สงครามยูเครนยืดเยื้อใครได้ใครเสีย? ทำไมผู้นำ NATO อยากให้รบกันจัง?
หากติดตามข้อมูลจากสื่อต่างๆ ในขณะนี้ จะเห็นได้ว่าสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นในยูเครนนั้น คงไม่ได้จบง่ายๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นท่าทีของประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครน หรือท่าที ของประเทศในเครือสภาพยุโรป ที่เป็นสมาชิกนาโต้ ก็ยังมีแนวโน้มหนุนหลังยูเครน อย่างชัดเจน
เมื่อวานนี้ คือ 21 เมษายน 2565 ประธานาธิบดี เซเลนสกี้แห่งยูเครน ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ ต่างประเทศว่า ขณะนี้ประเทศของเขาต้องการอาวุธหนัก เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันตนเอง จากการรุกรานของรัสเซีย แล้วเพื่อความอยู่รอดของชาวยูเครน โดยเขาได้เรียกร้องไปยังชาติตะวันตก นอกจากให้ส่งอาวุธเพิ่มแล้วยังให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่างๆต่อรัสเซียอีก
ปธด.เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน
เขาได้พูดต่อที่ประชุม สภาของโปรตุเกส ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปคือ
"ใน 57 วันของสงครามที่ผ่านมา มีเมืองต่างๆที่ถูก รุกรานและยึดครองรวมถึงทำลาย ไปถึงกว่าพันแห่ง ประชาชนนับล้านต้องละทิ้งบ้านเรือน ซึ่งมันเปรียบเสมือน กับการที่คนโปรตุเกส แทบจะทั้งประเทศโดนบังคับให้ต้องละทิ้งบ้านเรือน"
ใน 57 วันของสงครามที่ผ่านมา มีเมืองต่างๆที่ถูก รุกรานและยึดครองรวมถึงทำลาย ไปถึงกว่าพันแห่ง ประชาชนนับล้านต้องละทิ้งบ้านเรือน ซึ่งมันเปรียบเสมือน กับการที่คนโปรตุเกส แทบจะทั้งประเทศโดนบังคับให้ต้องละทิ้งบ้านเรือน
ปธด.เซเลนสกี้ แห่งยูเครน
เขายังได้พูดถึงเรื่องการโจมตีอย่างหนักของทหารรัสเซีย ต่อเมืองท่า มารีอูโปล ทางใต้ของยูเครน (ซึ่งทางการรัสเซียอ้างว่าเป็นที่ ตั้งของกองกำลังติดอาวุธพิเศษของยูเครน)
นอกจากนั้นแล้วเขายังได้พูดขอความเห็นใจ โดยกล่าวว่า
"เราสู้ไม่ใช่เพื่อการเป็นอิสระ แต่สู้เพื่อความอยู่รอด สำหรับประชาชนของเราที่จะไม่ถูกฆ่า"
เขายังอ้างว่ารัสเซียนั้นได้ ลักพาตัวคนของยูเครนไปถึง 5 แสนคน ซึ่งถูกนำไปคุมตัวอยู่ ในพื้นที่ค่ายทหารของรัสเซีย
(คำถามที่น่าคิด คือ รัสเซียต้องมีค่ายทหารใหญ่แค่ไหนถึงจะสามารถกักตัวคน ถึง 5 แสนคนได้? แล้วจะเอาอาหารการกินที่ไหนมาเลี้ยงคน ที่ถูกจับเป็นตัวประกันเหล่านี้?)
ซึ่งจากแนวทางการเคลื่อนไหว ของประธานาธิบดียูเครน นั้น ก็เพื่อ สร้างอารมณ์ร่วมให้กับประชาชน รวมถึงรัฐบาล ในสหภาพยุโรป
ซึ่งเป้าหมายหลักๆก็คือการ ขอเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ (ซึ่งเป็นตเนเหตุความขัดแย้ง) ขอความสนับสนุน ด้านการเงินและอาวุธหนัก จากชาติตะวันตก
และก็ได้ผลเสียด้วย เมื่อประธานสภาของสหภาพยุโรป ออกมาประกาศเมื่อวันพุธว่า EU จะหาทาง ตอบโต้กับการรุกรานของรัสเซียเพิ่มมากขึ้นอีก
หันกลับมามองที่ฝั่งรัสเซีย ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ออกมาเปิดเผยว่ารัฐบาลรัสเซียนั้น มีสิทธิ์ถือว่าสหรัฐและนาโต้ ซึ่งขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ เข้ามาในดินแดนยูเครน ถือเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่จะได้รับการตอบโต้
หรือพูดง่ายๆภาษาชาวบ้านว่า "ถ้าเอ็งขนอาวุธเข้ามาให้ยูเครน ถึงบ้าน ถ้าข้ารู้ข้าจะจัดการอย่างแน่นอน"
การที่รัสเซียออกมาประกาศในลักษณะแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า รัสเซียเองก็พอรู้ว่ามี หลายชาติที่แอบส่งกำลังบำรุง ให้กับ ยูเครนถึงที่ แอบเอาไปส่งให้ถึงในบ้านแถมสอนวิธีการใช้ให้ด้วย และจากนี้จะถูกกำหนดเป็นเป้าหมายในการโจมตีจากรัสเซียด้วยเช่นกัน
ลองนึกภาพว่า ถ้าหากทหารรัสเซีย โจมตี ขบวนรถ หรือเครื่องบิน ที่ทำหน้าที่ขนส่งอาวุธ ไปให้กับทหารอยู่เครน และปรากฏว่ามี ทหารของชาติอื่นในนาโต้ ที่เสียชีวิตเพิ่มจากเหตุการณ์การโจมตีในประเทศยูเครน มันจะเกิดอะไรขึ้น?
หันกลับไปมองที่เยอรมัน ประเทศผู้นำของสหภาพยุโรป ล่าสุด นาง Christine Lambrecht รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเยอรมัน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ทางเยอรมันนั้นไม่สามารถที่จะส่งอาวุธหนัก ให้กับยูเครนโดยตรงได้ อย่างไรก็ตาม มันมีวิธีการ แลกเปลี่ยน อาวุธยุทโธปกรณ์ภายในสหภาพยุโรปและสมาชิกนาโต้ อยู่แล้ว
มาแปลอีกที เธอกำลังบอกว่า มันมีโครงการที่สหภาพยุโรปและเยอรมันสามารถแลกเปลี่ยนอาวุธกันภายในได้ ถึงแม้เยอรมันจะไม่สามารถส่งอาวุธโดยตรงให้กับ ยูเครน แต่สามารถส่งอาวุธหนัก เข้าสู่โครงการ แลกเปลี่ยนอาวุธให้กับประเทศอื่น และให้ประเทศอื่นส่งให้ยูเครนอีกที นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ซึ่งอาวุธหนักที่ว่านั้นก็ได้แก่ รถถัง รถที่ติดจรวด หรือ ขีปนาวุธ รวมถึงระบบต่อสู้อากาศยาน ซึ่งปัจจุบันทางนาโต้ยังไม่ได้ส่ง เข้าไปให้กับ ยูเครน มากมายนัก
รถถังที่ผลิตในเยอรมัน
เมื่อสื่อถามว่า แล้วถ้าหากจะส่งอาวุธหนักไปให้กับยูเครนในลักษณะที่กล่าวมานั้นจะใช้กรอบเวลามากน้อยแค่ไหน นาง Lambrecht ก็บอกว่า มันสามารถเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน อาวุธก็สามารถไปถึงมือยูเครนได้!!!
คำตอบในลักษณะแบบนี้ผมว่าคงไม่ถูกหู ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของ รัสเซีย แน่ๆ ซึ่งก็เป็นที่มาของการที่กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียออกมาประกาศว่าหากใครเป็นผู้ส่งอาวุธหนัก เข้าไปให้ ยูเครนถึงบ้าน ก็ถือเป็นศัตรูของรัสเซีย ด้วย
แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ อ่านมาถึงตรงนี้ยังไม่สนุกพอ เพราะล่าสุด นายกรัฐมนตรี Olaf Scholz ของเยอรมนี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้อาวุธ ของรัฐบาลเยอรมันเองนั้น ก็เริ่มจะขาดแคลน ที่จะบริจาคให้กับยูเครนแล้ว แต่ ทางยูเครน สามารถซื้ออาวุธโดยตรงจากบริษัทอาวุธของเยอรมันได้ และการสั่งซื้อ สามารถเกิดขึ้นได้ทันที
Olaf Scholz ผู้นำเยอรมัน
ซึ่งก็ไปตรงกับการให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครน ก่อนหน้านี้ว่าอยากได้ของหนัก ตอนแรกแกคงคิดว่าได้ฟรี แต่สุดท้ายเยอรมันบอก ถ้าต้องการก็ซื้อเอาสิครับ เรายินดีขายผ่านคนอื่นให้ก็ได้ ซึ่งก็ไม่รู้จะ ดีใจหรือเสียใจดีสำหรับท่านประธานาธิบดีของยูเครน
ก็อย่างที่เราทราบกันแล้วนะครับว่าของฟรีไม่มีในโลก กระสุนทุกนัด จรวดทุกลูก ที่ยิงกันนั้นมีค่าใช้จ่าย และสุดท้ายต้องมีคนจ่าย ไม่มีใครให้กันฟรีๆ ยิ่งรบกันนานคุณก็เป็นหนี้มาก คนขายอาวุธได้ก็ขายได้เยอะ (ก็รู้อยู่ว่าใครจะรวยบ้าง ขายอาวุธ พร้อมจัดหาเงินกู้ให้ด้วย)
สุดท้ายหลังจาก รู้แพ้รู้ชนะกันทางการรบ ซึ่งไม่รู้จะจบเมื่อใด แต่ไม่ว่าใครจะชนะ ยูเครนก็จะพ่ายแพ้ทางเศรษฐกิจต่อเลย และจะถูกธนาคารโลก หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เข้ามาควบคุมการบริหารงานภายในประเทศ ในฐานะเจ้าหนี้ กิจการของประเทศคุณจำนวนมากต้องถูกแปรสภาพ หรือขายใช้หนี้ในราคาถูกๆให้เจ้าหนี้ในที่สุดนั่นเอง
ไม่ว่าใครจะชนะ ยูเครนก็จะพ่ายแพ้ทางเศรษฐกิจต่อเลย และจะถูกธนาคารโลก หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เข้ามาควบคุมการบริหารงานภายในประเทศ ในฐานะเจ้าหนี้ กิจการของประเทศคุณจำนวนมากต้องถูกแปรสภาพ หรือขายใช้หนี้ในราคาถูกๆให้เจ้าหนี้ในที่สุดนั่นเอง
ดร.เอกรินทร์ วาสนาส่ง
งานนี้ ถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ สหรัฐจะยังคงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ต่อไป เพราะทำให้เศรษฐกิจในยุโรปทั้งหมด ชะลอตัว ทำให้เศรษฐกิจในยูเครนล่มสลายเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้ ประเทศรัสเซียที่กำลังลืมตาอ้าปากได้ มีเงินสำรองระหว่างประเทศมากกว่าสหรัฐอเมริกาตั้งเยอะแยะ กลับต้องถูกโจมตีทางเศรษฐกิจอย่างยับเยินจากการคว่ำบาตรรอบด้าน ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะฟื้นตัว และถ้ารัสเซียแพ้ อาจต้องจ่ายค่าอาวุธคืนให้สหรัฐและชาติตะวันตกด้วยไหม อันนี้ก็น่าคิด?
ในทางกลับกัน หากล้มรัสเซียไม่ได้ ความขัดแย้งยืดเยื้อ ยาวนานเหมือน ประเทศซีเรีย สุดท้ายคนที่จะตายก่อนคือสหภาพยุโรป เพราะต้นทุนในการดำรงชีวิต ทั้งพลังงานและอาหารนั้น มีราคาพุ่งสูงขึ้น อย่างมากมาย แถม ยังต้องเอาเงินที่มีอยู่จำกัดนั้น ไปจ่ายให้สหรัฐอเมริกา ในการซื้อพลังงาน ที่ต้องส่งใส่เรือข้ามฝั่งมหาสมุทรมา เพื่อลดการพึ่งพารัสเซีย ทั้งๆที่มีท่อเชื่อมอยู่แท้ๆ ตามแนวทางของ ผู้นำนาโต้ และจะเกิดขั้วเศรษฐกิจใหม่ อย่างที่เราทราบกัน คือ จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล และจะพยายามลดการพึ่งพาดอลล่าสหรัฐลง โดยได้รับความร่วมมือจากซาอุดิอาระเบีย ที่ตอนนี้หันมาขายน้ำมัน ในเงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ
แล้วท่านคิดว่ามูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นไปอย่างไรในอนาคต? โลกจะเปลี่ยน World Order ตามที่หลายๆคนพูดไหม? หรือมันจะกลายเป็น No Order คือซัดกันเละ จนเป็น World War 3 ฝากคิดกันดูเล่นๆนะครับ
ดร.เอกรินทร์ วาสนาส่ง
21 เม.ย. 2565
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
