29 เม.ย. 2022 เวลา 04:46 • การศึกษา
เรียนภาษายังไงให้สนุก ?
เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินกันมาบ้าง ว่าถ้าเราอยากพัฒนาภาษาสิ่งที่ดีที่สุดคือการได้เอาตัวเข้าไปในสิ่งแวดล้อมนั้นบ่อย ๆ แต่หลายคนก็คงจะรู้สึกว่าจะทำได้ยังไง เพราะอยู่เมืองไทย สิ่งที่พบเจอแต่ละวันก็มีแต่ภาษาไทย วันนี้จะมาแนะนำการซึมภาษาอังกฤษให้เข้าไปในชีวิตประจำวัน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ กันค่ะ
1) เล่นเกมโหมดภาษาอังกฤษ
ระดับความสนุกในการเรียนภาษา ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
ส่วนตัวเราได้ศัพท์เยอะมากจากการเล่นเกมเป็นภาษาอังกฤษ และด้วยแนวเกมที่เล่นชอบพวก The Sims หรือไม่ก็ Harvest Moon ก็เลยได้ศัพท์รอบตัวในชีวิตประจำวัน จำได้ว่าแต่ละเกมครั้งแรก ๆ ที่เล่นก็จะมึน ๆ ท้อ ๆ หน่อยเพราะตอนเล่นก็เด็กแล้วก็มีแต่ศัพท์ที่ไม่รู้จัก แต่พอผ่านไปสักพักก็เล่นได้ไม่ติดขัดอะไร ต่อให้เราไม่รู้ศัพท์แต่ในเกมก็จะมีภาพ มีสถานการณ์ประกอบ ทำให้เราพอเดาได้ บางทีเดาผิดเสียตังในเกมบ้าง หรือตัวละครเลิกกันบ้างก็ขำ ๆ ไป ทำให้จำศัพท์ขึ้นใจเลยแหละ หรือเดี๋ยวนี้เข้าใจว่าสามารถเล่นเกมออนไลน์เซิร์ฟตปท. ได้ หรือจะดูแคสเกมทางฝั่งตะวันตกที่เป็นภาษาอังกฤษ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีในการฝึกภาษาที่ได้ความสนุกและก็ได้เรียนรู้ไปในตัว
2) ดูซีรีย์เสียงและซับภาษาอังกฤษ
ระดับความสนุกในการเรียนภาษา ⭐️⭐️⭐️⭐️
ช่วงนี้บรรดาแอปสตรีมมิ่งดูหนัง ซีรีย์ ก็ทำออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นโอกาสดีที่ทำให้เราสามารถเลือกดูได้ตามความชอบ สำหรับใครที่คอละครฝั่งตะวันตกอยู่แล้วก็สามารถเปลี่ยนซับจากภาษาไทยเป็นอังกฤษได้เลย หรืออยากแอดวานซ์มากกว่านั้นก็ปิดซับแล้วดูแบบออริจินอลได้ฝึกทักษะการฟังกันแบบเต็ม ๆ แต่ถ้าใครติดซีรีย์เกาหลี จีน ญี่ปุ่นก็ไม่เป็นไร เราก็ยังสามารถฝึกภาษาไปด้วยได้ โดยการเปลี่ยนซับเป็นภาษาอังกฤษ แรก ๆ ก็อาจจะมีความงง ๆ ภาษาหน่อย เพราะภาษาที่ได้ยินกับภาษาที่อ่านคนละภาษากัน แต่รับรองว่าดูไปเรื่อย ๆ สนุกไม่แพ้อ่านซับไทยแน่นอน
มีข้อแนะนำนิดนึงสำหรับการฝึกภาษาด้วยซีรีย์ ถ้าใครภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงมาก ในระยะแรก ๆ อาจจะลองเริ่มจากการ์ตูนก่อน แล้วค่อยไล่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะซีรีย์บางเรื่อง เช่น The Crown จะเป็นศัพท์ที่ยากบวกไปกับสำเนียงทางฝั่งบริติชที่เพิ่มความยากในการดูแบบทวีคูณถ้าไม่ชินกับสำเนียง สำหรับใครที่อยากเลือกซีรีย์ให้เหมาะกับระดับภาษาของเรา ลองไปดูรายการ Loukgolf's Netflix English Room พี่ลูกกอล์ฟจะมียกตัวอย่างฉากจาก Netflix และระดับความยากของซีรีย์เรื่องนั้น ๆ ไว้
3) อ่านหนังสือที่ชอบเวอร์ชันต้นฉบับ หรือฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ
ระดับความสนุกในการเรียนภาษา ⭐️⭐️⭐️
อันนี้ก็เป็นอีกวิธีที่แนะนำสำหรับสายหนัง สายซีรีย์ที่ดูติดหนึบ ประทับใจ จบแล้วยังมูฟออนไม่ได้สักที วิธีนี้แนะนำมาก เพราะถ้าหนังหรือซีรีย์ที่มีภาคต่อเนื่องและกำลังถ่ายทำอยู่ ก็ซื้อหนังสืออ่านล่วงหน้ามันซะเลย นอกจากจะทำให้เรารู้เนื้อเรื่องล่วงหน้าแล้ว เราจะได้สัมผัสรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหนังสือที่อาจจะโดนตัดออกตอนทำเป็นหนังก็ได้ แต่วิธีนี้จะมีข้อเสียนิดนึงตรงศัพท์ที่ใช้ในหนังสือบางเรื่อง จะค่อนข้างใช้ศัพท์เฉพาะทางที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้บางครั้งอาจจะอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง เดาคำศัพท์ไม่ได้ หรืออ่านแล้วสมองล้าจนหลับคาหนังสือไปเลย
หรือถ้าใครมีหนังสือ หรือหนัง หรือซีรีย์ที่ต้นกำเนิดเป็นภาษาอังกฤษแล้วชอบมาก ๆ แต่ไม่เคยลองอ่านเวอร์ชั่นต้นฉบับเลยเราแนะนำให้หามาอ่านมาก ๆ อย่างถ้าใครชอบ Harry Potter บางทีเราชอบมาก ๆ อ่านภาษาไทยไป 4-5 รอบแล้ว ดูหนังนับไม่ถ้วน แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ทำไรจำได้หมด อันนี้พอเราอ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษหรือดูหนังไม่เอาซับ เราก็จะได้เรียนรู้ภาษาโดยที่ไม่ต้องเปิดดิกชันนารีให้เสียเวลาเลย
4) ฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษ
ระดับความสนุกในการเรียนภาษา ⭐️⭐️⭐️
พอดแคสต์ในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายแนวมาก อย่างถ้าฟังพอดแคสต์เกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่ยังพอมีภาษาไทยควบคู่ไปบ้าง ก็จะมีคำนี้ดีพอดแคสต์ หรือถ้าใครที่กำลังเตรียมตัวสอบไอเอลก็จะมีช่องพอดแคสต์เกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะ สามารถเสิร์ชหาได้ในแอปเลย ส่วนตัวเราชอบฟัง 6 Minute English จาก BBC ซึ่งสามารถฟังตามแอปสำหรับฟังพอดแคสต์หรือแอป Learn English ก็ได้ ซึ่งถ้าฟังในแอปเค้าเองโดยเฉพาะจะดีตรงที่มี Tapescript ให้ด้วย
5) เขียนไดอารี่เป็นภาษาอังกฤษ
ระดับความสนุกในการเรียนภาษา ⭐️⭐️⭐️
อันนี้เป็นสิ่งที่เพิ่งได้ลองทำช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาแล้วรู้สึกว่าดีมาก อยากแนะนำต่อ จะเห็นได้จาก 4 วิธีด้านบนไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูซีรีย์ อ่านหนังสือต่าง ๆ ทั้งหมดจะเน้นเรื่องของการฟัง การรับสารเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยมีที่ให้แสดงออกเป็นภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ ส่วนการเขียนไดอารี่เพื่อสะท้อนสิ่งที่เราเจอมาแต่ละวันก็เป็นเรื่องที่หลายคนแนะนำให้ทำอยู่แล้ว ดังนั้นการรวมเอา 2 เรื่องนี้มาไว้ด้วยกันทำให้เราสามารถฝึกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเป็นภาษาอังกฤษ
จะบอกว่าเวลาเขียนไดอารี่วันแรก ๆ มันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย เพราะเรายังไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง อาจจะลองตั้งเป้ากับตัวเองว่าจะเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นวันละ 2-3 ประโยคก่อนก็ได้ แล้วค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วเวลาเขียนไม่ต้องไปกังวลว่าจะถูกผิดมากจนเกินไป เน้นฝึกให้เราสามารถถ่ายทอดความคิดให้ได้ลื่นไหลก่อน ซึ่งจะบอกว่าถ้าฝึกเขียนไปมาก ๆ ก็จะส่งผลกับการพูดของเราให้สามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษและถ่ายทอดออกมาได้ดีขึ้น
สำหรับโพสต์นี้ก็ยกตัวอย่างการนำภาษาอังกฤษเข้าไปให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไป 5 วิธีก่อน ที่จริงยังมีนอกเหนือจากนี้อีกหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นฟังเพลง อ่านข่าว ดูยูทูป ก็ลองดูว่าเรามีความสนใจในด้านไหน หรือเวลาว่างส่วนใหญ่เราชอบทำอะไร ลองปรับเวลาส่วนหนึ่งมาลองทำเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษบ้าง ช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้ฝึกภาษาในแต่ละวันมากขึ้นค่ะ
โฆษณา