11 เม.ย. 2022 เวลา 08:00 • ประวัติศาสตร์
“ไดโอจีนีส (Diogenes)” นักปรัชญาสุดอินดี้แห่งกรีกโบราณ
“ไดโอจีนีส (Diogenes)” เป็นนักปรัชญาที่เกิดในซีโนปี ซึ่งเป็นอาณานิคมไอโอเนีย เกิดเมื่อ 412 หรือ 404 ปีก่อนคริสตกาล
ไดโอจีนีสเป็นหนึ่งในผู้ศรัทธาในลัทธิซีนนิค (Cynicism) ซึ่งเป็นลัทธิที่ออกห่างจากสังคมมนุษย์ จุดหมายของชีวิตคือการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ ใช้เพียงสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต
และเช่นเดียวกับผู้ที่ศรัทธาในลัทธิซีนนิค ไดโอจีนีสก็ปฏิเสธในสิ่งที่หลายๆ คนต้องการและมุ่งหวัง ไม่ว่าจะเป็นเงิน อำนาจ ชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ
1
แต่ถึงไดโอจีนีสจะยืนหยัดในสิ่งที่ตนเชื่อ แต่เขาก็มีการแสดงออกที่ค่อนข้างแปลก โดยในยุคนั้น การเผยแพร่หลักคิด คำสอน ก็คือการพูด บรรยาย แต่ไดโอจีนีสเผยแพร่ด้วยการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมแปลกๆ
ไดโอจีนีส (Diogenes)
ไดโอจีนีสเปรียบเสมือนเป็นตำราสะท้อนภาพของซีนนิค เขาเห็นความดีงามในความยากจน และเลือกที่จะเป็นคนเร่ร่อน หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน คุ้ยขยะ หาอาหารตามพื้นถนน โดยที่พักของเขา คือถังเซรามิคใกล้กับตลาดในกรุงเอเธนส์
2
สิ่งเดียวที่พอจะเรียกว่าเป็นสิ่งมีค่าที่เขาครอบครอง คือตะเกียง
1
ไดโอจีนีสชอบที่จะอยู่คนเดียว ไม่สนเรื่องรูปลักษณ์ของตน ทำให้ผู้คนเรียกเขาว่า “สุนัข” เนื่องจากรูปลักษณ์ที่มอมแมมของไดโอจีนีส
2
ตลอดชีวิตของไดโอจีนีส เขาพยายามจะค้นหาวิธีการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุด โดยวันหนึ่ง เขาเห็นเด็กชายคนหนึ่งดื่มน้ำจากมือ ใช้มือรองน้ำ ทำให้ตั้งแต่นั้น เขาปฏิเสธที่จะใช้แก้วน้ำ และดื่มน้ำจากมือ
1
ไดโอจีนีสไม่ต้องการที่จะเผยแพร่แนวคิดของตนผ่านการโต้วาที งานเขียน หรือตั้งสำนักของตนเอง และเขายังไม่สนใจในเรื่องการเมืองหรือสังคม
1
แนวคิดของไดโอจีนีส คือเขามองว่าผู้คนก็ไม่ต่างจากฝูงวัวควาย ถูกล่ามโซ่ด้วยบรรทัดฐานของสังคม
12
หนทางเดียวที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่แท้จริง นั่นคืออิสรภาพอย่างแท้จริง ใช้ชีวิตโดยมีเพียงสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพเท่านั้น
6
เขาใช้ตะเกียงของตนเพื่อตามหา “คนซื่อสัตย์” โดยมักจะจุดตะเกียงในเวลากลางวันเพื่อตามหาคนซื่อสัตย์ หากแต่ก็ไม่เคยพบ และพบว่าไม่มีใครที่ดำรงชีวิตอย่างซื่อสัตย์ หากยังยึดติดกับระเบียบแบบแผนและความทะเยอทะยาน
5
คำถามของไดโอจีนีสก็คือ
1
“ท่านจะต้องใช้ตะเกียงทำไมหากว่าฟ้ายังคงสว่าง?”
1
“ทำไมจึงต้องการเงินและอำนาจ หากธรรมชาติได้จัดสรรสิ่งที่จำเป็น สิ่งที่ทำให้มีความสุขมาให้แล้ว?”
4
นอกจากนั้น ไดโอจีนีสยังไม่เกรงกลัวการดูถูกผู้อื่นต่อหน้า เช่น ครั้งหนึ่ง เขาเคยถุยน้ำลายใส่หน้าเจ้าของบ้าน เนื่องจากเจ้าของบ้านบอกให้เขาช่วยทำตัวดีๆ ขณะอยู่ในบ้านของตน
1
ไดโอจีนีสไม่มีความเคารพหรือนับถือเหล่าคนร่ำรวยและมีชื่อเสียง และไม่เคยให้เกียรติคนกลุ่มนี้
ครั้งหนึ่ง เหล่าบุคคลชั้นสูงในเอเธนส์ได้ดูถูกไดโอจีนีส โดยเอาไดโอจีนีสไปเทียบกับสุนัข และโยนกระดูกให้เขา ซึ่งไดโอจีนีสก็ตอบกลับด้วยการยกขาขึ้น และปัสสาวะใส่
5
ไดโอจีนีสเชื่อว่าสิ่งที่บุคคลทั่วไปทำในที่ส่วนตัว เขาควรจะทำในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นวิธีการที่แสดงให้เห็นว่าผู้คนควรจะเอาตัวออกจากแบบแผนและกรอบประเพณี และวิธีการที่เรียกได้ว่าหลุดโลกที่สุด ก็คือการที่เขา “ช่วยตัวเอง” กลางที่สาธารณะ
7
ไดโอจีนีสช่วยตัวเองในที่สาธารณะ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงออกว่าเรื่องธรรมชาติ ก็ควรทำได้โดยไม่ผิดหรือต้องอับอาย
6
นอกจากนั้น เขายังมีพฤติกรรมแปลกประหลาดอีกมาก โดยล้วนแต่ทำไปเพื่อแสดงออกว่าตนนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของระเบียบแบบแผนของสังคม โดยเขามักจะเดินถอยหลัง เข้าโรงละครขณะที่การแสดงจบลงแล้ว และมักจะเข้าไปดูการแสดง แต่แทนที่จะดูการแสดง เขากลับนั่งจ้องดูผู้คนที่มาชมการแสดง แต่กลับไม่สนใจการแสดงบนเวทีเลย
5
ครั้งหนึ่ง “พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)” กษัตริย์แห่งมาซิดอน ได้ฟังเรื่องราวของนักปรัชญาแปลกประหลาดอย่างไดโอจีนีส และได้เสด็จมาพบไดโอจีนีสด้วยพระองค์เอง
1
เมื่อพบกัน ไดโอจีนีสกลับไม่ได้ตื่นเต้นหรือเกรงกลัว และทูลพระองค์ว่าให้หลบไป เนื่องจากพระองค์ยืนบังแดด
1
อาจจะดูโอหัง แต่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชก็ไม่ได้ทรงถือโทษ และนับถือไดโอจีนีส
1
ไดโอจีนีสเชื่อว่าการใช้ชีวิตตามแนวทางของซีนนิค เป็นหนทางไปสู่อิสรภาพและความสุข หากแต่แนวทางของซีนนิค ก็จำเป็นต้องฝึกฝน ต้องสละกิเลส สละความอยาก
1
มักจะมีคนเห็นไดโอจีนีสเดินเท้าเปล่าท่ามกลางพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ กลิ้งตัวไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยทรายร้อนๆ และอ้อนวอนต่อรูปปั้นเทพเจ้า ขออาหาร
3
วิธีการเหล่านี้ทำให้เกิดความคุ้นเคยกับความเจ็บปวดและการถูกปฏิเสธ ทำให้รู้สึกสำนึกขอบคุณในความเรียบง่ายของชีวิต
4
เชื่อกันว่าไดโอจีนีสเคยถูกโจรสลัดจับตัว และนำไปขายเป็นทาส ซึ่งเขาก็ถูกทุบตีและไม่ให้อาหาร หากแต่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อน เนื่องจากเคยชินกับชีวิตที่ยากลำบาก
2
ไดโอจีนีสเสียชีวิตด้วยวัยราว 80 ปี และต้องการจะกลับคืนสู่ธรรมชาติ โดยต้องการให้นำร่างของตนไปไว้ในที่ใดก็ตามที่เป็นธรรมชาติ เพื่อที่สัตว์จะได้มากินศพของตน
2
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเขาบ้า แต่ก็อาจจะเรียกได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่ใช้ชีวิตได้มีความสุขที่สุดคนหนึ่ง และใช้ชีวิตอย่างมีอิสระโดยแท้จริง
4
บางคนก็มองว่าเขาบ้า บางคนก็มองว่าเขาเป็นนักปรัชญาผู้เข้าใจในหลักการดำเนินชีวิตอย่างถ่องแท้
2
ก็ต้องขึ้นกับแต่ละคนแล้วว่ามองว่าเขาเป็นยังไงนะครับ
2
โฆษณา