22 เม.ย. 2022 เวลา 01:36 • ข่าว
ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ Omicron ต่ำกว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนมากถึง 16-64 เท่า
5
หลังจากที่โลกเรารู้จักไวรัส Omicron และพบว่ามีอาการรุนแรงน้อยกว่าไวรัสเดลต้า 5-10 เท่า
จึงทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่อยากฉีดวัคซีนและพร้อมที่จะเสี่ยงติดเชื้อตามธรรมชาติ
1
เพราะคิดว่าถึงแม้จะติดเชื้อ แต่มีอาการรุนแรงน้อย และยังจะได้ภูมิคุ้มกันที่จะป้องกันการติดเชื้อครั้งต่อไปได้ดีนั้น
1
นอกจากการที่ไม่ควรติดเชื้อตามธรรมชาติ เพราะจะมีทั้งเรื่องอาการลองโควิด (Long Covid) และยังมีจำนวนผู้เสียชีวิต ได้มากพอสมควรแล้ว
4
เหตุผลอีกประการหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อ Omicron นอกจากจะอยู่ไม่นานอย่างที่เคยคาดหวังกันแล้ว
1
ยังมีระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำอย่างน่าตกใจ ป้องกันไวรัสสายพันธุ์ต่างๆไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้ไม่ดี สู้ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนไม่ได้
5
โดยภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อตามธรรมชาติของไวรัส Omicron (ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยมีสายพันธุ์ย่อยหลักคือสายพันธุ์ย่อยที่สอง : BA.2) นั้น
2
ตัวเลขงานศึกษาวิจัยจาก Medical University of Vienna ของออสเตรีย พบว่าภูมิคุ้มกัน (NAb) ที่เกิดหลังติดเชื้อไวรัส BA.2 เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีน 3 เข็ม
1
ป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสดั้งเดิม
ได้น้อยกว่าถึง 64 เท่า
ป้องกันไวรัส Delta
ได้น้อยกว่า 32 เท่า
ป้องกันไวรัส Omicron สายพันธุ์ย่อยที่ 1 (BA.1)
ได้น้อยกว่า 16 เท่า
นอกจากนั้นยังได้มีการศึกษาเปรียบเทียบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วเกิดการติดเชื้อไวรัส Omicron ขึ้นมา จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อในระดับที่สูงกว่าการฉีดวัคซีน 3 เข็มเล็กน้อย และสูงกว่าการติดเชื้อโควิดโดยที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหลายสิบเท่าตัว
3
จึงสรุปได้ว่า
1
การฉีดวัคซีนมีผลดีอย่างมาก ในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อในอนาคต โดยมีประสิทธิผล(ระดับภูมิคุ้มกัน) ดีกว่าปล่อยให้ติดเชื้อตามธรรมชาติตั้งแต่ 16-64 เท่า และผู้ที่ติด Omicron หายดีแล้ว ยังมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนโควิด เพื่อกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันสูงมากพอ
1
Reference
โฆษณา