อาวุธสหรัฐฯ ไม่ได้ช่วยให้ยูเครนเหนือกว่า
ยูเครนเพิ่งพบว่า อาวุธบริจาคของสหรัฐฯ และตะวันตกนั้น ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับยูเครนแม้แต่น้อย
เมื่อสงครามขนาดใหญ่ในยูเครนเข้าสู่สัปดาห์ที่สี่ รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลตะวันตกต่างประกาศ ต้องสนับสนุนกรุงเคียฟ อย่างต่อเนื่อง
หลังจากช่วยต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ทำลายประเทศส่วนใหญ่ และเพิ่มศักยภาพในการรุกรานไปยังมอสโก ในทางกลับกัน ตะวันตก ยังต้องลดความเสี่ยงของสงครามที่ลุกลามไปสู่การเผชิญหน้ากันระหว่างรัสเซีย และนาโตในวงกว้าง เพราะเมื่อเผชิญกับการต่อต้านของยูเครน รัสเซียก็ได้หันไปใช้กลยุทธที่เข้มข้นมากขึ้น
ผู้นำยูเครน เซเลนสกี ได้ขอร้องให้สหรัฐฯ จัดตั้งเขตห้ามบินเหนือยูเครน เพื่อสกัดกั้นการทิ้งระเบิดทางอากาศของรัสเซีย ที่ยังคงปูพรมโจมตีอย่างต่อเนื่อง
โดยเขตห้ามบิน จะต้องกำหนดให้กองกำลังอเมริกัน ควบคุมน่านฟ้าเหนือยูเครน ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งโดยตรงระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย จนอาจลุกลามไปถึงสงครามโลก
ในขณะเดียวกัน ไบเดนก็ออกมาประกาศ และขีดเส้นตายไว้เลยว่า จะไม่มีกองกำลังทหารสหรัฐฯ ใดๆ เข้าไปสู้รบในยูเครน
โดยผู้นำตะวันตก ได้พยายามหลีกเลี่ยงยุทธวิธีอย่างที่พวกเขากำลังทำมา เช่น กำหนดเขตห้ามบิน ซึ่งเท่ากับการประกาศสงครามกับรัสเซีย โดยตรง
อาวุธของอเมริกา ที่บริจาคให้กับยูเครน
เจฟลิน เป็นอาวุธพาดบ่าที่สามารถพกพาติดตัวไปได้ ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯ ได้จัดหา เจฟลิน ระบบต่อต้านรถถัง มากกว่า 7,000 ชุด ให้กับยูเครน จุดเด่นของ เจฟลิน คือความสามารถในการ "โจมตีสูงสุด" โดยขีปนาวุธจะลอยขึ้นไปในอากาศ 150 เมตรแล้วโจมตีรถถังจากด้านบนซึ่งส่วนเกราะที่บางที่สุด
สติงเกอร์ ระบบต่อต้านอากาศยาน เป็นระบบขีปนาวุธพื้นผิวสู่อากาศแบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่อตามจู่โจมเครื่องบิน พิสัยของขีปนาวุธสามารถกำหนดเป้าหมายเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ ที่บินในระดับต่ำกว่า 13,000 ฟุต สติงเกอร์ เป็นระบบ "ยิงอย่างเดียว" คือขีปนาวุธจะใช้ระบบอินฟราเรดเพื่อนำทางไปสู่เป้าหมาย
นอกเหนือจากข้างต้นแล้ว ไบเดน ยังบริจาคแพ็คเกจความช่วยเหลือล่าสุดมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ ที่ครอบคลุมไปด้วย เครื่องยิงลูกระเบิด 100 กระบอก ปืนไรเฟิล 5,000 กระบอก ปืนพก 1,000 กระบอก ปืนกล 400 กระบอก ปืนลูกซอง 400 กระบอก กระสุนปืนขนาดเล็กกว่า 20 ล้านนัด เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนครก ชุดเกราะ 25,000 ชุด และหมวกนิรภัย 25,000 ใบ
เหตุผลที่อาวุธของสหรัฐฯ และตะวันตกไม่ได้สร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าในสมรภูมิเลย
1- ยูเครน ต้องการเครื่องบินรบอย่างมาก เนื่องจากรัสเซียมีความได้เปรียบในการบินโจมตี ตัวเลือกที่ง่ายที่สุดคือ การมอบเครื่องบินรบ Su-27 และ MiG-29 ยุคโซเวียตไปยังยูเครน ซึ่งหลายสิบลำประจำการอยู่ในโปแลนด์ บัลแกเรีย และโรมาเนีย ขณะที่ประเทศในกลุ่มนาโต กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดในเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเลย
เห็นได้ชัดเจนว่า อาจจะเป็นเพราะพันธมิตรยุโรปของยูเครน เกรงกลัวว่า การส่งมอบดังกล่าวจะทำให้กองทัพของตนอ่อนแอลง
2- ยูเครนต้องการระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน และระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบพกพา - Manpads มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ประเทศปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและพลเรือนที่สำคัญจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย ที่บินอยู่บนระดับความสูงเช่นเดียวกับขีปนาวุธ เพื่อพยายามหลบเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศ
3- นอกเหนือจากการคุกคามทางนิวเคลียร์แล้ว เครมลินยังประกาศด้วยว่าอาวุธของนาโต เป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าคำเตือนนี้จะหมายความว่าอย่างไรก็ไม่ชัดเจนสำหรับตอนนี้ ซึ่งรัสเซียยึดเป้าหมายในยูเครนมากกว่า ที่จะยอมเสี่ยงเสียเวลาไปโจมตีในดินแดนของนาโต และการช่วยเหลือที่อาจดูว่ายั่วยุ
แม้ว่ารัสเซีย อาจจะพยายามสร้างอุบัติเหตุทางเทคนิคที่ปฏิเสธไม่ได้ และขัดขวางความพยายามในการจัดหาอาวุธในประเทศที่จัดเตรียมการส่งมอบอาวุธ เช่นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม รัสเซียได้ทิ้งระเบิดสถานที่ฝึกทหารยาโวริฟ ทางตะวันตกของยูเครน ห่างจากชายแดนโปแลนด์เพียง 20 กม.
4- กองทัพรัสเซียมีกำลังคน และยุทโธปกรณ์มากกว่ากองกำลังของยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบินทหาร ดังนั้นประเทศนาโต จะต้องเพิ่มเสบียงอาวุธ ซึ่งรวมถึงระบบอาวุธขั้นสูง ให้กับยูเครนอย่างเห็นได้ชัด
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
