16 เม.ย. 2022 เวลา 02:19 • กีฬา
ภาพที่ผมแอบสะเทือนใจในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่างเกมลิเวอร์พูลกับเบนฟิก้า คือช่วงต้นครึ่งหลัง มีการจับภาพซุ้มม้านั่งสำรองของทีมหงส์แดง กับการที่ทาคุมิ มินามิโนะ "ไม่มีชื่อแม้แต่เป็นตัวสำรอง"
หากใครดูรูปด้านล่างนี้ จะเห็นว่าม้านั่งสำรอง มีฟาน ไดค์, ซาลาห์, ฟาบินโญ่, มาเน่ นักเตะตัวท็อปๆ ของทีมที่ถูกโรเทชั่นนั่งเรียงกันอยู่ แต่สายตาของผม มองไปที่ผู้เล่นคนขวาบนสุด ซึ่งได้แก่ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ถูกกันออกไปนั่งด้านหลังกับกลุ่มสตาฟฟ์ของสโมสร
4
ในแชมเปี้ยนส์ลีก ส่งชื่อตัวจริงได้ 11 คน สำรอง 12 คน รวมเป็น 23 คน แต่ใน 23 คนนั้น ไม่มีชื่อของมินามิโนะอยู่ด้วย ซึ่งเหตุผลของคล็อปป์ก็เข้าใจได้ เพราะมี 3 ตัวจริง โชต้า- ฟีร์มีโน่- ดิอาซ และมี 3 ตัวสำรอง ซาลาห์- มาเน่- โอริกี้ รวมแล้วเป็น 6 คน ดังนั้นคุณจะใส่กองหน้าคนที่ 7 ลงไปในทีมทำไม แค่ 6 คนก็มากเกินพอแล้ว
1
แนวทางของคล็อปป์คือการจัดตัวผู้เล่น ที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับทีม ตลอดการคุมทีม 6 ปีครึ่งของเขา คล็อปป์พิสูจน์เรื่องนั้นมาตลอด ถ้าเป็นเรื่องในสนาม เขาไม่สนใจเรื่องการตลาดใดๆ แต่จะส่งนักเตะที่คิดว่าจะทำให้ทีมชนะได้อย่างเด็ดขาดลงเล่นเท่านั้น ดังนั้นการต้องกันมินามิโนะออกไป มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
2
แต่ก็นะ ถึงจะคิดแบบนั้นก็เถอะ คนเป็นนักเตะจะไม่น้อยใจหรือ ว่าขนาดมีสำรองได้ 12 คน เรายังไม่ดีพออีกรึ?
การต้องโดนแยกออกมานั่งด้านบน มันก็น่านอยด์เหมือนกันนะ ถ้าคิดในแง่ว่าตัวเขาเองก็เป็นตัวจริงทีมชาติญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของเอเชียด้วย
ถ้าพูดถึงมินามิโนะแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเป็นผู้เล่นที่ดี มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก ตอนแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เขาลงเล่นให้ญี่ปุ่นเสร็จ ก็รีบบินกลับมาอังกฤษทันทีเพื่อซ้อมกับสโมสร จนคล็อปป์ประทับใจในความตั้งใจ และให้เขาลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมเจอนอริช ในเอฟเอคัพรอบ 5 และมินามิโนะยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยทีมชนะ 2-1
1
สถิติของเขาในซีซั่น 2021-22 ทาคิยิงไป 9 ลูก (พรีเมียร์ลีก 2, เอฟเอคัพ 3 และ ลีกคัพ 4) โดยมินามิโนะเป็นดาวยิงสูงสุดของสโมสร ในถ้วยเอฟเอคัพ กับ ลีกคัพ ในฤดูกาลนี้ด้วย
1
คือถ้าดูปริมาณการลงเล่นที่น้อยมากๆ การยิงได้ 9 ลูก ถือว่าเยอะแล้ว มินามิโนะยิงประตูเป็นรองแค่ ซาลาห์, โชต้า, มาเน่ และ ฟีร์มีโน่ เท่านั้น ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะ 4 คนที่กล่าวมา ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว
1
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ ณ เวลานี้ มินามิโนะคือตัวเลือกกองหน้าเบอร์ 7 ของทีม
1
ซาลาห์ มาเน่ โชต้า ดิอาซ ฟีร์มีโน่ นี่คือตัวเลือกอันดับ 1-5 ขณะที่โอริกี้ ก็ถูกมองเป็นอันดับ 6 เพราะนี่เป็นหัวหอกที่มีสไตล์แตกต่าง รูปร่างสูงใหญ่กว่าคนอื่น เล่นลูกบอมบ์ได้ มินามิโนะเลยหล่นมาอยู่อันดับ 7 อย่างช่วยไม่ได้
ถามว่าเขาไม่เก่งหรอ? คำตอบคือไม่ใช่อย่างนั้น มินามิโนะมีฝีเท้าที่โอเคทีเดียว อาจจะไม่มีลูกปาฏิหาริย์แบบซาลาห์ แต่เขาไม่ได้ทำให้ทีมเสียสมดุลแน่ๆ มินามิโนะเล่นได้ทุกตำแหน่งตามที่โค้ชสั่ง นอกจากนั้นยังเป็นผู้อดทนที่ดี ก้มหน้าก้มตาซ้อม ไม่เคยก่อดราม่า แม้จะไม่ได้ลงเล่นก็ตาม
1
ถ้าจำได้ ตอนที่มินามิโนะโดนปล่อยยืมไปเซาธ์แฮมป์ตัน เขายิงประตูสวยๆ ใส่ทั้งนิวคาสเซิล และเชลซี โดยลูกยิงแมตช์เชลซี โชว์สเต็ปจนเอดูอาร์ เมนดี้ เสียจังหวะ แล้วยิงเข้าไปแบบเหนือๆ ทักษะเขาโอเคนะ
แต่ประเด็นของมินามิโนะที่ทำให้ได้ลงน้อยที่ลิเวอร์พูล คือเรื่องตำแหน่ง เพราะเขาถนัดที่สุดคือปีกซ้าย ตอนอยู่เซาธ์แฮมป์ตันยืนปีกซ้าย ตอนเล่นญี่ปุ่นก็ยืนซ้าย (หน้าเป้าทาคุมะ อาซาโนะ ปีกขวาจุนยะ อิโตะ) แล้วที่ลิเวอร์พูล เขาจะไปยืนซ้ายได้ไง เมื่อมีทั้งซาดิโอ มาเน่ กับ หลุยส์ ดิอาซ ขวางทางอยู่
1
มาเน่ คือนักเตะยอดเยี่ยมประจำทวีปแอฟริกา ส่วนดิอาซ สโมสรก็ซื้อมาในราคา 50 ล้านปอนด์ ยังไงก็เป็นตัวเลือกก่อนมินามิโนะอยู่แล้ว
ครั้นจะมายืนหน้าเป้าเหมือนที่เล่นอยู่กับซัลซ์บวร์ก ก็แย่งตำแหน่งจากโชต้า และ ฟีร์มีโน่ได้ยากมาก ส่วนฝั่งขวาก็หมดสิทธิ์เลยเพราะซาลาห์จองอยู่แล้ว
ดังนั้นคล็อปป์เองก็ไม่มีทางเลือก นอกจากจะจับมินามิโนะเป็นตัวสำรองเท่านั้น บางทีเขาเป็นเบอร์ 6 แต่บางทีก็เป็นเบอร์ 7 เหมือนอย่างเกมเมื่อคืนนี้
1
มินามิโนะ ไม่ใช่คนที่ป็อปปูลาร์นัก ของแฟนๆ หงส์แดงที่อังกฤษด้วย เขาโดนแซะประจำว่าเล่นไม่ดี ไม่มีการเลี้ยงกระชากสวยๆ ให้เห็น ลงสนามมาเป็นสำรองก็สร้างความแตกต่างไม่ค่อยได้ โดยเกมที่เป็นจุดแตกหัก ที่แฟนๆ ในอังกฤษ ไม่เอาทาคิ คือในเกมลีกคัพรอบรองชนะเลิศกับอาร์เซน่อล ที่อาร์เซน่อลเหลือ 10 ตัว แต่หงส์เจาะไม่ได้ โดยเฉพาะทาคิ มีโอกาสยิงโล่งๆ แต่ข้ามคานออกไป จนทีมไม่ชนะ
2
ในเกมต่อมา เลก 2 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม คล็อปป์ดร็อปทาคิ แล้วส่งเค้ด กอร์ดอน ลงเล่นแทน ซึ่งแฟนๆ ที่อังกฤษชอบใจ บอกว่า ถ้าจะให้โอกาสมินามิโนะ สู่ให้โอกาสเด็กอะคาเดมี่ดีกว่า พูดกันขนาดนั้นเลย
2
มองในมุมของสโมสร ผมเชื่อว่า ยังไงก็อยากเก็บมินามิโนะไว้ต่อ เพราะสามารถตีตลาดเอเชียได้ แล้วอีกอย่างตัวนักเตะก็มีวินัย เป็นมืออาชีพ ไม่เคยสร้างเรื่องดราม่า เป็นสำรองก็ไม่บ่น รอคอยโอกาสอย่างอดทน แล้วมินามิโนะ มีสัญญาถึงซัมเมอร์ปี 2024 ก็เก็บไว้ได้เรื่อยๆ อีก 2 ปีก็ได้ ค่าเหนื่อยก็ไม่ได้แพงด้วย
2
แต่ประเด็นคือตัวมินามิโนะนี่แหละ ว่าจะเอายังไงกับตัวเอง โอเค ปีหน้าถ้าโอริกี้ย้ายไปเอซี มิลาน เขาก็คงโดนขยับมาเป็นตัวเลือกเบอร์ 6 (ถ้าไม่โดนเค้ด กอร์ดอนแซง)
2
โอกาสลงเล่นก็คงคล้ายๆ กับในปัจจุบัน คือเน้นที่ลีกคัพ กับเอฟเอคัพ แต่จะให้หวังเป็นตัวหลักของทีม มันคงไม่เกิดขึ้น คือไม่ใช่ทาคิไม่เก่ง แต่มันมีตัวที่เหมาะสมกับทีมมากกว่า
ดังนั้นซัมเมอร์นี้ เขาเองก็ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะ Move ไหม อย่าลืมว่าปลายปีนี้ ญี่ปุ่นต้องลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กาตาร์ โดยพวกเขาต้องอยู่กลุ่มเดียวกับสเปนและเยอรมนีด้วย แน่นอนว่า โค้ชต้องส่งผู้เล่นที่ฟอร์มดีที่สุด ณ ขณะนั้นลงสนาม
ทาคิยังไงก็ได้ไปกาตาร์แน่ แต่ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะได้ลงเป็นตัวจริง ญี่ปุ่นมีชอยส์แนวรุกเพียบ ทั้งไดเซน มาเอดะ จากเซลติก, คาโอรุ มิโตมะ ที่ยิงออสเตรเลีย 2 ประตู, ทาเคฟุสะ คุโบะ ที่เล่นอยู่กับ เรอัล มายอร์ก้า, ริทสึ โดอัน จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ฯลฯ แปลว่าถ้าทาคิยังเป็นสำรองต่อไป โอกาสจะลงเป็นตัวจริงในฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขาอาจจะไม่เหลือเลยก็ได้
1
ดังนั้นมินามิโนะ มีทางเลือก 2 ทาง หลังจบฤดูกาลนี้
1
อย่างแรกคืออยู่กับทีมต่อ การเป็นสำรองของหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก ได้ซ้อมร่วมกับนักเตะอย่างซาลาห์ มาเน่ ทุกๆ วัน ก็อาจส่งผลดีต่อฝีเท้า และความนิยมของเขา ได้เงิน ได้กล่อง ได้เล่นบ้างตามสมควร ถ้ามองในมุมนี้จะพอใจก็ไม่แปลก
1
หรืออีกทางคือตัดสินใจย้ายทีม ไปยังสโมสรที่ได้โอกาสลงสนามมากขึ้น ไซส์ของทีมเล็กลงหน่อย แต่ก็คงไม่ใช่ตัวเลือกเบอร์ 6-7 อย่างปัจจุบันแน่ เรียกฟอร์มเก่าๆ สมัยอยู่ซัลซ์บวร์กให้กลับมาอีกครั้ง
จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีใครผิด คล็อปป์ก็มีสิทธิ์ 100% ที่จัดทีมแบบนี้ เช่นเดียวกับมินามิโนะก็ไม่ได้เป็นนักเตะที่แย่อะไรเลย
และสุดท้ายก็ต้องเป็นตัวทาคินั่นแหละ ที่ต้องเลือกว่า จะเป็นอะไหล่ของทีมที่แข็งแกร่งระดับโลก หรือจะไปเป็นคีย์แมนของทีมที่เล็กลงหน่อย เรื่องนี้ ไม่มีใครตัดสินใจอนาคตได้ดีกว่าตัวเขาเอง
1
โฆษณา