12 เม.ย. 2022 เวลา 04:11 • ความคิดเห็น
ข้อมูลอ้างอิงจากช่องThe Story Review
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
1
ชีวิตจากนี้จะเดินยังไง
แล้วอะไรคือความหมายของชีวิตอย่างแท้จริง
เราเกิดมาทำไม 
เกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของบุคคลอื่น
หรือเกิดมาเพื่อตัวของตัวเอง
คำพูดของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ในแง่มุมที่
หลายๆคนไม่เคยได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
อัลเบิร์ตไอสไตน์เขียนบันทึกไว้ในกระดาษ
ในโรงแรมญี่ปุ่น เป็นคำคมที่มีมูลค่าถึง8ล้านบาท
แค่เพียงกระดาษ 1 แผ่น
หรือประมาณ สองแสนสี่หมื่นเหรียญสหรัฐ
นี่คือคำพูดของ ไอน์สไตน์
ทุกๆวันข้าพเจ้าเตือนตนเองนับล้านครั้ง
ว่าชีวิตทั้งภายในและภายนอกของข้าพเจ้านี้
ขึ้นอยู่กับแรงงานของคนอื่น
ทั้งคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และผู้ที่สิ้นชีวิตไปแล้ว
ข้าพเจ้าต้องใช้แรงงานตนเองมอบคืน
ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ขณะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้รับ
และยังคงเป็นผู้รับอยู่ตลอดเวลา
ความหมายของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ คือว่า
เขารู้สึกว่า การที่เขามาถึงจุดนี้ได้เนี่ย
มันไม่ใช่เพราะว่าตัวเขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเท่านั้น
แต่เขาได้รับอานิสงส์ จากคนที่เสียชีวิตไปแล้ว และจากคนที่มีชีวิตอยู่
ที่ทำบางอย่างที่เขาทำไม่ได้
ทำให้เขาได้มีพลังที่จะสร้างสรรค์
ที่เขาจะทำอะไรบางอย่าง
และเขาเตือนตัวเองทุกครั้งในทุกๆวัน
ว่าชีวิตของเขาเนี่ยขึ้นอยู่กับแรงงานของคนอื่น
เขารู้สึกขอบคุณ
เขารู้สึกว่าจะต้องตอบแทนบางอย่าง
ให้กับใครก็ตามที่เขาไม่รู้จัก
เพราะฉะนั้นความสำเร็จหรือการมองว่า
ชีวิตที่ดีนั้น มันไม่ใช่ Individualism
หรือการมองเป็นปัจเจกนิยมหรอก 
มันไม่ใช่แค่คนๆเดียวครับ
ไอสไตน์มองว่าโลกของเราเป็นจุดเชื่อมโยง
ของคนหลายๆคน
เราเกิดมาเพื่อทำอะไรบางสิ่ง
ซึ่งเราไม่มีวันรู้เลยว่ามันคืออะไร
และจริงๆก็มีอีกหลายคนบนโลก
ก็ไม่รู้เลยว่า
ไอ้สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้
เราทำมันไปทำไม
เราทำไปเพื่ออะไร
เป้าหมายที่แท้จริงของเราคืออะไร
บางคนก็รู้สึกหลงทาง
ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน และนี่แหละคือชีวิต
มนุษย์ไม่ได้ต้องการแก้วแหวนเงินทองหรอก
จริงๆแล้วมนุษย์ต้องการแค่ good life ชีวิตที่ดี
ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยากดีมีจน
จะเป็นคนที่มีอำนาจ
หรือเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแค่ไหน
จริงๆแล้วเนี่ยชีวิตคนเราต้องการแค่
สุขภาพดี การที่ยังไม่ตาย ยังมีลมหายใจ
ยังมีแรง ยังมีชีวิตอยู่
มนุษย์ต้องการสิ่งที่ดีต่อวิญญาณ
ความรู้ทักษะ ความรัก love
ความเชื่อมั่นในตนเอง
1
แม้แต่ไอน์สไตน์ ก็ไม่รู้เหมือนกัน
แม้ว่าเขาจะเป็นคนฉลาดและปราดเปรื่อง
เขาไม่รู้ว่าชีวิตของเขาต้องการอะไรกันแน่
แต่เขารู้อยู่อย่างหนึ่งว่าเขาต้องตอบแทน
ในสิ่งที่โลกให้กับเขา
นั่นก็คือมนุษย์ มนุษย์ที่เขาไม่รู้จัก
ไม่รู้ว่าเป็นใคร ที่ทำให้เขาได้รับอาหาร
ทั้งที่อยู่อาศัย ที่ปลอดภัย
แม้ว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
อย่างเช่น โชคชะตา เรื่องของจังหวะชีวิต
เรื่องของโอกาส ที่มีความเชื่อมโยงของคนทั้งโลก
เราไม่ได้เป็นคนที่ตัดสินใจคนเดียว
แม้แต่ความกล้าหาญทางจริยธรรม
การเป็นคนที่ยุติธรรม
ก็อาจจะเป็นสิ่งกีดขวางการเป็นตัวของตัวเอง
ในชีวิต แต่ก็ต้องจำเป็นที่จะต้องมีสิ่งเหล่านี้
ไม่ว่าชีวิตจะไม่เป็นอย่างที่เราต้องการก็ตาม
หากเราจะมองในมุมมองของประเทศไทย
แม้กระทั่งคนที่เป็นไรเดอร์ส่งอาหารตามบ้าน
ในช่วงที่มีสถานการณ์ covid 
ไรเดอร์เขาเป็นคนที่เสียสละมาก
เขาทำหน้าที่ในสิ่งที่หลายคน
ไม่อยากจะทำด้วยซ้ำ
ไอน์สไตน์ได้คิดทฤษฎีแห่งความสุข
เมื่อปี1922ไอสไตน์ไปพักโรงแรมอิมพีเรียล
ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
เพื่อทำการบรรยายทางวิชาการ
ปรากฏว่าไอสไตน์คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เขาก็เลยเอากระดาษขึ้นมาเขียน
ไอสไตน์รีบเขียนความคิดที่อยู่ในหัวทันที
ประมาณ 1หน้ากระดาษ
ไอสไตน์เขียนว่า
ชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบ
จะนำความสุขมาให้
ยิ่งกว่าการไล่ล่าหาความสำเร็จ
ที่มักจะนำความกังวลติดมากับมันด้วย
1
นั่นแหละครับ
พอไอสไตน์ได้เสียชีวิตไปแล้ว
ได้มีการตรวจสอบว่ามรดกของไอสไตน์
ว่ามีอะไรบ้าง
ปรากฏว่า ทรัพย์สมบัติของไอสไตน์
แทบไม่มีอะไรเลย
เพราะว่าไอน์สไตน์ เขาใช้ชีวิตอย่างสงบ
เขาไม่ได้ต้องการเงินทองมากมาย
เขาแค่ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพทางใจ
แล้วคนรุ่นหลังเรียกทฤษฎีนี้ว่า
ทฤษฎีแห่งความสุข ของไอสไตน์
นี่คือความคิดบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของโลก
ที่เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว
แต่เขาได้ทิ้งวิธีคิดอะไรบางอย่าง
ที่ทำให้เราไม่หลงทาง
เพราะฉะนั้นวันนี้ เราจะไม่หลงทางอีกต่อไป
เราจะใช้ชีวิตให้ดี เราจะดูแลคนรอบข้าง
ให้ความรักกับคนรอบข้าง
ให้ความรักกับคนที่ดีกับเรา 
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีตัวตนอยู่บนโลกนี้
เราเกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่างให้กับคนในโลก
ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ สังคมมันจะก้าวไปข้างหน้า
แล้วมันจะดี มันจะมีคุณค่ามากขึ้น
ความรักจะบังเกิดขึ้น โลกจะเป็นสิ่งที่ดี
มันจะดีได้ โดยเริ่มจากตัวเรานี่เอง
ช่องThe Story Review
โฆษณา