Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ญี่ปุ่น 5 นาที
•
ติดตาม
15 เม.ย. 2022 เวลา 08:25 • อาหาร
เรื่องราวสายหวาน-ซากุระโมจิ
เอ๊ะ! อันไหนคือซากุระโมจิ เครดิตภาพ : https://tenki.jp/suppl/romisan/2018/03/09/27925.html
ต้นฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ อะไร ๆ ก็ดูดีไปหมด ความมีชีวิตชีวา ความสดใสของดอกไม้ใบหญ้า นอกจากซากุระแล้ว ยังมีดอกไม้อีกหลากหลายชนิดที่บานสะพรั่งราวกับจะแข่งขันกันเป็นราชินีแห่งฤดูกาล
1
ทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองตัดกับสีชมพูอ่อนของซากุระ พบเห็นได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น เครดิตภาพ : https://www.welcomekyushu.jp/article/?mode=detail&id=590
ไม่ว่าจะเป็นดอกทิวลิปหลากสี ดอกแดนดิไลออนสีเหลืองสดใสที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า “ทัมโปโปะ”,(タンポポ) ดอกมัสตาร์ด, (菜の花) ที่เป็นทั้งอาหารตาแล้วยังทานอร่อยอีกด้วย
1
ดอกแดนดิไลออน เครดิตภาพ : https://chiik.jp/nvvxk/
นอกจากจะเพลิดเพลินกับความสวยงามและสดใสของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ถ้าให้นึกถึง “ฤดูใบไม้ผลิ” นั่นก็คือ “ขนมญี่ปุ่น” นั่นเอง! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ซากุระโมจิ” ขนมสีชมพูระเรื่อราวกับกลีบดอกซากุระตัดกับสีเขียวตุ่นของใบซากุระหมักเกลือ ช่วยเพิ่มความอยากรับประทาน ยิ่งได้ชาเขียวร้อน ๆ มาเคียงด้วยคงจะเป็นการรับประทานของว่างที่มีความฟินเป็นที่สุด
1
ทว่า! เมื่อพูดถึงขนมซากุระโมจิ ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือคนต่างชาติมักจะเกิดความสงสัยกันไม่น้อยว่า ขนมสีสันน่ารักที่ห่อด้วยใบซากุระนี้ ควรจะรับประทานอย่างไร ใบซากุระนั้นรับประทานได้หรือไม่ หรือเพียงแค่ห่อมาเพื่อความสวยงามเท่านั้น
1
เครดิตภาพ : https://www.cosme.net/beautist/article/2628296
คำตอบก็คือ…………..
แล้วแต่ความชื่นชอบส่วนบุคคล เพราะใบซากุระที่ใช้ทำขนมเป็นใบซากุระที่ปลูกเพื่อใช้รับประทานโดยเฉพาะ นิยมใช้ใบจากต้นซากุระพันธุ์โอชิมะ(大島桜) ดังนั้นจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้แล้วใบซากุระที่นำมาทำขนมเป็นใบอ่อนที่รับประทานง่าย นำมาหมักเกลือเมื่อรับประทานกับตัวขนมที่ทำจากข้าวเหนียวสอดไส้ถั่วแดงไว้ข้างใน รสเค็มตัดกับรสหวานอ่อน ๆ ช่างเข้ากันดีเหลือเกิน
1
ใบซากุระหลังจากหมักเกลือ เครดิตภาพ : https://sakura-mochi.com/info/kodawari.php
ซากุระโมจิมีสองแบบ?
ว่ากันว่า ซากุระโมจิมีที่มาจากการที่คุณยามาโมโตะ ชินโรคุ (山本新六) ผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตูวัดโจวเมอิจิ (長命寺) ในยุคเอโดะ (ค.ศ.1717) เห็นใบซากุระร่วงแล้วรู้สึกเสียดาย จึงคิดนำใบซากุระมาหมักกับเกลือแล้วนำไปห่อขนมที่ทำจากแป้งสาลีห่อไส้ถั่วแดงลองวางขาย เนื่องจากบริเวณวัดซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสุมิดะเป็นจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียง จึงได้รับความนิยมอย่างมาก ขนมซากุระโมจิจึงแพร่หลายไปทั่วทั้งภูมิภาคคันโต
1
ภาพวาดบรรยากาศหน้าวัดโจวเมอิจิช่วงซากุระบานยุคเอโดะ เครดิตภาพ : https://sakura-mochi.com/info/shiryo.php
ขนมซากุระโมจิอีกแบบหนึ่งนั้นทำมาจากแป้งข้าวเหนียวซึ่งมีที่มาจากการทำแป้งข้าวเหนียวแบบวัดโดเมียวจิ (道明寺) ซึ่งตั้งอยู่ในโอซาก้า โดยนำข้าวเหนียวมานึ่งให้สุกแล้วนำไปตากให้แห้ง จากนั้นก็ตำพอหยาบผสมน้ำปั้นเป็นก้อนสอดไส้ถั่วแดง ทำให้ได้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่มละมุนลิ้นไปอีกแบบ เป็นที่นิยมในภูมิภาคคันไซ
1
ปัจจุบันสามารถหาขนมซากุระโมจิทั้งสองแบบรับประทานได้ทั่วไป ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล
1
ความนิยมในการรับประทานซากุระโมจิ *สีชมพูคือพื้นที่ที่วางขายเฉพาะซากุระโมจิสไตล์คันไซ สีเขียวคือพื้นที่ที่วางขายทั้งสไตล์คันโตและคันไซ เครดิตภาพ : https://weathernews.jp/s/topics/202204/020185/
แม้รูปร่างหน้าตาจะแตกต่างกัน แต่พลังงานที่ได้จากการรับประทานขนมซากุระโมจินั้นไม่ได้แตกต่างกันมาก ข้อมูลจากตารางมาตรฐานองค์ประกอบอาหารในญี่ปุ่น (STANDARD TABLES OF FOOD COMPOSITION IN JAPAN) ได้แสดงไว้ให้เห็นว่า
1
ค่าพลังงานที่ได้จากขนมซากุระโมจิซึ่งทำจากแป้งสาลีสไตล์วัดโจวเมอิจิต่อ 100 กรัม อยู่ที่ 239 Kcal
1
ค่าพลังงานที่ได้จากขนมซากุระโมจิซึ่งทำจากแป้งข้าวเหนียวสไตล์วัดโดเมียวจิต่อ 100 กรัม อยู่ที่ 200 Kcal
1
ขนมซากุระโมจิจากร้านของคุณยามาโมโต้ ชินโรคุ ที่ยังคงรูปแบบและรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ เครดิตภาพ : https://sakura-mochi.com/
ซากุระโมจิเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่ยุคเอโดะ ได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ หากมีโอกาสได้ลองรับประทาน คุณอาจจะหลงรักฤดูใบไม้ผลิมากขึ้นไปอีกก็เป็นได้
1
ญี่ปุ่น
ขนม
บันทึก
4
12
4
12
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย