18 เม.ย. 2022 เวลา 11:28 • ไลฟ์สไตล์
สัปดาห์ที่ 18 : รถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อเราไปเที่ยวจนชีวิตเสพสุขสักระยะหนึ่ง แล้วเราต้องกลับมาทำงาน บางครั้งเราก็หนีไม่พ้นความรู้สึกเศร้าๆ ที่ทำให้ชีวิตต้องขมขื่น ความสนุกจบลงไปแล้วเหลือเพียงแต่ความทรงจำและการทำงาน สิ่งต่างๆที่เคยสดใสก็ถดถอย 555 เป็นความรู้สึกที่ยากเกินบรรยายเรียกว่า post vacation blue
ฉันกลับมาทำงานอย่างเนือยๆ ทั้งๆที่เพิ่งไปเที่ยวมา หลังไปเที่ยวไม่รู้ทำไมถึงไม่รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ก่อนหน้าที่จะไปเที่ยวยังรู้สึกอยากทำงานมากกว่านี้ เพื่อนฉันหลายๆคน ก็มีความรู้สึกนี้เช่นกันเวลาที่เพิ่งกลับมาจากไปเที่ยว เพื่อนคนหนึ่งแนะนำฉันว่าให้คิดถึงทริปถัดไปจะได้มีเรี่ยวแรงในการทำงานต่อไป ทริปถัดไปของฉันเป็นทริปที่ฉันไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ เนื่องจากไปสบายมาหลายทริป ทริปถัดไปเป็นทริปปีนเขาลอดถ้ำก็เลยไม่รู้ว่าจะสบายซักแค่ไหน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านยังมีเรื่องดึงความสนใจอยู่อีกเรื่องหนึ่ง คือการรีวิวรถที่จะนำมาใช้ในอนาคต จริงๆเรื่องนี้เริ่มจากพ่อฉันมาพูดเรียบๆเคียงๆ ว่าอยากมีรถใหม่ ฉันก็เลยนั่งรีวิวรถเล่นๆ ประกอบกับช่วงนี้รถแบบ EV กำลังมา รถไฟฟ้ากำลังจะเป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทาง เมื่อราคาน้ำมันแพงไม่หยุดแบบนี้ คนก็เลยสนใจรถไฟฟ้ายิ่งขึ้น ประกอบช่วงนี้มีงานมอเตอร์โชว์ ก็เลยยิ่งทำให้รถไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสที่น่าสนใจ
มีสองสามปีก่อนเวลาคนพูดถึงรถไฟฟ้า หลายคนมักส่ายหน้า คำถามหลากหลายอาทิเช่น จะวิ่งได้ไกลแค่ไหน? ไฟฟ้าหมดจะชาร์ตยังไง? เมืองไทยยังไม่พร้อม อีกหลายปีกว่าเมืองไทยจะพร้อมเรื่องรถไฟฟ้า แต่ขณะที่ฝั่งยุโรปกลับมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศทั้งประเทศมีแต่รถไฟฟ้าภายในปีเท่านั้นเท่านี้ เวลาที่ฉันฟังข่าวก็รู้สึกว่ายุโรปเขาคงพร้อมกว่าเรา ส่วนประเทศไทยคงจะเป็นอีกหลายปี หรืออาจจะเป็นสิบปี
กระแสรถไฟฟ้าจึงไม่ใช่กระแสหลักในบ้านเราเลย แต่กระแสรถไฟฟ้าก็มาแบบเงียบๆ แบบที่คนไม่สนใจอย่างฉันพอผ่านไปปีสองปี กระแสรถไฟฟ้าก็เริ่มบูมขึ้นมา โดยเฉพาะในช่วงน้ำมันแพงในยามนี้ แม้แต่งานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ยอดจองรถไฟฟ้าก็ยังเพิ่มขึ้นมาอีก 10 กว่าเปอร์เซ็นต์
ฉันเองก็เริ่มสนใจรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน โดยเฉพาะค่ายรถจากยุโรปและจีนซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีไฟฟ้าเป็นทางเลือก ขณะที่ค่ายรถญี่ปุ่นน่าจะเริ่มมีรถไฟฟ้ามาให้จับจองปลายปีนี้หรือปีหน้า
รถไฟฟ้าดีอย่างไร เมื่อพิจารณาการรถของตัวฉันเอง ที่ขับรถในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ระยะการเดินทางไม่ไกลนัก ร่วมกับเวลาจะขับไปกลับกรุงเทพก็ระยะประมาณไม่เกิน 300 กม. รถไฟฟ้าจึงค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับตัวฉันเอง อีกทั้งฉันยังมีบ้านซึ่งสามารถติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าในบ้านได้ ก็ยิ่งตอบโจทย์ ปั้มชาร์จก็เริ่มมีเยอะขึ้นในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเขตเมือง แค่จังหวัดกาญจนบุรีบ้านฉันก็เริ่มมีจุดชาร์จไฟเยอะขึ้นเมื่อดูจากแผนที่
นอกจากนี้รถไฟฟ้ายังกินค่าไฟตก กม.ละ 1 บาท หรืออาจจะถูกกว่านั้น ส่วนเรื่องการบำรุงรักษาก็มีคนกล่าวว่าดูแลง่ายกว่าเครื่องยนต์สันดาป แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่สำหรับฉันซึ่งตอนนี้จิตใจโอนเอียงไปในรถไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ทุกอย่างไม่ว่าข้อดีข้อเสียก็ค่อยๆเอาไปปรับใช้เรียนรู้กันในอนาคต อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันชอบรถไฟฟ้า คือฉันชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ฉันจึงยิ่งสนใจเป็นพิเศษ
มีหลายคนให้ฉันรอ Gen 4, Gen 5 ของรถไฟฟ้าก่อน แต่ฉันคิดว่าเทคโนโลยีจะมีหลาย Gen ได้ ก็ต้องมีคนสนับสนุน เหมือนไอโฟนรุ่นแรกๆ ถ้าไม่มีคนสนับสนุนก็ย่อมไม่มีไอโฟนรุ่นอื่นๆตามมา เทคโนโลยีจึงต้องมีคนสนับสนุน เทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ จึงจะทำได้ดียิ่งๆขึ้น มีคนบอกให้ฉันรออีกห้าปี ฉันบอกว่าพอรอครบห้าปีก็จะมีเทคโนโลยีในอีกสิบปีข้างหน้าดีๆยิ่งๆขึ้นไปอีก เทคโนโลยีจึงต้องพัฒนาไปเรื่อยๆในอนาคต ไม่ว่าจะรอกี่ปีเราก็จะไม่มีวันไล่ตามทันเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเรื่อยๆได้
อุปมาเหมือนฉันซื้อไอโฟนรุ่นที่หนึ่ง แล้วมีคนบอกว่าไอโฟนห้าจะดีกว่าไอโฟนรุ่นที่หนึ่ง ฉันคิดว่าก็ใช่สิ! ไอโฟนห้ามันต้องดีกว่าไอโฟนรุ่นที่หนึ่งอยู่แล้ว แล้วไอโฟนสิบก็จะดีกว่าไอโฟนห้า ไอโฟนยี่สิบก็จะดีกว่าไอโฟนสิบ เทคโนโลยีต้องดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าจะรอให้เทคโนโลยีให้ดีที่สุด ฉันว่าก็เหมือนการรอที่ไม่มีวันจบสิ้น ฉันจึงต้องกลับมาคิดว่า สิ่งที่ฉันต้องการจำเป็นหรือไม่ ราคาเหมาะสมหรือไม่ แล้วมันจะมีประโยชน์ต่อฉันตามที่ฉันต้องการหรือไม่ ถ้าปัจจัยครบถ้วน ฉันก็จะตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเล
วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน ฉันจึงตัดสินใจไป Test drive รถไฟฟ้าที่ฉันเล็งเอาไว้ ฉันพาแม่ไปด้วย หลังจาก test ทั้งแม่และฉันก็ชอบมาก เราจึงตัดสินใจจองรถทันที ไม่ลังเล ฉันคิดว่าทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย ไม่มีสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเหมาะสมก็ควรตัดสินใจตามที่ตัวเองคิด การรอคอยบางครั้งมีประโยชน์ บางครั้งก็ทำให้เสียประโยชน์ เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า “ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม” แต่ก็ต้อง “ไม่ช้าเกินการ นานเกินคุณ” เพราะเดี๋ยวจะเข้าทำนอง “กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้” หรือ “พอก้าวขาก็ลาโรง” ไปเสียก่อน
สรุปสัปดาห์ที่ผ่านมาคือสัปดาห์หลังการท่องเที่ยวและเป็นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยเรื่องที่ฉันหมกหมุ่นคือเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ฉันชอบและฉันขอเชียร์รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับคนที่พร้อมและเหมาะสม ฉันคิดว่ามันคือศักราชใหม่แห่งท้องถนนในทศวรรษถัดไป มันยังไม่ดีที่สุด แต่มันจะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน เพราะวิถีแห่งพลังงานสะอาดและการคิดถึงสิ่งแวดล้อมได้เริ่มขึ้นแล้ว
ปูน2XL
17/4/65
(บันทึกช่วงวันที่ 28/3 -3/4)
เพลงน่าฟังประจำสัปดาห์ที่ 18 : เวลา โดย ป็อป ปองกูล
โฆษณา