Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
nothing but movie
•
ติดตาม
11 เม.ย. 2022 เวลา 05:23 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Sooryavanshi
จักรวาลตำรวจแขก สุริยาวันชี ดูแล้วคิดถึงหนังไทย
ปัญหาหนึ่งสำหรับผมเวลาดูหนังแขกคือชื่อเรื่องครับ ถึงแม้จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็ไม่รู้ว่าจะอ่านออกเสียงอย่างไรดี อย่างเรื่องนี้ Sooryavanshi ตอนเห็นชื่อเรื่องก็พยายามพยายามอ่านแล้ว เป็นสรญาอะไรสักอย่างหนึ่งหรือเปล่า พอดูหนังถึงรู้ว่าต้องออกเสียงเป็นสุริยาวันชี ซึ่งเป็นชื่อตัวละครเอกของเรื่อง
Sooryavanshi เป็นหนังบอลลีวูดพูดภาษาฮินดีที่ทำรายได้สูงที่สุดในอินเดียเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา(แต่ทำรายได้เป็นอันดับ 2 ของประเทศ หนังที่ทํารายได้สูงสุดของอินเดียในปี 2021 เป็นหนังดราม่าแอกชั่นพูดภาษาเตกูลู เรื่อง Pushpa: The Rise) สุริยาวันชีเข้าฉายในบ้านเราพร้อมกับอินเดีย แสดงว่าหนังอินเดียยังมีตลาดให้คนไทยได้ดูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ Netflix เอามาให้บริการถึงหน้าจอทีวีกันแล้ว นี่คือหนังอินเดียเรื่องหนึ่งที่อยากให้ทุกคนได้ชมกัน มันมีความเป็นสไตล์เฉพาะตัวที่ชัดเจนมาก
ตัวหนังทำให้อดนึกถึงหนังไทยอย่างพวกขุนพันธ์ไม่ได้ มันมีหลายๆอย่างที่คล้ายกัน เล่าเรื่องของตำรวจที่พยายามจะปราบปรามเหล่าร้ายในวิถีทางของตนเองแล้วก็มีลูกเล่นที่เน้นสไตล์ไปอย่างสุดโต่ง เพียงแต่ว่าสุริยาวันชีออกมาในเชิงแอ็คชั่นคอเมดี้ด้วยสูตรไฮ-ออกเทน ไม่มีวันหมดพลังไปได้ง่ายๆ อีกส่วนหนึ่งที่รู้สึกเหมือนว่าคล้ายกับหนังไทยก็คือความพยายามที่จะครบทุกรสในหนังเรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น รัก เศร้าโศกสลด ตลกขบขัน ผสมตื่นเต้นแล้วแทรกด้วยเพลงที่คล้ายกับมิวสิควีดีโอซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของหนังอินเดีย ซึ่งตัวหนังสือสุริยาวันชีก็ไปได้สุดทางของตนเองจนออกมาได้อย่างสนุกมากๆ แม้ว่ามันจะห่างจากคำว่าหนังดีก็ตามแต่มันคือหนังที่สนุก
ขุนพันธ์เป็นหนังที่เน้นสไตล์ พาผู้ชมหลีกหนีไปจากชีวิตประจำวันอย่างเต็มที่ ตัวหนังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนังคาวบอยสไตล์ไทยๆ พยายามที่จะใส่ให้ครบรสลงไปในหนังและถูกเติมเต็มเติมแต่งให้จัดจ้านเกินจริง มีความเท่ในฉากแอกชั่น และวิธีการนำเสนอตัวละครแบบตั้งใจให้เกินจริง ขณะที่สุริยาวันชีก็เป็นเช่นเดียวกัน ตัวหนังจัดจ้านเหมือนตัวละครหลุดมาจากโลกของการ์ตูนและทุกอย่างทำให้เกินจริง
สิ่งที่ทำให้ใกล้ชิดกับคนดูที่เป็นคนไทยมากขึ้นไปอีกก็คือหนังมีบางส่วนที่ถ่ายทำในเมืองไทยแล้วก็ทำให้เห็นว่างานโปรดักชั่นบอลลีวูด ไม่แพ้ชาติใดในโลก ยิ่งการได้เห็นสถานที่ต่างๆ ที่เราคุ้นตากันดีเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ ก็ยิ่งให้รู้สึกใกล้ชิด
แล้วสุริยาวันชีคือหนังอะไร
สุริยาวันชีคือหนังตำรวจไล่ล่าจับผู้ร้าย ที่มีการทำออกมาเป็นซีรีย์ซึ่งในอินเดียจะเรียกว่าหนังชุด Cop Universe หรือหนังจักรวาลตำรวจที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยผู้กำกับโรหิต แชตตี้(Rohit Shetty) ผู้กำกับหนังแอกชั่นคอเมดี้ชื่อดังที่มีแฟนหนังในบ้านเราพอสมควร หนังโรงชุดจักรวาลตำรวจมีออกมาแล้วทั้งหมด 4 เรื่อง มีซีรีย์ และวิดีโอเกมตามมาอีก เป็นเรื่องชุดหนึ่งที่ดังมากในอินเดีย จับจุดไปที่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายๆ คน ที่เป็นตัวละครหลักมีสารวัตรสิงฮาม(Singham เดิมทีเป็นหนังภาษาทมิฬและรีเมคมาเป็นภาษาฮินดี จนโด่งดังจนเป็นต้นตอของหนังชุดจักรวาลตำรวจ) ซิมม์บา(Simmba เป็นตำรวจรายที่ 2 ในจักรวาลนี้ หนังทำเงินมากมายจนตอนนี้มีซีรีย์แยกลงฉายในทีวีด้วย ) และรายล่าสุดคือสุริยาวันชี รวมเป็น 3 ตำรวจร่วมครรภ์เดียวกัน
หนังชุดนี้จะอาศัยการแชร์องค์ประกอบร่วมกัน ตัวละครที่ข้ามไปมาระหกว่างเรื่องเพื่อสร้างสีสัน อย่างในสุริยาวันชีที่พีคที่สุดคือทั้งสิงฮามและซิมม์บายกขบวนมาถล่มผู้ก่อการร้ายร่วมกัน แต่หนังแต่ละเรื่องแยกเนื้อหากันเอกเทศ ไม่จำเป็นต้องไล่เรียงดูต่อกันแต่อย่างใด
โรหิต แชตตี้ ผสมความเป็นการ์ตูนเข้าไปมากตัวละคร แต่ละตัวจะมีเพลงธีมของตนเอง เนื้อร้องเป็นชื่อของตัวละคร เช่น สิงฮาม ซิมม์บา สุริยาวันชี เนื้อหาของเพลงก็ประเภทพวกเขาไม่กลัวใคร วายร้ายเจอเขาก็วิ่งหนีป่าราบทุกราย เมื่อตัวละครเอกปรากฏขึ้นก็จะมาแบบเท่ๆ สโลว์โมชั่น พร้อมเพลงธีมของตนเอง หรือในฉากแอกชั่นเมื่อมีระเบิดเราจะเห็นตัวละครเดินเท่ๆ ขณะที่ระเบิดตูมตามประกอบภาพสโลโมชั่น มันเหมือนกับเป็นการขับเน้นความเกินจริงให้ยิ่งกว่าเกินจริงมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำต่อผู้ชมไปให้มากขึ้นว่านี่มันคือเรื่องแต่งแล้วพาผู้ชมหนีออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริงและมีความสุขกับหนังได้ 2 ชั่วโมงครึ่ง
Singham เล่าเรื่องของสารวัตรสิงฮามที่ตั้งต่อสู้กับนักการเมืองฉ้อฉล ทำชั่วทุกรูปแบบโดยที่กฎหมายทำอะไรต่อคนชั่วไม่ได้ ส่วนใน Simmba เล่าเรื่องตำรวจเคยชั่วของซิมม์บา เพราะตอนเด็กเห็นความชั่วของตำรวจรีดไถจึงโตขึ้นมาเอาแบบอย่าง แล้วมีเรื่องผกผันให้ซิมม์บากลับใจ แต่ใน Sooryavanshi โรหิต แชตฟตี้พาหนังไปได้ไกลกว่าสิงฮามและซิมม์บามาก เรียกว่าเป็นหนังที่ทะเยอทะยานที่สุดในชีวิตเขาแล้ว
สิงฮามกับซิมม์บาเป็นเหมือนตำรวจโอทอปที่บริการชุมชนดูแลเมืองจองตนให้เรียบร้อย แต่สุริยาวันชีคือนายตำรวจในระดับหัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ศัตรูของเขาไม่ใช่นักการเมืองที่ฉ้อฉลแต่กลับกลายเป็นขบวนการก่อการร้ายระดับชาติจากปากีสถาน หนังทำให้เห็นว่าการพัฒนาของจักรวาลตำรวจนั้นมันไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ จากความสำเร็จทางด้านรายได้ในหนังแต่ละเรื่องที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้งานโปรดักชั่นของหนังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ในสุริยาวันชีเล่าเรื่องของขบวนการก่อการร้ายปากีสถานที่ระเบิดมุมไบเมื่อปี 1993 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่ามีวัตถุระเบิดเข้ามาในอินเดีย 1 ตันแต่ถูกใช้ในการระเบิดมุมไบเพียง 400 กิโลเมตรเท่านั้น แล้วอีก 600 กิโลเมตรที่เหลือหายไปไหน หลายสิบปีผ่านมากลุ่มก่อการร้ายเคลื่อนไหวอีกครั้ง
กลุ่มก่อการร้ายลักลอบเข้ามาอาศัยอยู่ในอินเดียแทรกซึมเป็นคนอินเดียทำงานร่วมกับคนทั่วไปอย่างแยกไม่ออก สงบนิ่งรอคำสั่งเคลื่อนไหว พวกเขาแต่งงานกับคนท้องถิ่น ทำธุรกิจ ดำเนินชีวิตทั่วไปอย่างไม่โดดเด่น แต่ใครจะรู้ว่าคนธรรมดาๆ เหล่านี้คือภัยร้ายที่เหมือนระเบิดเวลา
อักษัย กุมาร ดาราชายแถวหน้าอีกคนหนึ่งของบอลลีวูดรับบทสุริยาวันชี อักษัยเคยอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯในช่วงวัยหนุ่ม แล้วก็เคยฝึกมวยไทยมาก่อน เป็นหนึ่งในนักแสดงบอลลีวูดที่เชี่ยวชาญการต่อสู้และเขาก็ทำให้เห็นว่าการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเป็นความถนัด ขณะที่ได้คาทริน่า เคฟมาแสดงเป็นรียา ภรรยาของสุริยาวันชี คาทริน่าเป็นดาราอินเดียที่ถือสัญชาติอังกฤษเพราะเกิดในฮ่องกง การจับคู่ของนักแสดงทั้งคู่ทำได้อย่างเคมีลงตัวกันมาก มีเสน่ห์ โดยเฉพะฉากร้องเพลงและเต้นรำ ซึ่งถือว่าเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของหนังอินเดีย
บทของทั้งคู่เหมือนเป็นตัวถ่วงน้ำหนักระหว่างกัน ขณะที่สุุริยาวันชีไปในทางการ์ตูนแต่รียาอยู่กับความจริง ความสัมพันธ์ระหว่างกันกำลังอยู่ในช่วงของการวิกฤตชีวิตคู่ เพราะการงานปราบเหล่าก่อการร้ายทำให้ครอบครัวตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะกับลูกชาย มันก็เป็นถึงสิ่งที่ตัวหนังของโรหิต แชตตี้พยายามจะบอกผู้ชมในอินเดียผ่านตัวละครที่เจอวิกฤติการณ์ชีวิต ภรรยาต้องการพาลูกชายย้ายไปอยู่ออสเตรเลียเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อเธอเห็นการเสียสละของตำรวจและการคำนึงถึงประเทศชาติมันก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจ แล้วคนอินดียจะหนีจากบ้านเกิดหรือร่วมมือกันต่อสู้
ในขณะที่ตัวละครในหนังมีความเป็นการ์ตูนอยู่สูงมาก แต่ตัวละครอย่างรียาซึ่งเป็นผู้เดียวที่พยายามสร้างความสมจริงให้เกิดขึ้นและใช้เธอเพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างเรื่องราวเพื่อเดินเรื่องในส่วนดราม่าที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของตัวละคร มันเหมือนกับว่าในหนังนี้ตัวละครแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป
นั่นเป็นสิ่งที่โรหิตพยายามจะบอกกับคนอินเดียในยุคใหม่ และพยายามจะประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้นในอินเดียที่มีศาสนาเป็นแกนกลาง ไม่ว่าจะเป็นฮินดู มุสลิม ซิกข์ ที่มีอยู่มากมายแล้วมีช่องว่างระหว่างศาสนาจนกลายเป็นความรุนแรง
บทหนึ่งของหนังจึงพยายามที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในแต่ละศาสนา เหมือนกับที่สุริยาวันชีกล่าวว่าถ้าหากโลกนี้มีเพียงศาสนาเดียว พระเจ้าองค์เดียวกันแล้วก็คงจะไม่มีเรื่องรุนแรง ไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันผู้บัญชาการของเขาก็พูดขึ้นมาว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น มนุษย์เราก็จะหาเหตุผลอื่นมาทำสงครามระหว่างกันอยู่ดี
หนังของโรหิต แชตตี้ ไม่ได้สนใจในเนื้อเรื่องมากมายอะไรนัก มันเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งที่จะทำให้ตัวหนังได้แสดงความเกินจริง เช่น ฉากแอคชั่นเท่ๆ การสอดแทรกลักษณะมิวสิควีดีโอใส่เข้าไปในเนื้อเรื่อง การเสริมมุกตลก ซึ่งในเรื่องนี้สุริยาวันชีเป็นนายตำรวจที่ไม่เคยจดจำชื่อลูกน้องหรือชื่อคนอื่นได้เลย แล้วก็เป็นมุขตลกที่ถูกยิงมาตลอดทั้งเรื่องลักษณะเกินจริงเช่นนี้ มันเป็นธรรมชาติของหนังอินเดียที่บางครั้งก็ดูเหมือนหนังไทยเราเช่นกัน จึงไม่แปลกอะไรที่ระหว่างการดูหนังเรื่องนี้แล้วผมจะคิดถึงหนังอย่างขุนพันธ์ หรือหนังไทยอีกหลายเรื่องเขามาในหัว แล้วก็ให้อิจฉาหนังอินเดียว่าเขามีตลาดขนาดใหญ่ในประเทศรองรับพอให้สามารถทำหนังได้หลากหลายประเภท มีทุน มีบุคลากร ขนาดของตลาดสำคัญมากที่จะทำให้อุตสาหกรรมเติบโตได้ ไม่ใช่ทั้งปีจะมีหนังไทยประสบความสำเร็จเพียงแค่หนึ่งเรื่องหรือสองเรืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ส่วนสุริยาวันชีนั้นมันคือหนังไฮ-ออกเทนจริงๆ แล้วหนังก็ไปได้อย่างสุดทาง อาจจะมีข้อบกพร่องความไม่สมเหตุสมผล แต่หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบหนังอินเดียเข้าถึงวัฒนธรรมการเสพภาพยนตร์ที่ต้องครบทุกรสในหนังอินเดียได้ นี่คืองานที่ไม่น่าพลาด สุริยาวันชีใกล้เคียงกับซุปเปอร์ฮีโร่มากกว่าจะเป็นตำรวจ ตัวหนังก็เป็นความบันเทิงที่ไร้เหตุผลมีฉากที่เกินความจำเป็นมากมาย แต่ทว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นธรรมชาติของหนังอินเดียอยู่แล้ว การเล่าเรื่องที่ขาดช่วง อยู่ดีๆก็สอดแทรกมิวสิควิดีโอเข้ามา แต่นั่นคือวัฒนธรรมความเป็นหนังของแต่ละชาติที่ต่างกัน แต่ในแง่ของความบันเทิงแล้วโรหิต แชตตี้ พาหนังไปได้อย่างถึงจุดสูงสุด แล้วถ้าหากคุณสนใจ Cop Universe ของโรหิต แชตตี้ ใน Netflix ยังมี Singham หนังต้นทางของ Cop Universe ให้ได้ชมกันอีกหนึ่งเรื่อง
สุดท้ายผมก็คิดถึงหนังไทยอย่างพวก 7 ประจัญบาน ขุนพันธ์ ไบค์แมน อยากเห็นหนังไทยเน้นความบันเทิงแบบไทยแท้เหล่านี้สร้างจักรวาลของตนเองขึ้นมาได้บ้าง
ทั้งสิงห์ฮามและสุริยาวันชี มีให้ดูในNetflix
6/10(ถ้ามีโอกาสควรดูครับ)
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย