21 เม.ย. 2022 เวลา 14:34 • ปรัชญา
"กฎแห่งการย้อนกลับ" เมื่อบวกเป็นลบ เมื่อลบเป็นบวก
เหนื่อยกันมั้ยครับกับ "การบอกตัวเองให้คิดบวกเข้าไว้"
เหนื่อยกันมั้ยกับ "การจินตนาการถึงภาพฝันแห่งความสุขความสำเร็จ"
เหนื่อยกันมั้ยกับ "การพยายามทุ่มเททุกอย่างเพื่อออกตามหาความหมายของชีวิต" ที่ยิ่งเราพยายามเท่าไหร่ก็ดูเหมือนมันจะยิ่งไกลออกไป
"ยิ่งเราตามหาบางสิ่ง ยิ่งเป็นการตอกย้ำความจริงที่ว่าเรากำลัง 'ขาด' สิ่งนั้นอยู่"
ยิ่งเราตามหาความรู้สึกดีมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกพอใจได้ยากและน้อยลงเท่านั้น
ยิ่งเราอยากรวยมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองจนและไร้ค่าแม้ว่าเราจะมีเงินพอกินพอใช้อยู่แล้วก็ตาม ยิ่งเราอยากสวยอยากหุ่นดีและเซ็กซี่มากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเห็นว่าตัวเองน่าเกลียดมากเท่านั้นแม้ว่าคนอื่นจะบอกว่าเราสวยหุ่นดีและเซ็กซี่มากแค่ไหน ยิ่งเราอยากฉลาดมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเห็นแก่ตัวและตื้นเขินมากขึ้นในขณะที่เรากำลังพยายามเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น และยิ่งเราต้องการความรักมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้นแม้ว่าเราจะมีคนดี ๆ ที่รักเราอยู่รอบกายมากมาย
#กฎแห่งการย้อนกลับ หรือ The Backward Law คือสิ่งที่อลัน วัตส์ นักปรัชาญานักคิดและนักเขียนชาวอังกฤษได้กล่าวไว้เพื่อใช้อธิบายเรื่องนี้ว่า
"การโหยหาความคิดเชิงบวกนั้น จริง ๆ แล้วเป็นความคิดเชิงลบ แต่ในทางกลับกัน การยอมรับความคิดเชิงลบของตัวเองกลับกลายเป็นความคิดเชิงบวก"
ความเหนื่อยล้าขณะออกกำลังกายทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว
ความปวดร้าวจากกล้ามเนื้อที่ฉีดขาดขณะเข้าฟิตเนสทำให้เรามีกล้ามเนื้อที่โตขึ้นความล้มเหลวจากการทำงานทำให้เราเข้าใจปัจจัยที่จำเป็นต่อความสำเร็จและอุปสรรคที่ส่งผลต่อความล้มเหลว ความเจ็บปวดจากการเผชิญหน้าเวลามีปัญหาหรือตอนทะเลาะกัน ทำให้เราเข้าใจกัน ไว้ใจกัน และเคารพซึ่งกันและกันมากขึ้น
และความกลัวจากความเครียดความกังวล (ที่พอเหมาะ) ช่วยให้เราเตรียมตัวอย่างดีมีความกล้าและความอุตสาหะมากขึ้น ฯลฯ
"ทุกสิ่งที่มีค่าในชีวิตเราล้วนเป็นผลมาจากการเอาชนะความคิดเชิงลบทั้งหลาย"
การพยายามหลีกหนี เหยียบ หรือกดทับความคิดเชิงลบเหล่านั้นเอาไว้
รังแต่จะทำให้เกิดแต่ผลเสียตามมา
"ยิ่งเราพยายามจะหลีกเลี่ยงความคิดเชิงลบเท่าไหร่ มันจะยิ่งลงลึกและยาวนานมากขึ้นเท่านั้น"
การหลีกหนีความทุกข์คือความทุกข์รูปแบบหนึ่ง การหลบหลีกความลำบากคือความลำบากอย่างหนึ่ง การปฏิเสธความล้มเหลวคือความล้มเหลวด้วยเช่นกัน และการหลบซ่อนความละอายก็คือความน่าละอายใจอย่างหนึ่ง ฯลฯ
การหลีกหนีความคิดเชิงลบ นั้นเป็นความคิดและการกระทำที่แสดงออกว่า
"เรากำลังแคร์ความคิดเชิงลบมากจนเกินไป"
ในทางกลับกันถ้าเราสนใจมันน้อยลง เลิกแคร์มันไปได้ หรือช่างแม่งมันไปเลย แล้วหันไปสนใจหรือแคร์ในสิ่งที่สำคัญกับชีวิตเรา มีค่าและมีความมหมายกับชีวิตเรามากกว่า ความคิดเชิงลบเหล่านี้ก็จะทำอะไรเราไม่ได้
เพราะฉะนั้น "อย่าพยายาม"
อย่าพยายามในโลกทุนนิยมที่พร้ำบอกให้คุณมีมากขึ้นและมากขึ้นไปอีก
อย่าพยายามในโลกที่เชิดชูความสำเร็จปลายทางแต่ไม่เคยสนใจความลำบากมากมายที่ผ่านมา อย่าพยายามในโลกที่คนธรรมดาไม่ได้รับการให้ค่าเท่าคนพิเศษหรือโด่งดัง และอย่าพยายามในโลกที่การแสดงออกความรู้สึกเชิงลบเป็นสิ่งผิด ฯ
สิ่งที่เราทำได้และควรทำมากกว่าการตามหาความคิดเชิงบวกและการหลีกเลี่ยงความคิดเชิงลบคือ "การยอมรับมัน" อย่างที่มันเป็น
ถ้ามันแย่ก็คือแย่ ถ้ามันดีก็คือดี ซื่อสัตย์กับตัวเองและอย่าพยายามไปมากกว่านั้น
"เพราะเราจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตเลย ถ้าเรายังมัวพยายามตามหาความหมายของชีวิตอยู่" -อัลแบร์ กามู
ขอบคุณที่พยายามอ่านจนจบ.
"Just take a baby step." 👶🏻 By #มนุดปอ #manudpor
#productivity #psychology #จิตวิทยา #พัฒนาตนเอง #selfdevelopment #selfgrowth #book #ToxicPositivity | 045/2022 (มนุดปอ Ep.85)
👨🏻‍🏫อ้างอิงและศึกษาเพิ่มเติม
📙หนังสือ
- The Subtle art of not giving a fuck! ศิลปะแห่งการช่างแม่ง | Mark Manson
📃บทความ
- "ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าจะแคร์ทุกสิ่งอย่าง ช่างแม่ง! ไปบ้างจะเป็นไง" | มนุดปอ Ep.83
- รู้สึกไม่ดีที่รู้กสึกไม่ดี "วังวนอุบาทว์" อาการ Toxic | มนุดปอ Ep.84
โฆษณา