10 เม.ย. 2022 เวลา 07:30 • ประวัติศาสตร์
จักรพรรดิจีน “เจ้าควงอิ้น” ราชวงศ์โซ่ง ป้องกันทหารปฏิวัติด้วยวลีในงานเลี้ยงมื้อเดียว
ถ้าให้นับการยึดอำนาจการปกครองที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ยุคโบราณคงเป็นเรื่องยากลำบากทีเดียว แต่ถ้าจะให้ศึกษาวิธีป้องกันปฏิวัติที่น่าสนใจอาจง่ายขึ้นมาก ในลิสต์รายชื่อวิธีป้องกันปฏิวัติทั้งหลายน่าจะมีบันทึกวิธีของเจ้าควงอิ้น จักรพรรดิ
ผู้สถาปนาราชวงศ์โซ่งเอาไว้ด้วย
ในประวัติศาสตร์จีนช่วงราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450) เป็นต้นมา นักประวัติศาสตร์ยกให้เป็นอีกหนึ่งยุคที่การปฏิวัติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บทความชื่อ “ศิลปะการปฏิวัติและการป้องกันการปฏิวัติของจักรพรรดิจีน” โดยประพฤทธิ์ ศุกลรัตนเมธี ในนิตยสาร ศิลปวัฒนธรรม ฉบับธันวาคม 2528 ระบุว่า หลังสิ้นสุดราชวงศ์ถังไปแล้ว ในรอบกว่า 50 ปี เกิดการปฏิวัติถึง 16 ครั้ง เปลี่ยนราชวงศ์กันครั้งแล้วครั้งเล่า
จุดเปลี่ยนมาอยู่ที่จักรพรรดิผู้สถาปนาราชวงศ์โซ่ง (ซ้อง) คือเจ้าควงอิ้น ซึ่งขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 1503 ด้วยการยึดอำนาจ พระองค์ทรงมีแผนป้องกันปฏิวัติ และทรงปราบปรามแคว้นต่างๆ อย่างราบคาบในพ.ศ. 1522
อ้างอิง : ประพฤทธิ์ ศุกลรัตนเมธี. บทความ “ศิลปะการปฏิวัติและป้องกันการปฏิวัติของจักรพรรดิจีน" ที่มา : silpa-mag.com
เดิมทีพระองค์เป็นจอมพลในกองทัพบกของแคว้นโห้วโจว กษัตริย์ของแคว้นนี้มีพระนามว่ากั๋วหยง นอกจากจะทรงพระปรีชาสามารถแล้ว ยังมีเจ้าควงอิ้นเป็นผู้ใกล้ชิด ช่วยเหลือการศึกสงคราม แต่พระองค์ทรงครองราชย์ได้แค่ 6 ปีก็สิ้นพระชนม์ กั๋วจงซิ่น โอรสของพระองค์ซึ่งมีพระชนมายุเพียง 7 พรรษาทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อใน พ.ศ. 1502
วันขึ้นปีใหม่ของปีต่อมา ราชสำนักจัดงานเลี้ยงขึ้น แต่ระหว่างงานเลี้ยงทางการได้รับรายงานด่วนว่ากองทหารเผ่าคีตาน กำลังเคลื่อนกำลังมาใกล้ชายแดนเหนือ อัครเสนาบดีนามว่า ฝั่นจื๋อ เป็นผู้ออกคำสั่งให้เจ้าควงอิ้น นำกำลังไปต่อต้านอย่างเร่งด่วน
พระราชพงศาวดารราชวงศ์โซ่งบันทึกว่า เมื่อกองทัพเดินทางถึงด่านเฉินเฉียวอี้ (ปัจจุบันคือเมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนาน) ประมาณ 10 กิโลเมตรจึงตั้งค่ายพักแรม
เมื่อถึงเช้ามืดวันรุ่งขึ้น เจ้าควงอิ้น กลับพบนายทหารน้อยใหญ่แต่งเครื่องแบบเต็มยศตั้งแถวต้อนรับพร้อมกล่าวว่า “ปัจจุบันทหารทุกเหล่าทัพขาดประมุขจึงพร้อมกันขออัญเชิญให้ท่านแม่ทัพเป็นจักรพรรดิ”
เจ้าควงอิ้น ยังไม่ทันหายฉงนก็มีนายทหารนำฉลองพระองค์ลายมังกรมาสวมให้เสร็จเรียบร้อย นายทหารก็น้อมตัวลงกราบถวายบังคม อัญเชิญจักรพรรดิองค์ใหม่เสด็จกลับเมืองหลวง…อาณาจักรโห้วโจวเป็นอันสิ้นสุดลง
ผู้เขียนบทความ อธิบายว่า กองทัพที่ว่ากำลังเคลื่อนตัวมานั้นก็ “หายสาบสูญ” แบบไร้ร่องรอยอย่างน่าประหลาด เรียกได้ว่าเป็นแผนอันแนบเนียน สมควรนับเป็น “ศิลปะ” ได้เลยทีเดียว ฟากจักรพรรดิเจ้าควงอิ้น พระองค์สถาปนาราชวงศ์โซ่งสืบต่อเนื่องมา 3 ศตวรรษโดยไม่ถูกปฏิวัติเลย
นอกเหนือจากรากฐานทางการปกครองแล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือวิสัยทัศน์ตั้งแต่แรกเริ่มของอัครเสนาบดีคนใหม่ที่ชื่อ “เจ้าผู่” ตามพระราชพงศาวดารราชวงศ์โซ่งบันทึกว่า เจ้าผู่กราบบังคมทูลว่า
“นับแต่ยุคกลางราชวงศ์ถังเป็นต้นมา ทำสงครามรบพุ่งไม่หยุดหย่อน แผ่นดินปราศจากความสงบสุข สาเหตุไม่ใช่อื่น เนื่องจากอำนาจทางทหารของภาคต่างๆ มีมากล้น นัยหนึ่ง จักรพรรดิมีกำลังอ่อนแอแต่เสนาอำมาตย์กลับมีกำลังแข็งแรงกว่า
ดังนั้น วิธีการที่พึงจัดทำก็คือ ตัดรอนอำนาจของบรรดาแม่ทัพภาคลงบ้าง และควบคุมการเงินการคลังพร้อมทั้งดึงเอาทหารที่แข็งแกร่งรวมไว้ที่ส่วนกลางดังนั้นแผ่นดินก็จะสงบสุขสันติ”
จักรพรรดิเจ้าควงอิ้นทรงเชื่อมั่นว่า พระองค์ปฏิบัติต่อแม่ทัพภาคอย่างดีเลิศ มีบุญคุณดั่งภูเขา ทรงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีปัญหาเด็ดขาด
สิ่งที่อัครเสนาบดีเจ้าผู่ กราบบังคมทูลตอบก็น่าสนใจเช่นกัน พระราชพงศาวดารบันทึกเนื้อหาที่อัครเสนาบดีรายนี้ตอบไว้ว่า จักรพรรดิกั๋วหยงแห่งอาณาจักรโห้วโจวก็มีพระมหากรุณาธิคุณต่อจักรพรรดิเจ้าควงอิ้นมากล้นเช่นกัน สิ่้งที่เป็นตัวแปรสำคัญไม่ใช่แม่ทัพ พวกเขาไม่ใช่แม่ทัพที่ดีนัก แต่เมื่อคราใดที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาเกิดโลภในยศ และทรัพย์สิน จากนั้นนำเอาฉลองพระองค์สีเหลืองลายมังกรมาให้แม่ทัพสวมใส่ เมื่อถึงขั้นนั้น ถึงแม่ทัพไม่คิดกบฏก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์ไม่ได้
พ.ศ. 1504 ปีรุ่งขึ้นหลังจากทรงครองราชย์ จักรพรรดิเจ้าควงอิ้นทรงจัดงานพระราชทานเลี้ยงแม่ทัพภาคที่รับใช้ใกล้ชิดจำนวนหนึ่ง หลังจากดื่มเหล้ากันพอสมควร พระองค์ทรงถอนหายใจและตรัสว่า พระองค์ไม่สุขกายสบายใจเท่าเป็นแม่ทัพภาคเนื่องจากเมื่อขึ้นครองราชย์แล้วกลับรู้สึกว่าบัลลังก์เป็นสิ่งที่ใครก็ต่างปรารถนา เมื่อมนุษย์ต้องการลาภยศสรรเสริญ แม้พวกแม่ทัพอาจไม่ต้องการเช่นนั้น แต่เมื่อมีฉลองพระองค์ลายมังกรมาคลุมบนร่างกาย คิดปฏิเสธก็ยากแล้ว
พระราชพงศาวดารราชวงศ์โซ่งบันทึกว่า เหล่าแม่ทัพภาครีบกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยพร้อมขอให้ทรงแนะนำการปฏิบัติในอนาคตข้างหน้า
พระราชพงศาวดารราชวงศ์โซ่งบันทึกข้อความที่จักรพรรดิตรัสตอบว่า
“…มนุษย์เราที่ขวนขวายดิ้นรนมุ่งเจริญก้าวหน้า ใฝ่ฝันลาภยศก็หนีไม่พ้นเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความร่ำรวยในทรัพย์สินศฤงคาร อันจะทำให้ตนเองอยู่สบาย และตกทอดให้แก่บุตรหลานมีชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุข ทั้งสิ้นทั้งปวงก็มีอยู่เท่านี้เอง ตามความเห็นของฉัน
พวกท่านหากจะลาออกจากตำแหน่งหน้าที่ทางทหารก็ดี แล้วเปลี่ยนไปรับตำแหน่งเป็นข้าราชการพลเรือนชั้นสูง ซื้อหาสะสมที่ดินที่นาที่อุดมสมบูรณ์ให้มาก ปลูกสร้างเคหะสถานอันสวยงามใหญ่โตโอ่โถง เสาะหานักร้องนางระบำจากทั่วประเทศไว้ในบ้านเพื่อบันเทิงเริงรมย์ ดื่มสุราหาความสุขทั้งค่ำเช้า ฉันขอสัญญากับท่านทั้งหลายว่า เราจะดองกันเป็นญาติกันทุกชาติทุกภพ เรา-ระหว่าง
กษัตริย์กับข้าราชบริพารจะไม่ต้องระแวงสงสัยซึ่งกันและกันอีกต่อไป…”
บทความระบุว่า บรรดาแม่ทัพทั้งหลายต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันรุ่งขึ้นบรรดาแม่ทัพภาคต่างถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งทางทหารโดยอ้างเรื่องปัญหาสุขภาพไม่เอื้อต่อราชการทางทหารอีก
ต่อมาพระองค์ทรงแต่งตั้งอดีตแม่ทัพภาคเป็นข้าหลวงปกครองท้องถิ่นมียศศักดิ์ แต่ไม่มีกำลังอำนาจที่แท้จริง จากที่ส่วนกลางส่ง “ผู้ช่วย” ไปบริหารงานแทน อำนาจทางการทหาร การเงิน การคลัง ถูกเรียกกลับคืนส่วนกลาง นับแต่นั้นมาอิทธิพลทางการเมืองของแม่ทัพภาคเป็นอันหมดสิ้นจากเวทีการเมือง เช่นเดียวกับประเพณีปฏิวัติที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
โฆษณา