18 เม.ย. 2022 เวลา 20:51 • ความคิดเห็น
เราลาออกจากงานมาได้เกือบปีด้วยอาการburn out พ่วงมากับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล
คำถามนี้ถูกลบ
ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะครับ เพราะตอนนี้ผมกับคุณอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเลยครับ เพราะฉะนั้น ผมเป็นหนึ่งคนที่มาคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณนะครับ
เมื่อเราทำทุกอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่...
ทุกครั้งที่ผมวิตกกังวลจนถึงขีดสุดผมจะคิดว่า "อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด" และลงมือทำต่อไปครับ
ทุกครั้งที่ผมเศร้าจนสุดคำบรรยาย ผมจะ "สวดมนต์(ทั้งน้ำตา บางครั้งก็ตัวสั่นด้วยครับ)" และมีชีวิตอยู่ต่อไปครับ
บางครั้งผมปลอบใจตัวเองด้วย "ความหวัง" แม้ว่าจะลมๆแล้งๆ แต่ก็ดีกว่า ไม่เหลืออะไรให้หวังเลยครับ
ส่วนตัวผมลาออกจากงานมาตั้งแต่สิ้นปี 2020 แล้วครับ
พอหางานใหม่ได้ก็โดนหัวหน้างานและพี่ๆเข้าใจผิด ผมเลยลาออกจากงาน ทั้งๆที่ทำได้แค่ 2 เดือน และผมคาดหวังกับงานใหม่นี้พอสมควรครับ
ส่วนเรื่องเงิน ผมเหลือแค่เงินผ่อนรถ ผ่อนหนี้สินเท่านั้นแล้วครับ
กลายเป็นแฟนผม ต้องมานั่งเลี้ยงข้าวผมในแต่ละวันครับ คนเป็นผู้ชายอย่างผมรู้สึกหดหู่มากครับ จากตอนที่พยายามสร้างตัวเพื่อดูแลคนที่เรารัก กลับกลายเป็นรบกวนเขาแทนแบบนี้
แม่ผมก็ถามบ่อยๆ เมื่อไรจะได้งานใหม่ (เพราะเดิมที่ผมช่วยจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ให้แม่) เวลาแกหยิบยืมเงินใครไม่ได้ก็จะมากดดันผมเรื่อยๆ
นี่แหละ ปัญหาของครอบครัวที่เคยร่ำรวยแต่ไม่วางแผนการเงินครับ
ที่ผมเล่าส่วนของผม(คร่าวๆ) ไม่ได้มีเจตนาให้รู้สึกเศร้ากว่าเดิมนะครับ แต่อยากให้ทราบว่า ผมเข้าใจความรู้สึกคุณจริงๆ เพราะโดนหนักเช่นกันครับ
สุดท้ายนี้ ผมคงย้ำเหมือนเดิมว่า อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิดครับ
มีชีวิตอยู่พร้อมกับความหวังต่อไป
และหันหน้าเข้าหาธรรมะครับ
ขอเป็นกำลังใจ ให้ผ่านเรื่องราวทุกอย่างไปได้ด้วยดีนะครับ
โฆษณา