17 เม.ย. 2022 เวลา 06:32 • ปรัชญา
ความลับของคนโบราณจากวัดราชนัดดารามวรวิหาร
วันนี้เป็นวันสงกรานต์ 13/เมษ65 ได้มีโอกาสไปเที่ยววัดราชนัดดา แถวๆราขดำเนิน ก่อนหน้านี้เคยไปแต่ยังอยู่ในช่วงลงรักสีดำยอดเจดีย์ไว้ แต่ตอนนี้เป็นสีทองอร่ามมาก
วัดราชนัดดารามวรวิหารเป็นพระอารามชั้นตรีชนิดวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแก่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี (ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นพระอัครมเหสีองค์แรกของรัชกาลที่ 4 มีพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีบรมราชเทวี) ตั้งชื่อว่าวัดราชนัดดาวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2389
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างโลหะปราสาท แทนการสร้างเจดีย์ นับเป็นโลหะปราสาทแห่งแรกของไทย โดยสร้างเป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาท 37 ยอด หมายถึงโพธิปักขิยธรรมในพระพุทธศาสนา 37 ประการ ยอดปราสาทชั้น 7 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กลางปราสาทเป็นช่องกลวง มีบันไดเวียน 67 ขั้น ให้เดินขึ้นไปดูทิวทัศน์ข้างบนได้ ถือเป็นโลหะปราสาทแห่งที่ 3 นับจากโลหะปราสาทที่ประเทศ อินเดียและศรีลังกา
ตอนที่เดินเข้าไปดูชั้นแรกเห็นมีเก้าอี้จัดไว้สำหรับให้ผู้เข้ามานั่งสมาธิ มีลายเหล็กดัดหน้าต่างเป็นลายเทพพนม ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่พอขึ้นถึงชั้น 3 มีทางเดินโดยรอบมีป้ายกล่าวว่าเป็นชั้นสำหรับเดินจงกรม Jasmine เลยลองเดิน สิ่งที่รับรู้ได้คือมีพลังจากด้านหน้า ด้านหลังไหลเข้ามาปะทะร่างกาย และตามช่องว่างระหว่างแต่ละเสา เมื่อมองออกไปทุกช่องจะมองเห็นตรงกับหน้าบรรณเจดีย์ทุกช่อง มีพลังส่งเข้ามายังแนวระเบียง ผู้เดินจงกรม สัมผัสรับรู้ได้ว่าเป็นพลังของระดับชั้นดาวดึงส์ เลยเอะใจ จึงสำรวจพลังที่ส่งมาแต่ละชั้น เป็นชั้นตามแนวของสวรรค์จนถึงชั้น ดุสิต เลยน่ะ
เลยกลับมาเล่าให้ครูฟัง ท่านเลยให้กลับไปศึกษาอย่างละเอียดใหม่ เลยมากับน้องสาวเริ่มต้นศึกษาใหม่
โลหะปราสาท ชั้นที่ 1 (พลังระดับมนุษย์.
เข้ามาแล้วอธิษฐานว่าขอให้พวกหนูได้รู้ถึงการวางแปลน วางพลังแล้วก็จุดประสงค์ของการสร้างโลหะปราสาทนี้ด้วย เพื่อที่จะสืบทอดไว้ให้กับคนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาอย่างเข้าใจ ไม่ใช่แค่ดูผ่านๆ เขาจะได้รู้ถึงพลังและจุดประสงค์ที่แท้จริงของการวางแปลนไม่เช่นนั้นมันก็จะสูญหายไปยิ่งนับวันมันก็จะไม่มีใครรู้
ถึงพลังขอให้หนูได้รู้ได้เข้าใจและได้นำเผยแพร่ได้อย่างถูกต้องด้วยเถิด
จากนั้นก็เดินศึกษาดู สิ่งที่เห็นในระบบทิพย์ก็คือ เห็นมีการประชุมกันขณะที่ประชุมในนั้นจะมี King เห็นมีพราหมณ์ พระสงฆ์ระดับผู้ใหญ่ มีเหมือนกับที่เป็นเจ้าของงานที่เป็นคนคุมแบบระดับเจ้าฟ้า รวมทั้งมีพราหมณ์อีกส่วนที่ดูเป็นคนโบราณๆ ร่วมอยู่ด้วย
Jasmine: ท่านเหล่านี้เป็นใคร
ก็มีคำตขึ้นมาว่าพราหมณ์คนแรกเป็นคนจากศรีลังกา อีกคนมาจากอินเดีย
ส่วนคนที่เป็นคนคุมงาน เป็นระดับเจ้าฟ้า พอลองเปิดประวัติดู เป็นสมเด็จเจ้าฟ้า ตระกูลบุณนาค
Jasmine: ทำไมถึงมาจากศรีลังกา ทำไมเป็นอินเดีย
พราหมณ์: นั้นเพราะที่จะสร้างใหม่นี้ เป็นโลหะปราสาทแห่งที่ 3 ของโลกที่ 1 เป็นที่อินเดีย อันที่ 2 ศรีลังกา แล้วก็ต่อด้วยเราเป็นที่ 3
Jasmine: สร้างเพื่ออะไร ค่ะ
พรหมณ์: การใช้โลหะ คือความแข็งแกร่ง ทำด้วยโลหะไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติอะไรมันก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ เขาถึงใช้โลหะปราสาทเป็นเป็นหลักในการสร้าง (แอบลองเคาะดู ตรงส่วนที่สีทองๆ ก็ทำจากโลหะจริงๆ)
Jasmine: ทำไมถึงทำเป็นยอดๆ ค่ะ
พราหมณ์: เป็นตัวแทนคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 37 กัณฑ์ จึงทำเป็น 37 ยอด มาเป็นตัวแทนคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเหมือนกับเป็นการบูชาคำสอนของพระพุทธเจ้า
2
จากนั้น Jasmine ก็นิ่งศึกษาพลังดู มองไปจะการสร้างที่เป็นลายเหล็กดัดรูปเทพพนมทั้งหมด ทุกด้าน ทุกช่องประตู (ไม่ว่าจะยืนจุดใดเมื่อหันทุกมุมจะเห็นลายจากช่องประตูรูปเทพพนมทุกด้าน) สำรวจดูมีดวงจิตเทวดาสถิตย์อยู่จริง ที่พื้นตลอดแนวจะมีแท่นสำหรับให้นั่งฝึกสมาธิวางเป็นแถวตลอดแนว
Jasmine: ถามว่าเทวดาตรงนี้มาจากไหน ค่ะ
พรหามหณ์: ส่วนใหญ่เทวดาเหล่านี้เป็นชั้นจาตุมแต่ก็จะมีคนอื่นเข้ามาปะปนด้วยยิ่งอยู่ใกล้พระพุทธรูปตรงกลาง และแนวทางจะเป็นเป็นเทวดาที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในชั้นนี้จึงเป็นสภาวะค่อนข้างจะคละกันของพลังของบรรดาเทวดาต่างๆ ที่ปรารถนาจะมาเป็นช่วยผู้เริ่มต้นให้กับดวงจิตมนุษย์ที่ปรารถนาจะฝึกฝน
ชั้นนี้จึงกลายเป็นที่เริ่มต้นเข้าเส้นทางธรรมะ จึงจัดให้มีที่นั่งสมาธิ ทำเป็นที่นั่งสมาธิตลอดแนว
Jasmine: ทำไมสังเกตุได้ว่าที่นั่งสมาธิจะหันปะทะหันหน้าเข้ากำแพง
พรามหณ์:: ไม่ต้องให้เห็นอะไร มันจะกลายเป็นความสงบ ไม่วอกแวก
มันเป็นนัยยะธรรมให้เห็นว่าเหมือนดังทางตันแต่ต้องทะลุไปให้ได้เอง ส่วนทางขึ้นอยู่ตรงกลาง ต้องเดินเข้าให้ถูกช่อง เปรียบเสมือนต้องไปให้ถูกทาง ที่จะก้าวเดินต่อไป ต้องผ่านอุปสรรคตรงนี้ให้ได้ หากเข้าไม่ถูหทางเราจะเจอทางตัน
การตั้งสมาธิ ตั้งตัวเองขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่ได้มากนักเพราะอย่างที่บอกมันมีอะไรต่ออะไรเข้ามาปะปน นั่นคือสภาวะที่เป็นจริงของมนุษย์ มันไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำแล้วได้เลยมันจะมีอุปสรรคมากมาย แต่ตรงนี้คนนั้นก็จะมีพลังจากเทวดาต่างๆคอยช่วยเหลืออยู่เช่นกัน
ชั้นที่ 2 ศึกษาธรรมะ (พลังจากชั้นจาตุมวดี)
ชั้นนี้มีแผ่นป้ายตัวอักษร ติดตลอดแนว ไว้ว่าให้อ่านหนังสือ โดยจะมีคำสอน ทั้ง 37 ของพระพุทธเจ้า ติดอยู่ ให้เดินอ่านศึกษา (หากมองไปตามช่องต่างๆ เราจะเห็นพระพุทธรูปปรากฎอยู่ทุกช่อง)
มีคนในทิพย์เดินตามอธิบายให้ฟังเป็นหมู่คณะ แต่ที่ชัดคือพราหมณ์
คณะผู้สร้าง : พลังของชั้นนี้คือชั้นจาตุม เป็นชั้นของการเรียนรู้ เริ่มต้นศึกษา การเริ่มเรียนรู้ในพุทธศาสนา
ให้สังเกตดูว่าเขากำหนดไว้ว่าแต่ละช่องที่มองไปเห็นพระพุทธรูป ที่จริงก็คือการเริ่มต้นของพุทธศาสนาคำสอนของพระพุทธองค์
และมองสิ่งที่เราจะทำเป็นช่องต่างๆไว้มีคำสอนของพระพุทธองค์ให้เราได้เรียนรู้ไปตลอดขณะเดียวกันจะทำเป็นระเบียง 2 ชั้นรอบนอก สำหรับนั่งสมาธิไปด้วย มีพระพุทธรูปอยู่เป็นตลอดแนว ที่นั่งสมาธิจะเป็นล้อมเป็นตลอดรอบสี่เหลี่ยม
ทีนี้ลองมองดู ในทิพย์เห็นเป็นผู้หญิงผู้ชายใส่ชุดขาวกัน บางคนก็เดินเดินดูเดินดูป้ายอักษรคำสอน บางคนก็นั่งสมาธิบางคนก็เดินสนทนากันตามช่องตามแนวต่างๆ แต่ทุกคนจะอยู่ในชุดขาวกันหมด เห็นเป็นพลังของชั้นจาตุม
ชั้น 3 ชั้นเดินจงกลม (พลังจากชั้นดาวดึงส์)
คณะผู้สร้าง : ชั้นนี้ตั้งใจว่าให้เป็นชั้นสำหรับเดินจงกลม
Jasmine: ใช่ๆ เมื่อวานก่อนที่มาชั้นนี้แหละทำให้หนูคิดว่าที่นี่มีพลังแฝงอยู่ พลังของการวางระบบ สัมผัสได้ว่าพอเดินจงกลม ทำตามป้ายที่บอกว่าเป็นชั้นของการเดินจงกรมทำให้สัมผัสได้ว่ามีพลังเข้ามาหาทั้งซ้ายทั้งขวาทั้งหน้าทั้งหลังแล้วก็เป็นพลังของชั้นดาวดึงส์
ลองสัมผัสดูว่าใครว่าเป็นคนส่ง เห็นเป็นเทวดาในชั้นดาวดึงส์ ลองมองไปจะอยู่ทุกๆฝั่ง ทุกด้านเราจะเห็นหน้าบัณฑ์ จึงมองไปถึงเห็นว่ามีดวงจิตเทวดาชั้นดาวดึงส์ส่งพลังเข้ามายังผู้ที่ฝึกเดินจงกลมตามช่องต่างๆ จึงสนใจศึกษา
คณะผู้สร้าง : จริงเหรอ จริงเหรอ
Jasmine: : ใช่ค่ะ
พราหมณ์: จริงๆแล้วตั้งใจทำให้มันเป็นระดับชั้นดาวดึงส์ แต่ก็ไม่สามารถที่จะมั่นใจชัดเจน เพราะตัวเค้าก็ยังฝึกมาได้ไม่ถึง แต่สมเด็จฯ (สมเด็จไหนไม่แน่ใจแต่สัมผัมได้ว่าเป็นพระสังฆราชยุคนั้น) ท่านก็บอกว่าเช่นนั้น
Jasmine: สังเกตดูว่าทุกจุดจะเห็นหน้าบรรณถูกไหม
คณะผู้สร้าง: นั่นแหละ ตั้งใจว่าให้พลังมาจากจุดนั้น เพราะสิ่งที่สำคัญของอาคารต่างๆมันจะเปิดก็คือตรงหน้าบรรณ เป็นการเปิดพลัง เราก็เลยให้พลังส่งเข้ามาหาผู้ที่จิตน้อมในการเดินจงกรม
และการที่ขึ้นมาในระดับชั้นดาวดึงส์พวกเราตั้งใจให้พลังการช่วยเหลือในระดับชั้นดาวดึงส์โดยให้สภาวะของหน้าบรรณต่างๆที่เป็นที่สถิตของเทวดาในระดับดาวดึงส์นี้ที่ส่งพลังเข้ามายังบุคคลมนุษย์ที่ทำการฝึกการเดินจงกลมในระดับนี้ในชั้นนี้ขอบใจมากที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจว่าเราทำได้ตรงจริงๆ
ชั้นที่ 4 ชั้นนั่งสมาธิ (พลังจากชั้นยามาวดี)
ชั้นนี้พอขึ้นบันไดวนมาถึง พราหมณ์ท่านอธิบายต่อว่า...
พรหหมณ์: พวกเราทำให้เป็นเสมือนพลังที่ต่อกันจากการคือชั้นที่ผ่านมาในชั้นดาวดึงส์จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินจงกรม ชั้นนี้จะเป็นพลังของชั้นยามา เป็นการฝึกฝน สวดมนต์นั่งสมาธิ
ซึ่งก็เหมาะกับระบบการฝึก กล่าวคือเมื่อเวลาที่เราฝึกเราจะใช้วิธีเดินจงกรมก่อนเพื่อเตรียมให้จิตสงบ จากนั้นเราถึงจะนั่งสมาธิเพื่อให้จิตเข้าสู่ความสงบที่แท้จริงจนเกิดพลังขึ้นในจิต เช่นเดียวกันในชั้นนี้
สังเกตนะว่าชั้นเดินจงกลมจะไม่มีองค์พระเลย แต่จะเป็นพลังจากรอบข้างที่เป็นสภาวะของในชั้นดาวดึงส์ที่เข้ามาช่วยเสริมในการเดินจงกรมจะไม่มีสภาวะขององค์ได้เราเห็น
แต่พอขึ้นมาชั้นนี้เราตั้งใจที่จะวางองค์พระตามจุดต่างๆ เพราะเป็นจุดของการนั่งสมาธิมันเป็นระบบของการฝึกจากการเดินจงกรมเสร็จเมื่อจิตเริ่มสงบก็จะเข้าสู่สมาธิ ชั้นนี้เราจึงตั้งไว้เป็นลักษณะนี้แล้วเราก็ตั้งเป็นสมมติไว้ว่าเป็นชั้นยามา
แล้วหนูรับสัมผัสอย่างนี้ได้ยังไง??
Jasmine: พอหนูขึ้นมา สิ่งที่ชัดเจนเลยในทิพย์ ส่วนมากเป็นผู้หญิง นั่งสมาธิกันแล้วหันหน้าเข้าหาพระแต่ละจุด
เป็นคนนั่งสมาธิอยู่ในชุดขาว ชุดขาของคนถือศีลเนกขัมมะเป็นแนวไปตลอดแล้วจิตก็นิ่ง บางคนก็เหมือนวางหนังสืออยู่ข้างๆ มองไปมันเป็นตัวอักขระโบราณ จิตมันรู้ว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องของการสวดมนต์ เป็นสมุดใบลาน
กำหนดจิตถามดูจึงรู้ว่าชั้นนี้เป็นชั้นยามา ซึ่งจริงๆมันตรงกับที่ท่านอธิบายออกมาจริงๆไม่ใช่ว่าหนูจะทำให้มันว่าเป็นชั้นๆเพราะเรียนรู้มาแต่หนูใช้วิธีสัมผัสจากพลังและสิ่งที่เห็นเป็นหลัก
ชั้น 5 เขียนว่าเป็นชั้นอารยะบุคคล (พลังระดับชั้นดุสิตกลุ่มนักปราชญ์)
ชั้นนี้ผู้สร้างอธิบายว่า: เมื่อฝึกฝนสำเร็จก็เข้าสู่อารยะบุคคลซึ่งทางสถาปัตยกรรมแน่นอนเราต้องการทำให้มันลำบากกว่าเดิม ทางเดินก็แคบลง ยิ่งขึ้นมันจะยิ่งลำบากมันต้องใช้วิริยะ ใช้ความเพียรในการฝึกฝนที่จะขึ้นมา
Jadmine: สังเกตุดู ชั้นนี้ถ้ามองในสภาวะมนุษย์ บางด้านหน้าบรรณจะเห็นชัดแต่ถ้ามองด้านข้างดูเหมือนหน้าบรรณจะถูกเบียด
พราหมณ์: คิดว่ามันจะตรงกับพลังชั้นไหน...
Jasmine: ราวกับว่าจะเป็นชั้นดุสิตแต่เป็นบุคคลระดับนักปราชญ์ที่สร้างมีส่วนให้เกิดการพัฒนาแก่มวลมนุษย์ บุคคลชั้นนี้จะใส่ชุดแบบที่แสดงสัญญาลักษณ์ของผลงานที่สร้างคุณงามความดี
 
พราหมณ์: ถูกต้องในสภาวะของการฝึกขึ้นต่อไปมันจะต้อง การฝึกที่อุกฤษไม่ใช่แค่นั่งสมาธิไม่ใช่แค่เดินจงกลมแต่มันจะหมายถึงสภาวะจิตที่จะต้องค่อยเปลี่ยนเปลี่ยนจากสภาวะจิตธรรมดาให้กลายเป็นอริยบุคคลมันจึงมีชั้นนี้ไว้เป็นที่รองรับในการฝึกฝนเราตั้งใจเช่นนั้นจริงๆนะ มิได้ง่ายๆสำหรับการฝึกเข้าสู่ธรรมะ
ขึ้นไปดูชั้น ที่ 6 ชั้นนี้เป็นจุดชมวิว และมีคำบรรยายเกี่ยวกับการนิพพาน (เป็นพลังจากระดับชั้นพระโพธิสัตว์ )
ชั้นนี้เราสัมผัสได้ว่าเป็นพลังถึงระดับชั้นดุสิต มีเทวดาระดับชั้นดุสิต ถือพานดอกไม้อยู่ 4ทิศ ถวายแต่พระธาตุ (ที่อยู่ยอดชั้น7)
มีผู้ที่แต่งตัวมีชฎามันเหมือนเข้าสู่สภาวะดุสิต หนูรู้สึกและสัมผัสได้แบบนี้นะคะ
พราหมณ์: ไม่สามารถที่จะทำได้ละเอียดแบบที่ทำให้เราสัมผัสได้
จึงตั้งใจจะให้เป็นสภาวะที่ การฝึกฝนเสร็จก็เข้าสู่อริยบุคคลแล้วก็เข้าสู่นิพพาน แต่ด้วยกำลังจิตเค้าไม่รู้ว่ามันจะได้ถึงระดับนั้นไหม
Jasmine : หนูสัมผัสได้ว่าในสภาวะชั้นอริยบุคคล (ชั้น5) มันเป็นจุดที่กำลังจะเข้าสู่ดุสิต เป็นพลังที่เหมือนกับพวกนักปราชญ์ ท่านอาจจะไม่ค่อยรู้จักบรรดานักปราชญ์ต่างๆ รวมไปถึงแนวพวกไอซ์ไตล์ด้วย
แต่ชั้นนี้ (ชั้น6)ก็จะรวมไปถึงพระโพธิสัตย์ด้วย ซึ่งก็ใกล้เคียงกับระดับพลังของผู้สร้างที่วางไว้นะคะ
พราหมณ์ : สาธุขอให้เป็นเช่นนั้น
ชั้น 7
ชั้นนี้ทางผู้สร้างได้เชิญพระธาตุมาจากศรีลังกา ท่านว่าเป็นของจริง เป็นชิ้นส่วนพระอุรังคธาตุ โดยหวังว่าจะให้พลังของพระธาตุนี้ครอบคลุมลงมาทั้งหมด
คณะผู้สร้าง: ขอให้เผยแผ่ ให้คนเข้ามาฝึกฝน จะได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ได้ใข้สถานที่เป็นที่ฝึกฝนกัน
สรุป
สถานที่นี้เป็นเหมือนแผนที่ในการฝึกฝน ให้มนุษย์ได้ฝึกจนเข้าสู่ระดับอริยะบุคคล
สภาวะตามแนวของบันไดวน ซึ่งมีปริศนาธรรมถึงการวนเวียน เวียนว่ายตายเกิด เป็นภพเป็นชาติ คล้ายขั้นบันไดที่ต้องขึ้นไป โดยมีพลังของแต่ละชั้นสวรรค์ เข้าเกื้อหนุน
และสภาวะการสร้างนอกจากจะเป็นบันไดวนที่ขึ้นลำบากเรื่อยๆ พื้นที่ก็ยิ่งแคบและสูงขึ้น คล้ายกว่าจะถึง อริยสงฆ์ต้องใช้ความ มานะ บากบั่น อดทน อย่างอุกฤษ์ ถือเป็นความฉลาดของผู้สร้าง
ขอบุญที่เกิดจากการเข้าศึกษานี้ จงถึงทุกๆ ดวงจิตที่เกี่ยวข้องตามวาสนาเถิด
โฆษณา