27 เม.ย. 2022 เวลา 02:05 • การศึกษา
Map of the Soul - Shadow : Our Hidden Self (Murray Stein)
ตอน หนึ่ง
ในโลกแห่งกายภาพ คำว่า “เงา” หมายถึงการที่แสงตกกระทบวัตถุจนเกิดเป็นภาพสะท้อนของเงา แต่ในความหมายทางจิตวิทยานั้น คำนี้มีความหมายที่ต่างออกไป หากคุณลักษณะหนึ่งทางบุคลิกภาพภายนอก หรือจะเรียกว่า หน้ากาก, ภาพลักษณ์ (Persona) คือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของคุณที่เปิดเผยต่อผู้อื่นที่อยู่รอบตัวคุณ เงาก็เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของคุณที่ปกปิดจากคนอื่นๆ และแม้กระทั่งจากตัวคุณเอง จะถือเป็นความเข้าใจผิด ถ้าหากคุณคิดว่า “เงา” นั้นหาได้มิมีอยู่จริงไม่ หากเพียงคิดว่าเป็นเพราะเป็นพื้นที่ทางจิตที่ไร้ซึ่งแสงสว่างแห่งความตื่นรู้ (Consciousness) แท้จริงแล้ว มันเป็นมากกว่านั้น เขาต่างมีอยู่ เป็นอยู่ และมีชีวิตไม่แตกต่างจากตัวตนด้านอื่นๆ
ในทางจิตวิทยา “เงา” เป็นคำที่หมายถึง แรงจูงใจ แรงขับ หรือ ทัศนคติที่ซ่อนเร้น แรงจูงใจในเงานั้นมีพลังงาน และเป้าหมายในตัวมันเอง ซึ่งมักจะแตกต่างจากแรงจูงใจที่ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้ายกับตัวบุคคลนั้นอย่างมาก และแรงจูงใจ แรงขับ ต่างๆ นั้นจะมาจากการถูกชี้นำโดยเจตคติของจิตไร้สำนึก (Uncoscious Attitudes) ตย. เช่น ด้านของความเห็นแก่ตัว หรือ ความอคติ
เงา มีความซับซ้อน เพราะไม่ได้มีอยู่แค่ด้านใดด้านหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด เงายังหมายรวมถึงกลุ่มแรงขับที่แฝงไปด้วยทัศนคติมากมาย โดยปกติสิ่งเหล่านี้เป็นแรงขับที่เราแต่ละคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นแลเห็น ดังนั้น เงาจึงเล็ดรอดไปได้จากการรับรู้ของเจ้าตัว เงาเป็นแรงขับ เป็นแรงจูงใจ ที่อยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ความอิจฉา ริษยา ความโลภ ความเห็นแก่ตัวที่เย็นชา
พวกเขาทำงานภายใต้การใช้คำสบประมาท ออกอุบายที่แยบยล คอยมองหาการบ่อนทำลายผู้อื่น เพื่อเรียกร้องความเหนือกว่าให้ตนเอง ซึ่งบ่อยครั้งที่คนเรามักซุกซ่อนเงาเหล่านั้นไว้อย่างสมบูรณ์ เพราะว่าหน้ากาก (persona) ที่ถูกแสงส่องมาต่อหน้าตนนั้น กำลังได้รับการเติมเต็มจากการถูกมองเห็นมอบความน่าพึ่งพอใจ มันจึงทำให้พวกเขาต้องปกปิดและอำพรางเงาไว้อย่างมิดชิดจนไม่สามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของเงาได้
ในบางครั้งพวกเขาถูกซ่อนไว้ในความธรรมดา เมื่อเงาที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากที่ปรากฎในที่แจ้ง (persona) มันจึงมีพลังที่ทำให้ผู้คนเสียจุดของการรับรู้ไปอย่างต่อหน้าต่อหน้าด้วย เป็นความมืดบอดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเอง
เราไม่ต้องการนำแรงขับ แรงจูงใจดังกล่าวออกมาสู่แสงสว่าง และไม่ต้องการให้ความสนใจไปที่สิ่งนั้น เพราะเมื่อสิ่งเหล่านั้นถูกเปิดเผย มันจะสร้างความอับอาย ความอัปยศซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเราเผชิญหน้ากับผู้อื่นด้วยการแสดงเงา (Shadow) หรือความปรารถนาของตนออกไป
“เงา” อยู่ที่ขอบริมของความรู้เนื้อรู้ตัว (สติสัมปะชัญญะ) หรืออาจจะพบเห็นเงาได้ที่นอกเหนือไปจากความรู้เนื้อรู้ตัว เช่นในดินแดนแห่งความฝันยามค่ำคืน และในสถานการณ์ต่างๆที่เราผ่านพบในช่วงวัน ซึ่งสามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้นหากมีการฝึกฝนการรับรู้ เพื่อคว้าจับ “เงา” ในการนำมาทำงานด้านในต่อ เราอาจต้องฝึกตัวเองให้มองไปที่ขอบริมของการรับรู้ของเรา และสังเกตความคิด แรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ของเรา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เกิดขึ้น เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเรามักมีความรังเกียจที่จะมองเห็นเงาในตนเอง
และนอกจากนั้น ขอบของจิตสำนึกรู้ (Consciousness) อาจจะย่างกรายไปสู่ความมืดมิดอย่างถล่ำลึกโดยมิรู้เนื้อรู้ตัว (Unconsciousness) และยิ่งเงาที่อยู่ในดินแดนแห่งความมืดมิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมองเห็นได้ยากมากขึ้นเท่านั้น มันเหมือนกับว่าเราพยายามมองวัตถุสีเข้มที่ตัดกับพื้นหลังสีเข้ม มันเกือบจะมองแทบไม่เห็น
การมองหรือรับรู้เงากลับเป็นสิ่งที่เรามักชอบทำกับคนอื่น สิ่งนี้เรียกว่า การพูดลับหลัง หรือการนินทา เมื่อเราชี้ไปที่ลักษณะนิสัยแย่ๆ ของคนอื่น และบอกคนอื่นว่าพวกเขาแย่แค่ไหน แสดงว่าเรากำลังมองเห็นเงา ซึ่งเราอาจจะเห็นว่ามีอะไรอยู่บ้าง หรือเราอาจเห็นเงาของเราที่ละเลย หรือสิ่งที่เราปฏิเสธในตัวเอง แต่เรากลับไปฉายโอนถ่ายไปยังคนอื่นอย่างมิทันรู้ตัว เช่น เมื่อเราพูดว่า “เขาช่างเป็นคนใจร้าย หรือ เห็นแก่ตัว” เราอาจกำลังคาดการณ์คุณลักษณะที่คล้ายกันในนิสัยของเราเองอยู่ และเป็นเรื่องปกติมากที่จะฉายถ่ายโอนภาพลักษณะเงา และแรงจูงใจออกไปอย่างไม่รู้ตัวให้คนอื่นเห็น
การมองเห็นเงาของผู้อื่นเป็นเรื่องยุ่งยาก และเราควรระมัดระวังกับหมากเกมนี้ เพราะเราอาจกำลังเปิดเผยแง่มุมต่างๆ ของเงาที่อยู่กับเรานั้นเอง
ผึ้ง ญาดา
รอตอนต่อไปนะคะ อีกสักพัก...
โฆษณา