15 เม.ย. 2022 เวลา 14:58 • ความคิดเห็น
Sad Friday💙
สวัสดีวันศุกร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๕
วันนี้เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยสายเรียกเข้าจากหม่าม๊าตั้งแต่ 6 โมงเช้า ทันทีที่เห็นว่าสายเรียกเข้ามาจากไหน ในใจมีแต่ความกังวลเกิดขึ้นในใจว่า ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่งั้นหม่าม๊าคงไม่โทรมาแต่เช้าขนาดนี้ ทันทีที่รับสาย เสียงที่ปลายสายก็บอกว่า “อากงเสียแล้วนะลูก” ฉันเริ่มน้ำตาไหล และเสียงสั่น ทั้งๆที่ก็เตรียมใจมาสักพักแล้ว เพราะอายุอากงก็ไม่น้อยแล้ว ปีนี้ก็ 103 ปี
3
“เตรียมตัวให้พร้อมนะลูก เดี๋ยวป๊าคงโทรมาบอกหนูอีกที” ฉันรับคำและวางสายไป ไม่ทันไร ป๊าก็โทรเข้ามาตามที่คาดไว้ “อากงเสียแล้วนะลูก แต่งตัวธรรมดา แล้วรีบมารวมกันที่บ้านใหญ่นะ” ฉันรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เลือกที่จะไม่ใส่ชุดดำ เพราะขนบธรรมเนียมประเพณีจีน หากญาติผู้ใหญ่อายุเกิน 100 ปี เราจะหลีกเลี่ยงการใส่ชุดดำในการไว้ทุกข์ และพุ่งตัวรีบขับรถไปอย่างเร็ว เพื่อไปให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด
ระหว่างการเดินทาง ฉันนั่งนึกย้อนถึงความสัมพันธ์ 38 ปี ระหว่างฉันและอากง ถ้าให้พูดตามความเป็นจริง มันคือความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก สำหรับอากงกับหลานสาว (จาโบ๊) อย่างฉันคนนี้ นับตั้งแต่วันที่ฉันลืมตาดูโลก ก็ดูจะมีแต่คำพูดใจร้ายที่ฉันนั้นเกิดมาเป็นผู้หญิง ฉันเติบโตมาพร้อมกับคำดุว่าจากอากงมาตลอด จนฉันไม่เคยรู้เลยว่า เคยมีสักเสี้ยววินาทีที่อากงเคยรักหลานสาวคนนี้บ้างมั้ย ฉันจึงตั้งปฏิญาณกับตัวเองว่า ต้องโตมาให้เก่งกว่าหลานชายในบ้าน ตั้งใจเรียน หางานทำ จนวันหนึ่ง ก็ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านใหญ่นี้ไป
“ป๊า หนูอยู่หน้าบ้านแล้วนะคะ กำลังจะเดินเข้าไปค่ะ” ฉันโทรบอกป๊าทันทีที่ถึงบ้าน ป๊ารีบออกมารับหน้าบ้าน จูงมือเข้าบ้านไปหาอากงที่นอนอยู่บนเตียง ในห้องนั้น ฉันเห็นญาติๆคนอื่นนั่งกันอยู่เต็มไปหมด และมีเสียงพูดขึ้นมาว่า “มาได้สักที แล้วแม่แกละ” ฉันหันไปและตอบว่า “กำลังเดินทางมาค่ะ เดี๋ยวไม่นานคงถึงค่ะ” ท่ามกลางความอึดอัดตอนนั้น ญาติๆคนอื่นมีคำพูดค่อนขอด เชิงว่า ฉันกับแม่ต้องกราบขอขมาอากงนะ และคำพูดอื่นๆ ที่ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่นัก แต่ฉันก็เลือกที่จะนิ่ง และไม่ตอบโต้อะไร และปล่อยให้ทุกคนพูดสิ่งที่ตัวเองอยากพูดกันออกมาให้พอ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันติดต่อพูดคุยกับป๊าที่คงยังคอยอยู่ดูแลอากง กับซ๊อยม่า (อาม่าคนที่ 2) ที่บ้านใหญ่ โดยที่พี่น้องป๊าในบ้าน ไม่ค่อยมีใครมาดูแลเลย ทุกคนย้ายออกไปมีบ้านของตนเอง จึงมีเพียงป๊ากับซ๊อยม่าเท่านั้นที่ยังอยู่บ้านหลังนี้ คนอื่นๆแค่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน มาพูดคุยกับอากงบ้างนานๆที ส่วนฉันกับม๊าก็ต่างย้ายออกแล้วเช่นกัน เพราะปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในบ้านกับอากง แต่ฉันกับม๊าคือเลือกที่จะคอยดูแลช่วยเหลืออยู่ห่างๆ แบบไม่ไกลนัก เลือกซื้อบ้านที่ห่างจากบ้านใหญ่ไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งหากที่บ้านใหญ่และป๊าขาดเหลืออะไร ก็จะรีบจัดหาของมาให้
1
จนมาช่วงต้นปีนี้ ที่อาการอากงดูจะแย่ลง ทั้งๆที่ปลายปีที่ผ่านมายังแข็งแรงอยู่เลย จากอากงที่ดุมาก เอ็ดคนอื่นไปทั่ว กลายเป็นอากงที่เริ่มลุกเดินไม่ไหว และต้องเริ่มใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ตอนที่อากงเริ่มแย่ลง คนที่ดูแลมีเพียงป๊ากับซ๊อยม่าเท่านั้น ที่คอยดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงไม่ห่าง ส่วนฉันจะเป็นคนคอยจัดการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นให้อากง และคอยหาอาหารบำรุง หรือซื้ออาหารที่อากงชอบทานมาให้ แต่ไม่เคยเข้าไปเจอหน้า เพราะป๊าบอกว่า ถ้าอากงรู้เป็นของที่ฉันซื้อมา อากงจะทิ้ง ฉันจึงไม่อยากสร้างปัญหาให้ จึงเลือกที่จะบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ แต่กลับกลายเป็นญาติๆทั้งบ้านไม่เคยรับรู้ ซ้ำยังตราหน้าว่า “ฉันเป็นหลานอกตัญญู”
อากงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มองเผินๆอาจเหมือนเพียงแค่นอนหลับอยู่เท่านั้น ฉันนึกย้อนไปถึงบทสนทนากับป๊าเมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้
“ป๊าว่าอากง คงอยู่กับเราได้ไม่นาน ตอนนี้ป๊าก็ไล่โทรบอกทุกคนในบ้าน ให้รีบๆมาหาอากง”
“งั้นหนูจะได้ไปเจออากงมั้ยคะป๊า หนูไปทีไรก็ไม่เคยได้เจออากงเลย”
“ไว้เดี๋ยวถ้าอากงหลับ ป๊าจะโทรบอกนะ เพราะจากบ้านหนู มาหาอากงก็ไม่ไกล จะได้แวะมาหาตอนเค้านอน”
“ได้ค่ะป๊า งั้นไว้ป๊าโทรบอกหนูนะ หนูจะรีบมา” ฉันบอกป๊าไปอย่างนั้นในวันนั้น
แต่วันนี้อากงหลับไปแล้ว หลับไปแบบไม่มีวันตื่นขึ้นมาดุว่าฉันได้อีก ฉันยังไม่มีโอกาสได้คุยกับอากงเลย ยังไม่มีโอกาสได้บอกขอโทษ ยังไม่มีโอกาสได้ถามว่า ปลานึ่งที่อากงชอบกิน อากงชอบมั้ย หนูเป็นคนซื้อนะ อากงรู้รึป่าว
“มาๆ มากราบลาอากง” ป๊าเรียกให้ไปนั่งข้างๆอากง ฉันก้มลงกราบที่เท้าอากง พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล จับไปที่เท้าอากง ยังอุ่นๆอยู่เลย เหมือนเพียงหลับไปเท่านั้น
“หนูรู้ว่าหนูอาจจะไม่ได้เกิดมาได้ดั่งใจอากง แต่หนูต้องขอขอบคุณที่อากงให้กำเนิดป๊า พ่อผู้ซึ่งให้กำเนิดหนู ขอบคุณที่ให้หนูได้เกิดมา และใช้ชีวิตได้อย่างดีและเต็มที่ในทุกความพยายาม ขอบคุณจริงๆค่ะ หากสิ่งใดในชาตินี้ เราทั้งคู่ต่างกระทำเพียงเพราะความไม่เข้าใจกันและกัน หนูขอโทษ และอโหสิกรรมกันนะคะ” ฉันกล่าวในใจตอนทำพิธีป้อนข้าวป้อนน้ำให้อากง ก่อนจะนำอากงบรรจุลงโลงศพจีน
วันนี้ก่อนกลับบ้าน ฉันนั่งมองภาพอากงที่ตั้งอยู่ในศาลา ฉันคิดไปเองรึป่าวไม่รู้ แต่ฉันเหมือนเห็นอากงยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมาก แบบที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้มาก่อน จะมีใครในบ้านสังเกตเห็นรอยยิ้มนั้นแบบที่ฉันเห็นมั้ย อาจจะไม่มีก็ได้ เพราะทุกคนรีบกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงป๊า ม๊า ซ๊อยม่า และฉัน ที่อยู่ปิดศาลา
พรุ่งนี้ฉันจะไปนั่งมองอีกครั้ง ว่าอากงยิ้มให้ฉันจริงๆใช่มั้ย “ขอบคุณนะคะอากง”
#TGIF #ThanksGodIt’sFriday #OneFriday #OneFriyay
Dedicated to U.L., my handsome grandpa 👨🏻‍🦳💕
โฆษณา