20 เม.ย. 2022 เวลา 08:10 • การศึกษา
พระเขมาเถรี เอตทัคคะในทางมีปัญญามาก
เมื่อพระนางบวชแล้วได้นามว่า “พระเขมาเถรี” เพราะอาศัยเหตุที่พระนางมีปัญญามาก บรรลุพระอรหัตผลทั้ง ๆ ที่อยู่ในเพศฆราวาส พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องเธอไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายในฝ่ายผู้มีปัญญา และทรงแต่งตั้งให้เป็น อัครสาวิกาฝ่ายขวา
Jasmineมองไปเห็นท่านกำลังเดินกลับจากการสอนศิษย์ เลยเข้าไปสนทนา
Jasmine: นมัสการ เจ้าค่ะ
พระเขมาเถรี: เชิญเถิด มาๆนั่งสนทนาทางนี้กัน ฉันรู้แล้วว่าหนูจะมาหาฉัน จากคำบอกขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
Jasmine : ค่ะ หนูเห็นเหมือนท่านเดินออกมาจากกลุ่มชน
พระเขมาเถรี: บุคคลเหล่านั้นคือศิษย์ของฉันที่องค์คถาคตมีดำริให่เราสั่งสอนพวกเค้า
Jasmine: ดูมีจำนวนเยอะเหมือนกัน น่ะค่ะ
พระเขมาเถรี: ถูกต้องแล้ว เมื่อก่อน ฉันเคยคิดว่า ในบ้านเมืองนั้นช่างมีผู้คนอยู่กันอย่างหนาแน่น แต่พอเมื่อเข้าสู่สภาพใหม่นี้ กับพบว่า มีดวงจิอยู่กันมากมายกว่าหลายเท่า และในท่ามกลางสถานที่ที่ผู้คนกายเนื้ออยู่ก็มีดวงจิตที่ไร้สังขารสถิตย์อยู่มากมายกว่านัก ลองมองให้ชัดเถิด
Jadmine ทำจิตนิ่งแล้วมองไป เอ่ จริงอย่างที่ท่านกล่าว มีทั้งผู้คนที่ทับซ้อน แต่ละยุคแต่ละสมัย ต่าง period กันเป็นชั้นๆ แม้ในยุคสมัยเดียวกันก็มีดวงจิตอยู่มากมาย ทั้งที่ตกค้างยังไม่ถึงเวลา ทั้งที่มาเมื่อบำเพ็ญบารมี หรือแม้เพื่อการชดใช้กรรมในรูปแบบต่างๆ
พระเขมาเถรี: เห็นแล้วใช่ไหม ถ้าเรามิได้ช่วยพวกเค้า ดวงจิตเหล่านี้ ก็ยังต้องอยู่อย่างมืดบอด อีกนาน และที่สำคัญ การสั่งสอนภิกษุณีใหม่ก็ถือว่าสำคัญ นั้นคืองานหลักของฉัน
Jasmine: หนูขอเรียนถามถึงสภาวะที่ท่านสามารถบรรลุระดับพระอรหันต์นั้น มันเป็นอย่างไร เหตุเพียงแค่ได้เห็นถึงสภาวะที่สังขารไม่เที่ยงเช่นนั้นหรือ
พระเขมาเถรี: ตรงนี้ในบันทึก หนูคงพอรู้ถึงพระเมตตาที่องค์คถาคตสั่งสอนฉันแล้วสิ
Jasmine: ใช่เจ้าค่ะ จากสื่อที่บันทึก กล่าวว่า ท่านนั้นชื่นชมและภูมิใจในความงดงามของร่างกาย และมิปราถนาจะเข้าเฝ้าองค์สมณะโคดม ด้วยตระหนักว่าสิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งที่ไม่เที่ยง มิควรยึดติด แต่ที่สุดท่านก็ต้องไปกราบด้วยกลแยบยลของพระเจ้าพิมพิสาร พระสวามี จนได้เห็นสภาวะที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าอธิษฐานด้วยฤทธิ์เพื่อสั่งสอน
พระเขมาเถรียิ้มน้อยๆ แล้วว่า
พระเขมาเถรี: ท่านทรงมีพระเมตตาจริงๆ ใช่ ณ เวลานั้น ฉันเป็นถึงพระราชธิดา และคิดทนงว่าตนนั้นสูงส่งด้วยศักดิ์ชาตกูล มีความงดงามเหนือหญิงใด และภูมิใจในความงามของตนเอง แต่พอได้มาเข้าเฝ้าพระคถาคต ท่านทรงเนรมิตหญิงที่งดงามราวนางอัปสร ถวายงานพัด ฉันถึงกับตลึงในความงาม ความสง่าของพวกนาง แล้วย้อนดูตัวเองนั้น หามิได้เพียงกระพี้ของนางเลย
เชื่อไหมขณะรู้สึกเหมือนผิดหวังกับตัวเอง ฉันเห็นนางๆ ผเู้เลอโฉมเหล่านั้นค่อยๆ แก่ ค่อยๆโทรม จากสาวดรุณมาเป็นวัยกลางคน เข้าสู่คนแก่เนื้อหนังเหี่ยวย่น และที่สุด ก็ล้มลงตายต่อหน้าต่อตาฉันแล้วค่อยๆ เป็นเพียงโครงกระดูก ทั้งที่ในมือยังถือพัดที่ถวายงานอยู่เลย
และ ณ เวลานั้น มันทำให้ฉันตระหนักได้เลยว่า แม้นางที่งดงามราวนางอัปสร ที่สุดยังอยู่ในสภาพนี้เลย แล้วฉันแหละ ผู้เทียบกับนางมิได้เลย จะไม่ยิ่งกว่าหรือเมื่อเข้าสู่วัยชราและถึงที่สุดของชีวิต มันแค่นี้เองหนอ นี่ไม่ใช่สิ่งถาวรที่ฉันควรหลงใหล เมื่อคิดได้เช่นนั้น มันรู้สึกถึง ทุกอย่างหยุดนิ่ง สักครู่ แล้วความสว่างก็เกิดขึ้นในมโนจิต ฉันเข้าใจชีวิตที่แท้จริงแล้วหนอ
Jasmine: หนูพอเข้าใจสภาวะที่เกิด เพราะหนูเคยเจอเช่นกัน
ขณะนั่งสมาธิอยู่ ปรากฎเห็นร่างกายตัวเองค่อยๆ เหี่ยวเนื้อหนังค่อยๆปริแล้วไหลลงหยดแหมะๆ มากองกับพื้น จนเหลือแต่โครงกระดูกขาวโพลนที่นั่งอยู่ แล้วสักครู่ โครงกระดูกเหล่านั้นก็ทรุดลงมากองกับพื้น แล้วค่อยๆ สลายกลายเป็นฝุ่น ปลิวไปกับสายลม ณ เวลานั้นหนูถามขึ้นว่า แล้วมันเหลืออะไรเหล่า ก็ปรากฎเป็นร่างใหม่ที่มีดวงจิตกลมๆสว่างอยู่ที่หน้าอก เสียงได้ยินคำว่าอสุภะ ตอนนั้นหนูไม่เข้าใจอะไรเท่าไร ผิดกับท่านที่สามารถเข้าใจจนแจ่มแจ้งเข้าสู่ธรรมชั้นสูงได้เลย
พระเขมาเถรี: ดังคำที่หนูกล่าว ที่จริงหนูเข้ามาสู่สภาวะของจิตอีกขั้นแล้ว แต่ด้วยสภาพชีวิตยังอยู่ในฆราวาสจึงยังต้องเกี่ยวข้องกับทางโลก จนสภาวะที่พบเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ นี่ไง จึงมีคำกล่าวตั้งแต่สมัยฉันว่า การเข้าสู่อรหันต์นั้นต้องเข้าสู่นิพพานเลย มิสามารถดำรงสภาวะเป็นฆราวาสได้ ถ้าไม่เข้าสู่สภาพการบวช
Jasmine: ถึงตรงนี้...หนูก็สงสัยเมื่อเข้าสู่อรหันต์ ทำไมต้องเข้านิพพานหรือไม่ก็ต้องบวช ไม่สามารถอยู่แบบฆราวาสได้หรือ
(ในเรื่องนี้ Jasmine เคยเรียนถามองค์สมณะโคดม ท่านเคยตรัสอธิบายว่า เจ้าจะทนอยู่กับพวกเค้าไม่ได้ ด้วยจิตของฆราวาสมีทั้งกิเลส มีทั้งการทำมาหากิน เพื่อเอาตัวรอด การถูกเอารัดเอาเปรียบ การถูกมองที่แตกแยก และแม้การทำงานในระบบฆราวาส ต้องมีการชิงไหวชิงพริบ เจ้าจะทนมิได้ จะหลายเป็นทำให้จิตเจ้านั้นเศร้าหมอง มิมีใจที่จะต่อยอดในทางธรรม)
Jasmine: หนูว่า ในเมื่อเรารู้เช่นนี้ก็น่าจะทำให้เข้าใจสภาพดวงจิตและปัญหาต่างๆของผู้คน และที่สุดก็สามารถแนะนำสั่งสอนพวกเค้าได้ มิใช่หรือ
พระเขมาเถรี: ใครจะเชื่อหนู ยิ่งเป็นหญิง ถ้ามิได้อยู่ในสภาวะบรรพชิต ยิ่งในสมัยของฉัน การเหยียดหยาม การไม่ให้เกียรติสตรี การกดขี่ข่มเหงเพศ เป็นเรื่องมีอยู่อย่างปกติ ถ้าหญิงนั้นมิได้ถือบวชอย่างชัดเจนย่อมเป็นที่ถูกครหา ดูหมิ่นดูแคลงจากชายและแม้แต่หญิงที่ยึดมั่นในความคิดเดิมๆ ก็ยังรังเกียจและติฉินนินทาเรา จริงไหม ฉันถือว่าฉันนั้นโชคดีที่ได้พระสวามีที่เข้าใจและใฝ่ในธรรมพร้อมสนับสนุนฉัน จึงมาได้ถึงตรงนี้
Jasmine: หนูพอเข้าใจค่ะ ถึงการเยียดเพศมีทุกยุคทุกสมัย แต่ครูหนูท่านก็คอยพร่ำสอนให้สามารถอยู่กับปัจจุบัน กับสถานะที่เราเป็นอยู่ให้ได้ โดยมิต้องถือบวช เพราะเราจะเข้าใจสภาสะที่แท้จริงได้มากขึ้น
พระเขมาเถรี: และนี่แหละที่ทำให้หนูยังเข้าสู่อรหันต์ไปสู่นิพพานได้
Jasmine: หนูพอเข้าใจค่ะ ทั้งที่เคยได้เข้าศึกษาแดนนิพพาน แล้ว จะวัดกันจริงก็เมื่อสิ้นกายเนื้อ และต่อยอดไปต่อจากนิพพาน ว่าจะทำได้ไหม
พระเขมาเถรี: ยังมีสภาวะที่เลยจากนิพพานอีกหรือ
Jasmine: ค่ะ ยังอีกกว้างไกลนักนิพพานเป็รเพียงประตูเปิดโลกทัศน์ทางทิพย์ แต่จะยังมิขอกล่าว ในเรื่องนี้อยากให้เมื่อถึงเวลาท่านก็จะทราบเอง ค่ะ
พระเขมาเถรี: นี่ฉันมองหนูผิดไปหรือป่าว หนอ
Jasmine: หนูว่าเรามาต่อถึงสภาวะตาทิพย์ หูทิพย์ และสภาวะที่เหนือจากธรรมชาติของท่านเถิด ค่ะ
พระเขมาเถรี: สิ่งเหล่านั้น ฉันตระหนักรู้และเกิดขึ้นจากการเฝ้าหมั่นฝึกฝน การเข้าใจในสภาพความไม่เที่ยงของธรรมชาติ เป็นเสมือนประตูเปิดทางให้เข้าถึง สภาวะดังกล่าว ทั้งตาทิพย์ หูทิพย์ การระลึกชาติ การอ่านจิตใจคนนั้น มันเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ในสภาพที่เข้าสู่บรรพชาแล้ว และสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเหมือนประตูให้เราเข้าใจทั้งทางโลกทางธรรมมากขึ้น แต่ถ้าเราหลงใหลมันว่าเป็นผู้วิเศษ ก็จะพาให้เราตกอยู่ในวังวน ที่สุดก็ยังอยู่ในดินแดนของกิเลสกลับมาเวีบนว่าย อยู่นั้นแหละ ฉันจึงยึดในทางการใช้ปัญญามากกว่า การใช้ฤทธิ์ ฤทธิ์เป็นเพียงแค่เครื่องมือเครื่องใช้ให้ชัดเจน รวดเร็ว ยิ่งขึ้นเท่านั้น
Jasmine: ค่ะ สิ่งนี้ครูหนูก็พร่ำสอนให้เอาความวิเศษนี้มาเป็นแค่เครื่องมือในการเดินหน้าและช่วยเหลือส่วนรวม
พระเขมาเถรี: หนูกล่าวถึงครูหนูบ่อย นึกอยากเจอท่านแล้วสิ
Jasmine: องค์สมณะโคดมท่านก็รู้จัก และเมื่อถึงเวลาท่านก็จะได้พบครูหนูเอง ค่ะ
พระเขมาเถรี: แต่อย่างไร ฉันรู้สึกประหลาดใจนักว่าหนูมีความสามารถมากถึงเพียงนี้ทั้งที่ยังเป็นฆราวาสและยังมีชีวิตอยู่
Jasmine: หนูเองก็ต้องขอบคุณท่านที่สละเวลาสนทนากับหนู
พระเขมาเถรี: ไม่เลยกลับเป็นสิ่งดีสำหรับฉัน ที่ทำให้ฉันได้กับมาทบทวนสิ่งที่ผ่านมา และเสมือนชี้ทางให้ฉันเดินต่อไป อีกด้วย
Jasmine: ในแนวทางไหนค่ะ
พระเขมาเถรี: ทางการศึกษาในบางสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันรู้แจ้งแล้ว แต่แท้จริงแล้ว ยังต้องศึกษาอีกไกลทีเดียว และหวังว่าเราคงได้สนทนาธรรมกันอีกและถ้าฉันมีวาสนาคงได้เจอกับครูผู้สอนสั่งหนู
Jasmine: ค่ะ หนูก็ต้องขอบพระคุณท่านเข่นกัน ถ้าเช่นนั้นหนูไม่รบกวนเวลาพักของท่านแล้ว
แล้วJasmineก็ลากลับ
***ปล.ขอบคุณภาพประกอบทุกภาพ
โฆษณา