19 เม.ย. 2022 เวลา 10:50 • ธุรกิจ
เรื่องราว “สีน้ำเงิน” และการต่อสู้ระหว่าง NIVEA กับ Unilever
สีประจำแบรนด์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ ถึงขนาดที่ต้องนำไปจดทะเบียนเพื่อป้องกันการถูกแบรนด์อื่นนำไปใช้
และหลาย ๆ ครั้ง ก็มีเรื่องราวข้อพิพาทระหว่างแบรนด์ในเรื่องการใช้สีที่คล้ายกัน..
1
และรู้หรือไม่ว่า แบรนด์ NIVEA ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่หลายคนคุ้นเคย
ก็เคยมีปัญหาการใช้ “สีน้ำเงิน” กับ Unilever จนถึงขั้นที่มีการฟ้องร้องต่อศาลกันมาแล้ว..
1
แบรนด์ NIVEA เริ่มจากการขายครีมบำรุงผิว ที่ถูกเปิดตัวและวางขายครั้งแรกในปี 1911 โดยเป็นแบรนด์ภายใต้บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมัน ที่ชื่อ Beiersdorf
ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของ NIVEA ได้ถูกจำหน่ายในรูปแบบ ตลับสีเหลืองอ่อนและตัวอักษรสีเขียว
แต่ตลับครีมสีเหลืองอ่อนนี้ ต้องถูกยกเลิกการผลิต เนื่องจากมียอดขายต่ำลง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสีของตลับที่ให้ความรู้สึกถึงความล้าสมัย
Juan Gregorio Clausen หัวหน้าฝ่ายโฆษณาของบริษัท Beiersdorf ในขณะนั้น จึงได้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการเปลี่ยนสีของตลับเป็นสีน้ำเงิน และใช้ตัวอักษรเป็นสีขาวแทน ซึ่งหมายถึงความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ผู้บริโภคต่างมองว่าสีน้ำเงิน ให้ความหมายในเชิงของคุณภาพ และความสามารถในการบำรุงผิวในระดับสูงอีกด้วย
3
และแบรนด์ NIVEA ก็ได้ใช้สีน้ำเงินเป็นสีประจำแบรนด์ นับตั้งแต่ปี 1925 มาจนถึงปัจจุบัน..
1
และในปี 2007 บริษัท Beiersdorf ก็ได้ทำการจดสิทธิบัตรกับสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งประเทศเยอรมนี เพื่อให้ตราโลโกสีน้ำเงินและตัวอักษรสีขาว ของแบรนด์ NIVEA เป็นเครื่องหมายทางการค้า และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย
1
แต่อีกฝ่ายที่จ้องอยู่อย่าง Unilever กลับไม่คิดเช่นนั้น..
เพราะในปี 2009 บริษัท Unilever ได้ยื่นฟ้องต่อสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งประเทศเยอรมนี หรือ DPMA ให้ยกเลิกการให้ความคุ้มครองสีน้ำเงิน ที่ NIVEA ยื่นจดสิทธิบัตรไปก่อนหน้า
เพราะ Unilever เองก็อยากใช้สีน้ำเงินนี้เหมือนกัน เพื่อจะนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทได้
ซึ่งต่อมาศาลสิทธิบัตรกลางของเยอรมนี (BPatG) ที่รับคำร้องต่อจากสำนักสิทธิบัตรฯ ได้กำหนดเกณฑ์ไว้ว่า
หากต้องการอ้างสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวกับสี แบรนด์ต้องได้รับการยอมรับมากกว่า 75% ของผลสำรวจจากกลุ่มเป้าหมายว่า สีนั้นหมายถึงแบรนด์อะไร
1
และจากผลสำรวจก็พบว่า สีน้ำเงินของแบรนด์ NIVEA ได้รับการยอมรับที่ 57.95% น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
1
ศาลสิทธิบัตรกลาง จึงตัดสินให้ยกเลิกการใช้สีน้ำเงินของ NIVEA เป็นเครื่องหมายการค้า ซึ่งหมายความว่า คำตัดสินของศาลในชั้นต้นนี้ Unilever ชนะ Beiersdorf
แน่นอนว่าบริษัท Beiersdorf เจ้าของ NIVEA ก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และได้ขอยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลยุติธรรมแห่งสหพันธรัฐ (BGH) เพื่อคัดค้านคําตัดสินของศาลสิทธิบัตรกลางในชั้นต้น ที่ได้สั่งให้ยกเลิกสีน้ำเงินเป็นเครื่องหมายทางการค้า
2
ซึ่งศาลยุติธรรมเห็นว่า หากกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคในเยอรมนี อย่างน้อย 50% รู้จักแบรนด์ NIVEA จากสีน้ำเงิน NIVEA จะสามารถขอจดสิทธิบัตรได้
จากนั้นได้มีการสำรวจใหม่เป็นครั้งที่ 2
และในครั้งนี้ สัญลักษณ์วงกลมสีน้ำเงินที่มีตัวอักษรสีขาวของ NIVEA ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากถึง 71%
จึงพิสูจน์ได้ว่าสีน้ำเงินของแบรนด์ NIVEA มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค
สุดท้ายแล้ว ศาลสิทธิบัตรกลางของเยอรมนี (BPatG) ก็ตัดสินให้คำสั่งยกเลิกการใช้สีน้ำเงินของ NIVEA เป็นเครื่องหมายการค้า ในตอนแรกนั้นถือเป็น “โมฆะ”
1
ซึ่งหมายความว่า “สีน้ำเงิน” ยังเป็นของแบรนด์ NIVEA ภายใต้บริษัท Beiersdorf ต่อไป
การต่อสู้กันเรื่องสีน้ำเงินในครั้งนี้ ใช้เวลามากถึง 10 ปี โดยสิ้นสุดคดีลงเมื่อปี 2019
และเป็นอีกกรณีศึกษาที่ทำให้เห็นว่า
เรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม อย่างเรื่อง “สี”
สำหรับหลายแบรนด์ มันเป็นเรื่องใหญ่ ต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้
และบางครั้ง อาจต้องลงทุนลงแรง
ในการรักษาตัวแทนแห่งเอกลักษณ์นี้ไว้ อีกด้วย..
โฆษณา