26 เม.ย. 2022 เวลา 06:32 • การศึกษา
รักความลำบากสร้างมืออาชีพ
เมื่อพูดถึงความลำบาก หลายคนส่ายหน้า บางคนกลัว และไม่อยากที่จะต้องพบความลำบากเลย
เรามักเข้าใจว่าความลำบากทำให้หลายคนเจออุปสรรคชีวิต ไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ ทำให้เหนื่อยใจ เหนื่อยกาย และคิดลบไปต่างๆมากมายว่า อย่างไรก็แล้วแต่ ลำบากไม่มีอะไรดี
แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ความลำบากสอนบทเรียนสำคัญให้กับมนุษย์มาไม่น้อย และสร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่จนกลายเป็นผลงานประวัติศาสตร์ ความลำบากนี่แหละที่บ่มสร้างบุคคลคุณภาพระดับโลกมานับไม่ถ้วน
ความลำบากจากชีวิตด้วยอาการหูหนวก ท่ามกลางบ้านเมืองที่วุ่นวายของสงครามนโปเลียน เป็นตัวบ่มสร้างพลังให้ Beethoven แต่ง Symphony No.5 ซึ่งเป็นงานดนตรีที่สำคัญที่สุดแห่งยุค และได้รับการเผยแพร่มากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน
Stephen Hawking อัจฉริยะของวงการฟิสิกส์โลก ผู้ต่อยอดความคิดจากไอน์สไตน์ และเวอเนอร์ ไฮเซนเบิร์ค ถึงที่มาของจักรวาล สั่นสะเทือนวงการฟิสิกส์โลกโดยการศึกษาทฤษฎีเรื่องกลไกการแผ่รังสีของหลุมดำ และในระหว่างที่เขากำลังสร้างสิ่งใหม่ในวงการฟิสิกส์อยู่นั้น เขาได้พบกับมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่ออายุได้ 21 ปี ด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS ยิ่งไปกว่านั้นแพทย์ยังวินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่ความลำบากในการขยับร่างกายไม่ได้ กลับทำให้เขาเริ่มโครงการศึกษาต่อ และเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องจักรวาล พร้อมทั้งเขียนหนังสือเรื่อง The Brief History of Time ติดอันดับขายดีอยู่หลายร้อยสัปดาห์ และมีชีวิตอันทรงคุณค่าแก่สังคมถึงอายุ 76 ปี
หากไม่มีความลำบาก โลกเราจะไม่มีนวนิยายชื่อดัง Romeo and Juliet ไม่มี Golden Gate Bridge หรืองานประพันธ์ที่ทราบซึ้งกินใจ รวมถึงผลงานศิลปะระดับปรมาจารย์อย่าง Van Gogh และคงไม่มีเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนชีวิตเราเป็นแน่
เราทุกคนมักตกเป็นเหยื่อของความสบาย มองเปลือกนอกแล้วความสบายช่างน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก แต่ความสบายสร้างกับดัก ทำให้หยุดพัฒนา และติดกับการลิ้มรสเสพสุขแบบไม่จบไม่สิ้น จึงไม่สามารถต่อยอดงานการถึงระดับมืออาชีพได้
หากวันนี้ชีวิตเราเกิดมาลำบาก ยากแค้นแสนเข็ญ ขอให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน อย่ากลัวที่จะคอยหลบเลี่ยง
แน่นอนความสำเร็จแบบสบาย กับได้มาแบบลำบาก ความเข้มข้นของการใช้ชีวิตต่างกัน แต่พิจารณาดูแล้วผลสุดท้ายสิ่งตอบแทนที่ได้มาด้วยการต่อสู้ เรียนรู้ อดทน ศึกษา ย่อมมั่นคงถาวรกว่า
ในหน่วย Marine Corps หรือนาวิกโยธินของอเมริกา หากคนภายนอกมอง จะคิดว่าเด็กหนุ่มที่ถูกเกณฑ์มาฝึกทหารเหล่านี้น่าสงสารนัก ต้องมา ลำบากตรากตรำ และมักคิดไปว่าฝึกเด็กผู้ชายไปเป็นทหารเท่ากับฝึกให้เป็นคนบ้าเลือด ชอบความรุนแรง
หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหน่วยงานนี้ไม่มีหลักสูตรปลูกฝังให้ทหารชอบเข่นฆ่า หรืออาวุธแสดงความรุนแรงเลย มินำซ้ำยังสอนให้รักความลำบาก การต้องกินอาหารเย็นชืด อุปกรณ์รบไม่ทันสมัย แต่ละวันได้เห็นทหารที่เสียสละรับบาดเจ็บจากสงคราม จนปลงว่าชีวิตเกิดมาก็เพื่อสร้างคุณค่าความดี
ยามสงครามจะไปยึดติดกับอะไรเล่า ความสบายไม่มีค่าเลย เพราะชีวิตมนุษย์จริงๆแล้วก็ไม่ได้ต่างกับการอยู่ในสงคราม ต้องต่อสู้ ต่อดิ้นรน จึงต้องเรียนรู้ ทั้งเรื่องผู้คนรอบข้าง หน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว
หากทำงานโดยรักแต่ความสบาย ผลที่ออกมาย่อมต่างจากคนที่ทำงานแบบมืออาชีพโดยทุ่มเทชีวิต ความรู้ให้กับงานที่ทำ แม้มองผิวเผินแล้วมืออาชีพเหล่านี้ทำงานเพื่อเงิน ค่าตอบแทน แต่ผลสุดท้ายค่าตอบแทนนั้นมาจาก ความรักและทุ่มเทในความเป็นมืออาชีพให้กับงานที่ทำ และได้มาจากการเรียนรู้ความลำบากอย่างมีความสุขได้อย่างดีเยี่ยมของพวกเขา
ดังนั้นหากอยากอยู่อย่างมืออาชีพ อย่าปฎิเสธความลำบาก เพราะมันคือเพิ่อนแท้ที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ครูฮ้วง
โฆษณา