21 เม.ย. 2022 เวลา 03:13 • ไลฟ์สไตล์
"จิ๊ปดอร์จขนาดใหญ่หลายคันเคลื่อนผ่านประตูเหล็กมหึมา
ที่เปิดกว้างออกหมดทั้งไวล์ดไลฟ์เข้ามาอย่างแช่มช้า เรียงกันมาเป็นขบวน"
บางครั้งก็รู้สึกว่าเพิ่งผ่านตากับประโยคนี้ราวกับว่าผ่านไปเมื่อวันวาน
บางครั้งก็รู้สึกว่าทิวาวาลที่ได้อ่านประโยคนี้ช่างนานแสนนาน
และบางครั้งก็รู้สึกใจหายขึ้นมาดื้อๆ
เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่างที่ก็กล่าวไม่ถูกเช่นกัน
นั่นเป็นปฐมบทของจอมพรานรพินทร์ ไพรวัลย์
"เพชรพระอุมา" จากปลายปากกาของคุณปู่ "พนมเทียน"
ราชันย์นักเขียนที่ผมเป็นแฟนคลับของท่าน
และอีกนัยหนึ่งก็เหมือนเป็นศิษย์เช่นกัน
ด้วยว่าได้ศึกษาสรรพความรู้มากมายจากงานเขียนของท่าน
และก็นับถือท่านประดุจครูคนหนึ่งเฉกเช่นเดียวกัน
ผมใช้วันเวลาไปกับงานเขียนของท่านมากที่สุดก็ตอนอยู่มหาวิทยาลัย
ถือเป็นช่วงเวลาหันเหชีวิตมากพอสมควรในตอนนั้น
ผมไม่ทราบความรู้สึกตัวเองเลยว่า กังวลกับสิ่งใด
การดำเนินชีวิต หรือปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก
ประโยคนั้น...
เป็นข้อความแรกที่ผมได้เห็น เหมือนที่ทุกๆ ท่านก็ย่อมได้เห็น
ก่อนที่จะนำเข้าไปสู่การเดินทางบุกเทือกเขาพระศิวะในครั้งกระนั้น
เพชรพระอุมา
เป็นดั่งประทีปที่ทำให้การใช้ชีวิตของผมในช่วงที่จิตใจคลอนแคลน
ได้ตั้งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างน้อยผมก็รู้ว่าผมควรจะอ่านการเดินทางครั้งนี้จนจบ
ผมมองเห็นปลายทางชัดเจน
ขณะเดียวกันผมก็เพิ่งเข้าใจว่าผมพลาดรายละเอียดรายทางเสมอมา
ชีวิตคนเราปกติเกิดมาย่อมมีทุกข์เป็นเรื่องปกติ
ความสุขที่ฉาบฉวยจึงเป็นของไม่จีรัง
แต่ความสุขที่ได้มาด้วยความยากลำบาก
เป็นความสุขที่คุ้มค่า และเป็นความสุขที่แท้จริงเสมอ
ในทุกๆ วันที่เราฟันฝ่าไปในทิศทางต่างๆ
ขอเพียงความสุขเล็กน้อย ก็แช่มชื่นพอที่จะทำให้เราไปต่อ
ผมจึงใช้เพขรพระอุมาหล่อเลี้ยงความชุ่มชื่นในดวงใจเสมอมา
การเดินทางของคณะคุณชายเชษฐา
เป็นการเดินทางที่ยาวไกลมากในความรู้สึกของผม
เพราะผมค่อยๆ อ่านไล่เรียงมาทีละน้อย
บางครั้งรู้สึกว่าอ่านเร็วไปเพราะความอยากรู้
ก็เป็นอันได้ย้อนกลับมาอ่านใหม่ค่อยๆ ไล่เรียงไปอีกครั้งทุกที
ทำให้ระหว่างทาง ทุกๆ วินาทีมีความหมาย
ทุกๆ รายละเอียดมีบรรยากาศของยุคสมัยนั้นฝังอยู่
เป็นความรู้สึกดีลึกๆ สุขสงบที่โหยหามาตลอด
เพชรพระอุมา
ทำให้ผมเห็นท้องฟ้ากว้าง ณ วันเวลานั้น
เวลาที่ผมเฝ้าฝันเพ้อเจ้อมาตลอดในยามเด็ก
สถานที่ๆ แปลกแยกไปกับโลกที่เราอาศัยอยู่
ดินแดนสนธยาที่ไม่ค่อยมีใครค้นพบ
ในความรู้สึกของผมบางครั้งก็เป็นดินแดนที่ปรากฎขึ้นมายามฝนตกหนัก
บ้างก็เป็นสถานที่ๆ มองลอดผ่านช่องไม้ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
แล้วพลันไปเห็นสถานที่ๆ ไม่เคยปรากฏในภูมิศาสตร์โลก ปรากฏขึ้นมา
เพราะเป็นเวลาที่มีค่า ลึกลับ พอที่จะควรค่า
แก่มนุษย์ผู้ที่จะย่างกรายเข้าไป
มันเหมือนการดึงตัวเองออกจากสภาวะที่ว้าวุ่น
นั่งเงียบมองและอ่านเรื่องของคณะเดินเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง
ที่แน่วแน่ที่จะตามน้องชายหายไปกับคณะของคุณชายเชษฐาครั้งนั้น
โดยการนำของจอมพรานรพินทร์ ไพรวัลย์
จากความลึกลับของแผนที่มังมหานรธา
ความรู้เรื่องของป่า ปืน และตัวละคร
ค่อยๆ ไล่เรียงความรู้และแนวคิดเข้าไปในหัวของผม
ทัศนะ การปฏิบัติต่อกันและกัน การตัดสินใจในสถาการณ์ต่างๆ
ตัวละครที่ประทับใจแบบจับจิตอย่างแงซาย
ไปจนคุณหญิง นายทหารไชยยันต์
พวกพรานพื้นเมือง
จนค่อยๆ เข้าไปยังนรกดำ
มีแหม่มมาเรียไปด้วย คะหยิ่น ส่างปา
คณะเดินทางร่วมทางกันเป็นชีวิตเดียวกัน
จอมพรานรพินทร์ คุณหญิงดาริน
คุณชายใหญ่เชษฐา นายทหารไชยยันต์ แหม่มมาเรีย
กะเหรี่ยงโฉมงามแงซาย คะหยิ่นนักเลงโตแห่งหล่มช้าง
ลุงคำ น้าจัน พรานเกิด พรานเส่ย ส่างปา
ลึกเข้าไปจนพบเจอสิ่งแปลกประหลาดมากมาย
ซึ่งเป็นนวนิยายที่เปิดโลกทัศน์ได้มากมายสำหรับผม
และทำให้วันๆ หนึ่ง มีเรื่องดีๆ ของการได้อ่านเพชรพระอุมา
เป็นส่วนดีๆ ของชีวิต
เป็นส่วนดีๆ ที่ผมขอบพระคุณคุณปู่พนมเทียนเสมอมา
ผมได้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างผ่านตัวละครที่ท่านสร้าง
รู้อะไรอีกหลายด้านที่ท่านได้อธิบายลงไป
และได้สัมผัสแม้กระทั่งความรู้สึกดีๆ ของยุคสมัยนั้น
ในแต่ละช่วงของการเดินทาง
แทรกอยู่ในช่วงเวลาของผมเสมอ
จนวันหนึ่งคณะเดินทางก็ไปถึงมรกตนคร
จนได้พบคุณชายอนุชา วราฤทธิ์ กับลุงอิน
คุณชายอนุชาหรือพรานชดที่เขียนกลอน
ณ ที่ใด ดวงใจไม่ไหวหวั่น... นั่นแหละครับ
หลากหลายความรู้สึก
หลายหลายช่วงเวลาที่ไม่อาจบรรยายหมด
เป็นเวลาที่เลอค่า ที่เนิ่นนานเหลือเกิน
จนบัดนี้ผมยังคงรู้สึกได้ว่า
ได้พบคุณปู่พนมเทียนท่านทุกครั้งที่อ่านเพชรพระอุมา
แดนสนธยาที่ปรากฏบนภูมิศาสตร์โลกแห่งนั้น
ยังเป็นที่พักพิงใจให้ผมได้เสมอมา
#เพชรพระอุมา #พนมเทียน
เครดิตภาพจากหนังสือที่ระลึกในพิธีพระราชทานเพลิงศพ
นาย ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ "พนมเทียน"
ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2540
"พนมเทียน" ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2540
โฆษณา