25 เม.ย. 2022 เวลา 05:30 • กีฬา
[ บอลไทยชัดเจน by #บุญคำ : ชนาธิป...ดีวัน-ดีคืน!! ]
การทำได้ 1 แอสซิสต์ กับอีก 1 ประตู ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ถือเป็นพัฒนาการที่ดีเยี่ยมของเขาภายใต้สีเสื้อ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่
นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2022 เป็นต้นมา (ไม่นับรวม ซูเปอร์ คัพ กับ อูราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส) เพลย์เมเกอร์ทีมชาติไทย มีส่วนร่วมกับ ฟรอนตาเล่ ไปถึง 9 จาก 14 นัด ซึ่งทุกเกมที่ลงสนาม เขาออกสตาร์ทในฐานะตัวจริงทั้งหมด
5 แมตช์ ที่ ชนาธิป ไม่ได้อยู่ในทีม มี 1 นัด ที่เขาติดโทษพักแข้ง ส่วนอีก 4 เกม นั้นคือ เจลีก 2 และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2
หากมองถึงจำนวนนาทีในการลงสนาม ผมว่าการได้ลงเป็นตัวจริงถึง 9 เกม นี่ถือว่าน่าพอใจมากเลยนะครับ เพราะถ้าใครที่ติดตามฟุตบอลญี่ปุ่น จะรู้ว่า ฟรอนตาเล่ นี่คือทีมที่โดดเด่นในเรื่อง 'ระบบ'
ชนาธิป ได้รับความไว้วางใจจาก โทรุ โอนิกิ กุนซือของทีม ให้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง ตั้งแต่นัดแรกของ เจลีก 2022 ไปจนถึงเกมที่ 6 ของฤดูกาล ก่อนจะหายหน้าจากทีม เพราะติดโทษแบน
แม้ว่าจะถูกเปลี่ยนตัวออกทุกนัด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากัปตันทีมชาติไทย ชุดแชมป์ ซูซูกิ คัพ 2020 เล่นไม่ดี หากแต่ตัวโค้ชรู้ดีว่า 'ระบบ' ของ ฟรอนตาเล่ นั้นใช้ 'พลัง' เยอะมาก
นักเตะทุกคนต้องเคลื่อนที่กันตลอด 90 นาที ซึ่งมันแตกต่างกับตอนที่ ชนาธิป อยู่กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ที่คอยเป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุก ดังนั้นเรื่องเกมรับจึงไม่ต้องพะวงนัก
จะสังเกตุได้นะครับว่ามิดฟิลด์ชาวนครปฐม มักจะถูกเปลี่ยนตัวออกหลังผ่าน 60 นาที ไปแล้ว ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่า โอนิกิ รู้ดีว่าสภาพร่างกายของลูกทีมคนใหม่นั้นอยู่ในระดับใด
แต่ถูกถอดออกทุกเกม ทว่าก็กลับมาเป็นตัวจริงได้เสมอเช่นกัน
ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมมั่นใจว่ากุนซือ ฟรอนตาเล่ กำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเรื่องของแท็กติกสู่ ชนาธิป ทีละน้อย
ว่าแล้ว 2 เกม ใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เลยให้ลงเต็ม 90 นาที ซะเลย
ผลงานถือเป็นไปในทิศบวก เมื่อทำไป 2 ประตู กับมีอีก 1 แอสซิสต์
ขออนุญาตไม่เขียนถึงเกมถล่ม กว่างโจว เอฟซี 8-0 แล้วกันนะครับ เพราะเกมนั้นวัดอะไรแทบไม่ได้ นอกเสียจากเป็นเกมเพิ่มความมั่นใจให้มิดฟิลด์ชาวไทย เท่านั้น เพราะทีมจากจีน นั้นเอาเยาวชนมาเล่น ผลการแข่งขันเลยเละเทะแบบนั้น
ทว่ากับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม นี่ถือว่าวัดความก้าวหน้าของ ชนาธิป ได้ระดับหนึ่งเลยล่ะ
แม้ว่ามาตรฐานของแชมป์ลีกมาเลเซีย อาจไม่เทียบเท่าสโมสรใน เจลีก แต่การที่พวกเขาได้เล่นในบ้าน แถมกองเชียร์ก็มาให้กำลังใจกันล้นหลาม บวกกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน
ประมาทไม่ได้เลยเชียว
ขนาดนัดแรกที่พบกัน ฟรอนตาเล่ ยังไม่อาจเอาชนะ ยะโฮร์ ได้เลยนะครับ
เกมนี้ก็เช่นกัน รูปเกมของเจ้าถิ่นไม่ได้เสียเปรียบสักเท่าไหร่หรอก เปอร์เซ็นต์การครองบอลค่อนข้างใกล้เคียงมาก
ยะโฮร์ 47 เปอร์เซ็นต์
ฟรอนตาเล่ 53 เปอร์เซ็นต์
โอกาสยิงก็ไม่ต่างกันมาก
ยะโฮร์ 6 ครั้ง
ฟรอนตาเล่ 9 ครั้ง
ทว่าในเวทีระดับทวีป 'ความเฉียบขาด' คือข้อแตกต่างของสโมสรที่จะก้าวไปประสบความสำเร็จ กับทีมระดับกลาง
จุดนี้ ฟรอนตาเล่ พิสูจน์ให้เห็นว่า 'คุณภาพ' ในพื้นที่สุดท้ายของพวกเขานั้นเหนือกว่าหลายๆ ทีม
ชนาธิป เองก็เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่มีหน้าที่สร้างสรรค์โอกาสและอาจจะเป็นคนจบสกอร์เอง
เกมนี้เขาค่อนข้างเด่นทีเดียว โดยเฉพาะในครึ่งหลัง คงเป็นเพราะเริ่มมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ผลพลอยได้คือการผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมตามมา
อีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งอาจจะดูเล็กน้อยนะครับ แต่ผมเชื่อว่ามันอาจจะทำให้ ชนาธิป ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ก็เพราะการที่มี ยู โคบายาชิ ศูนย์หน้าวัย 34 ปี เป็นเหมือน 'พี่ชาย' ที่คอยฟูมฟักน้องคนเล็ก
ประตูที่ ชนาธิป ยิง ยะโฮร์ จริงๆ แล้ว โคบายาชิ ก็ซัดเองได้นะครับ แต่พี่แกเลือกที่จะจ่ายให้กองกลางทีมชาติไทย
เผอิญว่า ชนาธิป จับบอลไม่อยู่ แอสซิสต์นี้จึงไม่ใช่ของ โคบายาชิ
แต่ไอ้ตอนบอลลอยไปอยู่ก้นตาข่ายนี่สิ - โคบายาชิ ดูจะดีใจกว่า ชนาธิป อีกนะครับ
ภาษากายที่ออกมาในลักษณะนี้ มันบ่งบอกได้ชัดเจนว่า โคบายาชิ เองก็พยายาม 'ปั้น' ชนาธิป แบบเต็มเหนี่ยว
ภาพที่เห็นในสนามซ้อมว่า 2 คนนี้มักจะหยอกเย้าอย่างยิ้มแย้มจึงยืนยันได้ถึงมิตรภาพที่ดี
การมีผู้เล่นระดับ ซีเนียร์ อย่าง โคบายาชิ คอยประคองนั้นทำให้ผมอุ่นใจมากๆ และเชื่อว่าผลงานและพัฒนาการด้านฝีเท้าของ ชนาธิป จะรุดไปข้างหน้า
โคบายาชิ คือ 'ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล' ของ ฟรอนตาเล่น นะครับ หมอนี่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2010 นับถึงปัจจุบันก็ปีที่ 12 เข้าไปแล้ว
กวาดแชมป์ เจลีก 4 สมัย ได้รางวัล 'ผู้เล่นยอดเยี่ยม' ประจำฤดูกาล 2017 โดยที่ซีซั่นนั้นตนเองก็ควบรางวัลดาวซัลโวเช่นกัน
ดังนั้นเรื่อง 'บารมี' ภายในทีมไม่ต้องสืบ โคบายาชิ ได้รับการยอมรับอย่างสูงทั้งในสโมสรและรวมไปถึงทั่วญี่ปุ่น
ชนาธิป มี โคบายาชิ คอยสนับสนุนแบบนี้ อุ่นใจได้เลยครับว่าอนาคตสดใสแน่นอน อยู่ที่ว่าตัวเขาจะ 'ปลดล็อก' ตนเองสู่อีกระดับได้เมื่อใดเท่านั้นเอง
อ่อ...ขออีกนิดครับ หากว่านัดหน้าที่ ฟรอนตาเล่ จะพบกับศึกใหญ่อย่าง อุลซาน ฮุนได
ไม่ต้องแปลกใจนะครับถ้า ชนาธิป หายหน้าไป เพราะการแข่งในวันพุธที่ 27 เมษายน เท่ากับว่าได้พักแค่ 2 วันเท่านั้น
อย่างที่ผมเขียนไปข้างต้นว่า โอนิกิ รู้คู่มือที่จะใช้ ชนาธิป เป็นอย่างดี เขาคงจะให้กองกลางทีมชาติไทย ได้พักเพื่อฟื้นฟูร่างกายเต็มที่ หรืออาจจะมีอยู่บนม้านั่งสำรองเพื่อเป็นตัวทีเด็ด
แต่ถ้าเกิดออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเลย อันนี้นี่บิ๊กเซอร์ไพรส์เลยล่ะครับ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา