15 เม.ย. 2022 เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
เหตุระเบิดในงานวิ่งมาราธอนของบอสตันเป็นการโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 2013 ซึ่งปีนี้ก็ครบ 9 ปีแล้วหลังจากเหตุการณ์อันน่าเศร้านี้ได้เกิดขึ้น
เหตุการณ์ในวันนั้นจะเป็นอย่างไร ลุงเบ็นจะเล่าให้ฟังครับ
งานวิ่งบอสตันมาราธอนจะถูกจัดขึ้นตรงกับวัน Patriots’ Day ซึ่งเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ในรัฐแมสซาชูเซตส์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงการสู้รบในสงครามปฏิวัติอเมริกาที่เล็กซิงตันและคอนคอร์ด
ด้วยบรรยากาศที่คล้ายเทศกาล ทำให้ดึงดูดผู้ชมได้มากกว่าแสนคนตลอดระยะทางวิ่งกว่า 26.2 ไมล์ โดยเริ่มจากเมืองฮอปกินสัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ไปจนถึงย่านแบ็คเบย์ของเมืองบอสตัน
มีนักวิ่งมากกว่า 26,000 คน มาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 117 ที่มีการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนประจำปีและยังถือว่าเป็นงานแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย
เวลาบ่ายของวันนั้นประมาณ 14.49 น. (5 ชั่วโมงหลังการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้น) ยังมีผู้เข้าแข่งขันที่ยังไม่เข้าเส้นชัยอยู่ประมาณ 5,600 คน
ทันใดนั้นระเบิดลูกแรกก็ระเบิดขึ้นใกล้กับเส้นชัย และมีระเบิดลูกที่สองที่อยู่ใกล้กันระเบิดขึ้นหลังจากลูกแรกเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ภาพที่ 1 : ควันด้านหน้าที่เกิดจากระเบิดลูกแรก และควันที่อยู่ห่างออกไปเกิดจากระเบิดลูกที่สองซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
ภาพที่ 2 : ระเบิดลูกที่สองในมุมมองระยะใกล้
ส่งผลให้ผู้ชมเสียชีวิตทันที 3 ราย ประกอบไปด้วยหญิงสาวอายุ 23 ปี ชายหนุ่มอายุ 29 ปี และเด็กชายวัย 8 ขวบ มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 260 คน ซึ่งในจำนวนผู้บาดเจ็บมีผู้ที่สูญเสียขาไปทั้งหมด 16 คน หนึ่งในนั้นเป็นเพียงเด็กหญิงวัย 7 ขวบเท่านั้น
หลังจากการสืบสวนอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาก็สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคือ โชคาห์ ซานาเอฟ (Dzhokhar Tsarnaev) วัย 19 ปี และผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นพี่ชายของโชคาห์ คือ แทเมอแลน ซานาเอฟ (Tamerlan Tsarnaev) วัย 26 ปี
ภาพที่ 3 : คนซ้ายคือ แทเมอแลน ซานาเอฟ คนขวาคือ โชคาห์ ซานาเอฟ
ในช่วงกลางคืนของวันที่ 18 เมษายน ฌอน คอลลิเออร์ (Sean Collier) เจ้าหน้าที่ตำรวจวัย 27 ปี ถูกยิงเสียชีวิตในรถสายตรวจของเขา ซึ่งต่อมาก็พบว่าพี่น้องซานาเอฟ (Tsarnaev) เป็นคนลงมือเพื่อพยายามขโมยอาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้
ภาพที่ 4 : สถานที่เกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฌอน คอลลิเออร์ ถูกยิงเสียชีวิต
ไม่นานหลังจากที่คอลลิเออร์ถูกยิงเสียชีวิต แทเมอแลนได้ขโมยรถ SUV คันหนึ่งโดยใช้ปืนจี้และบังคับคนขับรถให้เป็นตัวประกัน หลังจากนั้นโชคาห์ที่ขับรถตามมาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถคันเดียวกับแทเมอแลน
หลังจากที่สองพี่น้องคู่นี้ได้จอดรถที่ปั๊มน้ำมัน (เพื่อให้ตัวประกันกดตู้ ATM เอาเงินมาให้) เจ้าของรถที่เป็นตัวประกันก็หลบหนีไปได้
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น การไล่ล่าของตำรวจก็เริ่มขึ้น เกิดการยิงปะทะกันระหว่างสองพี่น้องและตำรวจ มีอาวุธระเบิดถูกปาใส่ตำรวจและมีการแลกกระสุนกันกว่า 300 นัด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ
ระหว่างที่ยิงปะทะกัน แทเมอแลน ซานาเอฟได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงหลายนัดและโดนตำรวจจับกุมได้ในที่สุด แต่ต่อมาเขาก็เสียชีวิตลงหลังจากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ภาพที่ 5 : ภาพของสองพี่น้องซานาเอฟขณะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนตัวน้องชาย โชคาห์ ซานาเอฟสามารถหลบหนีไปได้ในสภาพบาดเจ็บ
ในวันที่ 19 เมษายน เป็นวันที่บอสตันได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ล็อกดาวน์ โรงเรียนปิดทำการ รวมถึงขนส่งสาธารณะก็หยุดทำการชั่วคราวเช่นกัน เจ้าหน้าที่แนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น
เมื่อบ่ายวันนั้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเคาะประตูตามบ้านเพื่อหาเบาะแสในย่าน Watertown ทันใดนั้นก็มีคนแจ้งว่าพบผู้ต้องสงสัยอยู่ในสวนหลังบ้านของเขา (แอบอยู่ในเรือของเจ้าของบ้าน) ทำให้ตำรวจมุ่งตรงไปยังบ้านหลังนั้นทันทีและสามารถควบคุมตัวโชคาห์ได้สำเร็จ
ภาพที่ 6 : โชคาห์ ซานาเอฟในสภาพที่บาดเจ็บ ถูกพบตัวภายในเรือของเจ้าของบ้านแห่งหนึ่งใน Watertown และมีสไนเปอร์ของตำรวจเล็งหัวของเขาอยู่
ตามรายงานแจ้งว่าในขณะที่เอาแอบอยู่ในเรือนั้น เขาได้เขียนข้อความระบุว่าการลอบวางระเบิดครั้งนี้เป็นการกระทำเพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ทำสงครามกับประเทศมุสลิม
ต่อมาจึงรู้ว่าพี่น้องซานาเอฟเป็นคนมุสลิมและใช้เวลาในช่วงวัยเด็กของพวกเขาในประเทศคีร์กีซสถาน แต่ต่อมาได้ย้ายมายังสหรัฐฯตามพ่อแม่ของพวกเขาในปี 2002
ผู้สืบสวนเชื่อว่าพี่น้องซานาเอฟได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อของอิสลามแบบสุดโต่ง มีการวางแผนและดำเนินการโจมตีด้วยตนเองโดยไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายใด ๆ ส่วนการทำระเบิดก็เรียนรู้เองจากอินเทอร์เน็ต (เป็นระเบิดที่ทำจากหม้อแรงดัน หรือ Pressure cooker bomb)
ท้ายที่สุดในวันที่ 8 เมษายน ปี 2015 โชคาห์ ซานาเอฟถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้งหมด 30 ข้อหา และโดนโทษประหารชีวิต
ปัจจุบันเขายังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำความปลอดภัยสูงสุด Florences-High ในรัฐโคโลราโด
เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2014 (1 ปีหลังเกิดเหตุระเบิด) นายกเทศมนตรีเมืองบอสตันและผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์จัดพิธีรำลึกเพื่อเป็นเกียรติแก่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุระเบิด
ภาพที่ 7 : ภาพขณะชักธงขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดปี 2013
งานวิ่งมาราธอนครั้งที่ 118 ยังคงจัดตามเดิมในสัปดาห์ต่อมา ส่วนนักวิ่งจำนวน 5,633 คนที่ถูกขัดจังหวะจากเหตุระเบิดในปี 2013 จนไม่สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้ ก็ได้กลับมาร่วมวิ่งอีกครั้งในปี 2014
จบกันไปแล้วกับ 'ครบรอบ 9 ปี เหตุการณ์ลอบวางระเบิดในงานวิ่งบอสตันมาราธอน'
หากชอบและอยากติดตามเรื่องราวใหม่ ๆ อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ลุงเบ็นด้วยนะครับ
References :
โฆษณา