25 เม.ย. 2022 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุป 2 นาที ตลาดหุ้นทำงานยังไง ?
ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มลงทุนในหุ้นตัวแรก การศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับหุ้นเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งการเข้าใจวิธีประเมินมูลค่าหุ้น วิธีซื้อ-ขายหุ้น รวมไปถึงศัพท์เทคนิคต่าง ๆ ที่ต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุนในหุ้น
แต่นอกจากเรื่องที่บอกไปแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือการเข้าใจภาพรวมการทำงานของตลาดหุ้น วันนี้เลยอยากชวนมือใหม่ทุกคนมาเข้าใจหลักการทำงานของตลาดหุ้นไปด้วยกันครับ
🔸 หุ้นคืออะไร
หุ้น หรือ ตราสารทุน เป็นหลักทรัพย์ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในบริษัท ซึ่งความเป็นเจ้าของในที่นี้จะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของหุ้นที่เรามี
การลงทุนในหุ้นจะให้ผลตอบแทนเราใน 2 รูปแบบหลัก คือ
⭐ 1. ส่วนต่างราคา (Capital Gain)
ผลตอบแทนส่วนนี้จะเป็นกำไร/ขาดทุน ที่เกิดจากส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขาย
⭐ 2. ส่วนแบ่งกำไร หรือ ปันผล (Dividend)
ผลตอบแทนส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทว่าจะจ่ายหรือไม่ ถ้าจ่ายก็จะต้องดูต่ออีก ว่าจะจ่ายเป็นรูปแบบไหน เป็นเงินปันผลหรือหุ้นปันผล
นอกจากนี้การลงทุนในหุ้น เราจะมีฐานะเป็น ‘เจ้าของ’ ไม่เหมือนการลงทุนในตราสารหนี้ ที่เราจะมีฐานะเป็น ‘เจ้าหนี้’ ซึ่งความต่าง คือ หากบริษัทที่เราลงทุนอยู่เกิดล้มละลาย คนที่เป็นเจ้าหนี้จะมีสิทธิได้รับเงินคืน ก่อนคนที่เป็นเจ้าของ
1
🔸 ทำไมบริษัทถึงต้องนำหุ้นของตัวเองออกขาย
สมมุติง่าย ๆ ว่าเรามีธุรกิจร้านโดนัทที่กำลังไปได้ดี และมีแผนที่จะขยายสาขาอีก 200 แห่งภายในปีนี้ ปัญหาคือ การขยายสาขาต้องตามมาด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมายทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าที่ ค่าก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งทุกอย่างเหล่านี้จะทำได้ ต้องมีเงินทุนทั้งนั้น
1
การนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เลยเป็นหนึ่งในวิธีหาเงินทุนของบริษัทนั่นเอง แต่ก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ เพราะบริษัทก็ต้องยอมสละความเป็นเจ้าของบางส่วน ให้ผู้ถือหุ้นที่นำเงินมาลงทุนในบริษัทตนด้วยเหมือนกัน
1
🔸 เข้าใจตลาดหุ้นให้มากขึ้น
พอบริษัทตัดสินใจได้แล้วว่าจะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น บริษัทจะเริ่มออกเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้กับคนทั่วไป หรือที่เรียกว่า Initial Public Offering (IPO) ที่เป็นการซื้อ-ขายในตลาดแรก (Primary Market) ก่อน
1
แต่การซื้อ-ขายหุ้นไม่ได้มีแค่ตลาดเดียว ยังมีอีกตลาดที่เรียกว่า ตลาดรอง (Secondary Market) เป็นการซื้อ-ขายหุ้น ที่ผ่านการซื้อ-ขายในตลาดแรกมาแล้ว
หรือพูดได้ว่าตลาดรองเป็นการซื้อ-ขายหุ้นเพื่อเปลี่ยนมือกัน เช่น นำหุ้นที่ซื้อไว้ตอน IPO มาขายต่อ เป็นต้น โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เราซื้อ-ขายหุ้นอยู่ทุกวันนี้ ก็ถือว่าเป็นตลาดรองเหมือนกัน
🔸 ราคาหุ้นถูกกำหนดจากอะไร
ราคาหุ้นจะถูกกำหนดขึ้นจากอุปสงค์และอุปทานในขณะนั้น (อุปสงค์ คือ ความต้องการซื้อ, อุปทาน คือ ความต้องการขาย)
ต้องเข้าใจก่อนว่า ปกติแล้วในการซื้อ-ขายหุ้น ฝั่งผู้ซื้อก็ต้องอยากซื้อในราคาที่ต่ำ เพื่อให้ต้นทุนที่ได้ถูกที่สุด ตรงกันข้ามกับผู้ขายก็จะอยากขายในราคาที่สูง เพื่อให้ตัวเองได้ผลตอบแทนจากหุ้นตัวนั้นมากที่สุด
3
ซึ่งธุรกรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝั่ง ตกลงซื้อ-ขายกันที่ราคากลางได้ ดังนั้น ถ้าผู้ซื้อกำหนดราคาที่ถูกเกินไป คำสั่งซื้อนั้นก็จะไม่ถูกจับคู่ เช่นเดียวกันหากฝั่งผู้ขายกำหนดราคาขายไว้สูงเกินจนไม่มีใครยอมจ่าย คำสั่งขายนั้นก็จะไม่ถูกจับคู่เหมือนกัน
🔸 ราคาหุ้นขึ้น-ลง เกิดจากอะไร
ปกติก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อหุ้น 1 ตัว เราต้องวิเคราะห์บริษัทนั้น ๆ มาก่อนแล้วว่าเป็นธุรกิจที่ดี เราถึงจะเข้าไปลงทุน เช่น มองว่าธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตด้านผลการดำเนินงานดี มีความสามารถในการแข่งขัน หรือมีโอกาสเติบโต เป็นต้น
โดยถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดี และนักลงทุนประเมินแล้วว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ‘มากกว่า’ ราคาตลาดของหุ้นที่ซื้อ-ขายกันอยู่ในปัจจุบัน นักลงทุนก็จะตัดสินใจ ‘ซื้อ’ หุ้นตัวนั้น
เพราะถ้าเชื่อว่าในอนาคตราคาหุ้นน่าจะเพิ่มขึ้น นักลงทุนก็จะซื้อหุ้นตัวนี้เก็บไว้ เพื่อรอรับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา ส่วนคนที่มีหุ้นอยู่ก็จะไม่ขายและถือหุ้นตัวนั้นต่อเพื่อรอให้ราคาหุ้นสูงขึ้นอีก ซึ่งพอความต้องการซื้อ มากกว่าความต้องการขาย ราคาหุ้นในตลาดก็จะเพิ่มขึ้นในที่สุด
ตรงกันข้ามถ้านักลงทุนมองว่า ธุรกิจนี้ไม่น่าจะไปต่อได้ และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นก็ยัง ‘น้อยกว่า’ ราคาตลาดของหุ้นที่ซื้อ-ขายกันอยู่ในปัจจุบัน นักลงทุนก็จะตัดสินใจ ‘ขาย’ หุ้นตัวนั้นออกมา
เพราะถ้าเชื่อว่าในอนาคตราคาหุ้นน่าจะลดลง คนที่มีหุ้นอยู่แล้ว ก็จะตัดสินใจขายหุ้นที่มีออกมาก่อนที่ราคาจะลดลงไปกว่านี้ ส่วนคนที่ยังไม่มีก็ตัดสินใจไม่ซื้อหุ้นตัวนี้ ซึ่งพอความต้องการขาย มากกว่าความต้องการซื้อ ราคาหุ้นในตลาดก็จะลดลงในที่สุด
ทั้งหมดนี้เป็นหลักการทำงานเบื้องต้นของตลาดหุ้นที่เอามาฝากทุกคนในวันนี้ ครั้งหน้าถ้าอยากให้เราเล่าเรื่องการลงทุน ในหัวข้อไหนอีก คอมเมนต์มาบอกกันได้เลยนะครับ
1
"เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน"
พวกเรากลุ่มคนที่รักเรื่องราวของการเงินการลงทุนเป็นชีวิตจิตใจ จึงก่อตั้งเพจ Dime! (ไดม์!) ขึ้น
Dime! แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้จริง เหมือนกับเงิน 1 ไดม์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
หากทุกคนมีความรู้ทางการเงินที่แข็งแรง
สังคมของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
โฆษณา