25 เม.ย. 2022 เวลา 06:30 • คริปโทเคอร์เรนซี
อีเธอเรียม เครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้ศูนย์กลางของโลก
เมื่อบิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 2009 โลกก็รับรู้ว่า แม้กระทั่งเงินตราที่เราเชื่ออย่างฝังหัวว่าต้องมีคนกลางอย่างธนาคารกลาง มาหนุนหลัง ก็สามารถกำจัดคนกลางออกไป และสร้างเงินตราไร้ศูนย์กลางอย่างบิตคอยน์ ขึ้นมาได้ ตั้งแต่นั้นมา เหล่านักพัฒนาระบบก็เริ่มมองหาว่า จะสามารถสร้างระบบอะไรอีกที่ไม่ต้องมีศูนย์กลาง ไม่ต้องมีคนกลางมาเก็บค่าหัวคิว มาควบคุมกิจกรรมของคนบนโลก
พอถึงปลายปี 2013 ต่อต้นปี 2014 เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ชื่อ ไวทาลิก บูเทอริน (Vitalik Buterin) ชาวแคนาดาเชื้อสายรัสเซีย ได้นำเสนอแนวคิดผ่านทาง Whitepaper ที่เขาตั้งชื่อว่า “Ethereum : A Next-Generation Smart Contract and Decentralized Application Platform” อีเธอเรียม : แพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะและแอปพลิเคชั่นไร้ศูนย์กลางแห่งยุคถัดไป นั่นคือจุดพลิกผันที่นำโลกของคริปโต ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
อีเธอเรียม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้ศูนย์กลางของโลก เป็นแพลตฟอร์มที่เราสามารถเขียนโปรแกรมให้ทำงานผ่านเครือข่ายบล็อกเชนอย่างไร้ศูนย์กลาง ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถสร้างโปรแกรมที่ไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้แม้แต่คนที่เขียนมันขึ้นมา โปรแกรมนี้จะเชื่อฟังเฉพาะโค้ดที่เขียนเอาไว้ และทำงานผ่านเครือข่ายบล็อกเชนของอีเธอเรียม ซึ่งก็เป็นการทำงานร่วมกันของคอมพิวเตอร์จากทั่วโลกหลายหมื่นหลายแสนเครื่อง จนทำให้เกิดหลักการที่เรียกว่า
ไวทาลิก บูเทอริน บนปกนิตยสาร Time
“Code is Law” โค้ดคือกฎหมาย
ด้วยแพลตฟอร์มที่อีเธอเรียมสร้างขึ้นมา เราสามารถใช้ภาษา Solidity ของอีเธอเรียม เขียนโค้ดขึ้นมาเป็น Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) รันบนบล็อกเชนอีเธอเรียม สามารถทำรายการต่าง ๆ ได้หลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนกลางเพื่อทำรายการให้
Smart Contract นี้เองได้ทำให้เกิดนวัตกรรมที่เราเรียกว่า Dapps (แด็ปส์) แอปพลิเคชั่นคอมพิวเตอร์แบบไร้ศูนย์กลาง (Decentralized Application) และต่อยอดไปสร้างประโยชน์ได้อย่างมากมาย อาทิเช่น สร้าง Utility Token, ระดมทุน ICO โดยใส่เงื่อนไขต่าง ๆ ไว้บน smart contract, การฝากและกู้ยืมเงิน ที่เรียกว่า DeFi (Decentralized Finance), NFT (Non-Fungible Tokens) ที่กำลังนิยมในช่วงนี้ ฯลฯ
เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกมาร่วมทำงานบนแพลตฟอร์มอีเธอเรียม ทางไวทาลิก จึงสร้างเงินตราบนบล็อกเชนอีเธอเรียมขึ้นมา เรียกว่า อีเธอร์ (Ether) การทำรายการใด ๆ ของ Smart Contract บนบล็อกเชนอีเธอเรียมนั้น จะต้องจ่ายค่าทำรายการ ที่เรียกว่า Gas ซึ่งเป็นการอุปมาว่า การทำรายการคือการขับรถ รถจะวิ่งได้ ก็ต้องใช้น้ำมัน (Gasoline) เรียกสั้น ๆ ว่า ค่าแก๊ส นั่นเอง
ตอนเปิดตัวครั้งแรกเมื่อสิงหาคม 2014 อีเธอร์ มีราคาอยู่ที่ 0.31 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 10 บาท และเมื่อแพลตฟอร์ม Ethereum ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ราคาของอีเธอร์ ก็เพิ่มขึ้นทวีคูณตามไปด้วย จนในขณะนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 2,900 ดอลลาร์ (ราว ๆ 97,000 บาท) มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ราว ๆ 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเงินคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากบิตคอยน์เท่านั้น
ปัจจุบัน ไวทาลิก บูเทอริน ผู้ก่อตั้งอีเธอเรียม มีอายุ 28 ปี คาดกันว่าเขามีความมั่งคั่งสุทธิไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดเขาเพิ่งได้ขึ้นปกนิตยสาร ไทม์ (Time Magazine) และได้รับสมญานามว่า เจ้าชายแห่งโลกคริปโต (The Prince of Crypto)
#crypto #FundamentalCrypto #Ethereum #VitalikButerin
โฆษณา