์เซโลน่าสุดท้ายก็วืด เจรจาไม่สำเร็จ
2
ข้อสามคือ เขาไม่สามารถทำให้ลูกทีมเคารพได้ ตลอดฤดูกาล เขาโดนนักเตะในทีมอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์ ออกมาวิจารณ์ถึงผลงานของทีมตรงๆ ส่วนเนมานย่า วิดิช กัปตันทีม ก็ไปเซ็นสัญญากับสโมสรอื่น อย่างไม่ให้เกียรติสัญญาที่เหลืออยู่ ขณะที่ชิชาริโต้ ก็โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดต่อไป ก็ไม่มีความท้าทายแล้ว คือไม่รู้ว่าทำไมนักเตะเป็นแบบนั้น แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นยุคเฟอร์กี้ พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แน่
1
ข้อสี่คือ สไตล์การเล่นที่ไม่ไหลลื่น ไม่สวยงาม การใช้งานมารูยาน เฟลไลนี่ ทำให้โดนแฟนบอลวิจารณ์ว่าเขาจะเปลี่ยนแมนฯ ยูไนเต็ดมาเล่นเกมโยนบอมบ์หรือไง นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องการคิดช้าทำช้า บางเกมทรงบอลเป็นรองคู่แข่งมาก แต่ก็ไม่เปลี่ยนตัวสักที
และ ข้อห้า คือแฟนบอลคาดหวังว่าอย่างน้อยก็ควรประคองทีมให้อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ แต่มอยส์ ทำทีมพ่ายแพ้ต่อเนื่อง และหมดทั้งลุ้นแชมป์ หมดลุ้นทั้งโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
1
ณ จุดนั้น คำของเฟอร์กี้ที่เคยบอกไว้คือ แฟนบอล "ต้องให้เวลากับมอยส์" มากกว่านี้ ต้องหนุนหลังในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะปีแรกปั๊บ จะเอาให้ดี ให้ได้แชมป์เหมือนเฟอร์กี้ทันทีก็คงไม่ได้
แต่แฟนบอลไม่สามารถรับได้ จากทีมที่ลุ้นแชมป์อยู่ดีๆ และไม่เคยพลาดไปแชมเปี้ยนส์ลีกมา 15 ปี อยู่ๆ กลายมาเป็นอันดับ 6-7 ของตาราง แถมแพ้คาบ้านกับคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูล 3-0 ทุกอย่างมันรวมกัน ทำให้แฟนบอลรอไม่ไหว และคิดว่าต้องเปลี่ยนโค้ชโดยทันที
มุมของแฟนบอล คิดว่าคุณทำให้ทีมแชมป์ กลายมาเป็นทีมแย่ๆ ได้ในไม่กี่เดือน ถ้าไม่ให้โทษโค้ชแล้วจะโทษใคร
1
สุดท้ายกระแสกดดันจากสังคมจึงบีบบังคับให้สโมสรไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องปลดมอยส์ออกจากตำแหน่ง ปิดฉากการคุมทีมเพียงแค่ช่วงสั้นๆ 8 เดือนเท่านั้น
เดวิด มอยส์ ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "ผมมองย้อนกลับไป ผมยังรู้สึกเสียใจอยู่ที่อำลาเอฟเวอร์ตัน เพราะผมทิ้งทีมและนักเตะที่ผมสร้างขึ้นมา แต่ผมก็ไม่ได้เสียใจที่เลือกไปอยู่แมนฯ ยูไนเต็ดหรอกนะ ในโลกของฟุตบอลคุณต้องตัดสินใจ"
จริงๆ มีคำถามที่น่าสนใจว่า ถ้าหากแฟนๆ ปีศาจแดงให้ความอดทนกับมอยส์ ในฐานะคนที่เฟอร์กี้เลือก ตั้งแต่วันนั้น ได้มีโอกาสลองผิดลองถูก ได้ใช้เงินซื้อนักเตะแบบเต็มไม้เต็มหน่วย แล้วค่อยๆ ปั้นดาวรุ่งหน้าใหม่ขึ้นมา ป่านนี้ แมนฯ ยูไนเต็ดอาจจะไปไกลแล้วก็ได้ เป็นอนาคตอีกเส้นทางที่ไม่มีใครรู้
หรือไม่ก็ถ้าไม่เลือกมอยส์ตั้งแต่แรก แล้วไปเจรจาเอาโค้ชคนอื่นมา ก็อาจจะเป็นชอยส์ที่ถูกต้องก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้อนาคตได้เช่นกัน
หลังจากปลดมอยส์ แมนฯยูไนเต็ด เปลี่ยนโค้ชมา 4 คน ได้แก่ หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ ราล์ฟ รังนิก แต่ไม่มีใครพายูไนเต็ดกลับไปเป็นแชมป์ลีกได้เลย และนับวันความสำเร็จยิ่งดูห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
คงต้องรอจนกว่าจะเจอผู้จัดการทีมที่ใช่ แต่คำถามก็เหมือนเดิม ถ้าหากผู้จัดการทีมคนนั้น ทำผลงานไม่ดีในปีแรก แฟนบอลจะอดทนได้นานแค่ไหน จะบีบให้โดนไล่ออกเหมือนเคสที่ผ่านๆ มา หรือเปล่า
--------------------------------
สำหรับเอฟเวอร์ตัน ก็เจอหายนะไปพร้อมกัน หลังจากเดวิด มอยส์ ย้ายออกไป ทีมก็เปลี่ยนโค้ชไป 7 คน ได้แก่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ, โรนัลด์ คูมัน, แซม อัลลาร์ไดซ์, มาร์โก ซิลวา, คาร์โล อันเชล็อตติ, ราฟา เบนิเตซ และ แฟรงค์ แลมพาร์ด
เหมือนเอฟเวอร์ตัน โดนคำสาป เพราะไม่มีใครแทนเดวิด มอยส์ได้เลย โค้ชหลายคนมีผลงานดีมากกับสโมสรอื่น แต่พอมาอยู่เอฟเวอร์ตัน ทุกอย่างกลายเป็นยากลำบากไปหมด
เจ้าของทีมมีการเปลี่ยนจากบิลล์ เคนไรท์ มาเป็นฟาร์ฮัด โมชิริ และเปลี่ยนแนวทางจากปั้นดาวรุ่งเยอะๆ กลายมาเป็น ซื้อ ซื้อ แล้วก็ซื้อ ตั้งแต่มอยส์ย้ายออกไป ถึงปัจจุบันก็ 9 ปี เอฟเวอร์ตัน ใช้เงินซื้อนักเตะไปแล้วมากกว่า 650 ล้านปอนด์ ซึ่งถ้าไม่นับทีมใหญ่ๆ ก็ไม่มีใครจ่ายหนักเท่าเอฟเวอร์ตันแล้ว
1
แต่การจ่ายเงิน ไม่สามารถซื้อความสำเร็จได้เสมอไป ตัวที่นักเตะเอฟเวอร์ตันซื้อมา ดูจะ Miss มากกว่า Hit หลายคนเสียเงินฟรี หลายล้าน ไม่สามารถใช้การได้
1
แฟนเอฟเวอร์ตันหลายคนยังคิดเคยคอมเมนต์ว่า ถ้าหากปี 2013 มอยส์ไม่ย้ายออกไป บางทีสถานการณ์ของทีมคงไม่วิกฤติขนาดนี้ ดังนั้นถ้าจะหาผู้จัดการทีมคนใหม่ คงต้องเอาคนที่เข้าใจสโมสรจริงๆ รู้จักใช้เงินอย่างเหมาะสม และปั้นดาวรุ่งเป็น อย่างที่มอยส์เคยทำไว้
1
สรุปแล้วในดีลมอยส์ย้ายไปแมนฯ ยูไนเต็ดในปี 2013 ไม่มีใครแฮปปี้เลยสักคน เจ็บปวดกันหมดจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เดวิด มอยส์ หลุดพ้นจากเสียงนินทาในช่วงอยู่แมนฯ ยูไนเต็ดแล้ว เพราะหลังจากย้ายมาเวสต์แฮม เขาได้พิสูจน์ว่า ถ้ามีเวลาได้คุมทีมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้ปั้นนักเตะ และซื้อนักเตะอย่างที่เขาต้องการ ก็สามารถพาทีมวิ่งฉิวได้เหมือนกัน
จึงเหลืออยู่แค่แมนฯ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน ที่ยังต้องตามหาโค้ชที่เหมาะสมที่สุดกับทีมต่อไป
เอริค เทน ฮาก จะเป็นคนนั้นหรือไม่ เราคงตอบไม่ได้ นอกจากจะดูฟอร์มในสนาม เช่นเดียวกับแฟรงค์ แลมพาร์ด จะใช่หรือเปล่าไม่รู้ ตอนนี้ขอแค่เอาตัวรอดไม่ทำเอฟเวอร์ตันตกชั้นก็ดีแล้ว
ในเรื่องนี้ มีคนพูดถึงทฤษฎีโลกคู่ขนานอยู่บ่อยๆ ว่า ถ้าวันนั้นเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สามารถเจรจาเอาเจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่ามาคุมได้สำเร็จ ป่านนี้แมนฯ ยูไนเต็ด จะยังคงเกรียงไกรอยู่แค่ไหนกัน
เช่นเดียวกับเอฟเวอร์ตัน ถ้ามีมอยส์คุมทีมยาวมาจนถึงวันนี้ ก็คงไม่ต้องเสี่ยงกับสภาวะตกชั้น ใช่หรือไม่
แต่สุดท้ายนั่นก็เป็นแค่โลกแห่งจินตนาการ ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง มาถึงวันนี้ ทั้งสองสโมสร ก็ต้องประคับประคองตัวเองให้ผ่านซีซั่นนี้ไปก่อนให้ได้ แล้วภาวนาให้เจอคนที่ใช่เสียทีในอนาคต
#MOYESDISASTER
4 บันทึก
50
3
4
50
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย