3 พ.ค. 2022 เวลา 03:35 • คริปโทเคอร์เรนซี
🗣️มือใหม่เรียนรู้คำสั่งซื้อขายคริปโต🤗
👥หลายท่านที่เข้ามาลงทุนในคริปโต อาจจะไม่เคยผ่านการลงทุนใดใดมาก่อน จึงไม่เข้าใจเกี่ยวกับคำสั่งซื้อขายเพื่อให้ตรงตามความต้องการของตัวเราเองมากที่สุด แอดจึงอยากอธิบายให้ทำความเข้าใจกัน🔰 เรามาเริ่มกันเลย😇
การซื้อขายเหรียญนั้น เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนกับตลาด 💵ต้องมีผู้ซื้อและผู้ขาย
ผู้ซื้อก็ต้องการซื้อในราคาถูก=💰ซื้อถูก
ผู้ชายก็ต้องการขายในราคาแพง=💰ขายแพง
ส่วนราคาซื้อขาย 🏛️ตลาดเขาก็จะมีราคากลางให้ แต่ผู้ซื้อกับผู้ขายจะตกลงซื้อขายกัน💵ราคาเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเอง
รูปที่1 แสดงตัวอย่างราคากลาง และราคาซื้อขาย
🤔จากตัวอย่างรูปที่ 1 เราจะมองเห็นราคากลาง(ต้วหนาบนสุด) 1,327,358.30 บาท /เหรียญ มาจากค่าเฉลี่ยระหว่างราคาเสนอซื้อ (BID)กับราคาเสนอขาย (Ask)(ตัวเลขเป็นแถวด้านล่าง)
🔰ราคาเสนอซื้อหรือตั้งซื้อ เกิดจากความต้องการซื้อของนักลงทุนจึงเสนอราคาซื้อดังกล่าวออกมา ตัวเลขมักจะมีสีเขียว เรียงลำดับจากมากไปน้อย แสดงว่า ถ้าใครเสนอซื้อแพงที่สุดจะอยู่ในลำดับแรก เพราะต้องซื้อจากผู้ขายที่ต้องการขายแพงที่สุด จากตัวอย่าง มีคนเสนอซื้อที่ราคา 1,327,358.30 บาท/เหรียญ จำนวน 0.343367 เหรียญ ถือว่าเสนอซื้อแพงสุด
🔰ราคาเสนอขายหรือตั้งขาย เกิดจากความต้องการขายของนักลงทุน ตัวเลขมักจะเป็นสีแดง เรียงลำดับจากน้อยไปมาก แสดงว่า ถ้าใครเสนอขายถูกที่สุดจะอยู่ในลำดับแรก เพราะต้องขายให้กับผู้ซื้อที่อยากซื้อถูกที่สุด จากตัวอย่างมีคนเสนอขายที่ราคา 1,329,280.66 บาท/เหรียญ จำนวน 0.902187 เหรียญ ถือว่าราคาถูกที่สุด
🏛️เมื่อเราเข้าไปในตลาดก็จะมองเห็นสภาพตลาดเป็นแบบนี้ ถ้าตัวเราเองอยากซื้อ เราก็ต้องซื้อที่ราคาผู้ขายเขาเสนอมาคือ ราคาเสนอขาย (Ask) แต่ถ้าเรามีเหรียญแล้วอยากขายก็ต้องขายที่ผู้ซื้อเสนอมา คือ ราคาเสนอซื้อ (BID) ไม่งงกันนะครับ อาจจะสับสนนิดหน่อย
เทคนิคง่ายๆครับ😇😲
ถ้าเราจะซื้อให้ดูตัวเลขสีแดง🔴
ถ้าเราจะขายให้ดูตัวเลขสีเขียว🟢
💰พอเรามองเห็นราคาแล้ว มีความพึงพอใจต่อราคา ณ ปัจจุบัน อยากจะซื้อขายเลยทันที เราก็ต้องเลือกที่คำสั่ง มาร์เก็ต (market)
รูปที่2 แสดงตัวอย่างคำสั่งมาร์เก็ต
💻คำสั่งมาร์เก็ต เป็นคำสั่งที่ต้องการซื้อขาย ณ ราคาปัจจุบันโดยทันที่ เราแค่ระบุจำนวนเงินที่ซื้อหรือจำนวนเหรียญที่ขายเท่านั้น แต่มีข้อพึงระวังคือ จำกัดปริมาณการซื้อขาย ณ ราคาที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น จากรูปที่ 1 ราคาถูกสุดที่เราจะซื้อได้คือ 1,329,280.66 บาท/เหรียญ แต่ขายเพียง 0.902187 เหรียญ เท่านั้น คิดเป็นจำนวนเงินที่ต้องใช้ 1,199,259.73 บาท แต่ถ้าเราอยากใช้เงินซื้อมากกว่านั้น เราจะได้เหรียญในราคาแพงถัดขึ้นมาคือ ราคา 1,329,322.67 บาท/เหรียญ ทันที ทำให้เหรียญที่เราได้มา กระจายตัวหลายระดับราคา จึงไม่แนะนำให้ซื้อด้วยเงินจำนวนเยอะถ้าใช้คำสั่งมาร์เก็ตนี้
⁉️คำถามที่ตามมา ถ้าเราต้องการซื้อที่ราคาถูกที่สุดปริมาณมากกว่านั้น เราควรต้องทำอย่างไร หรือ เราไม่พอใจราคาเสนอซื้อขายที่มีอยู่ ต้องการตั้งราคาที่ต้องการได้อย่างไร
🌄ทางออกคือ การใช้คำสั่งลิมิต (limit)😲😃
รูปที่3 แสดงตัวอย่างคำสั่งลิมิต
💻คำสั่งลิมิต เป็นคำสั่งซื้อขายที่ให้นักลงทุนกำหนดราคาซื้อขาย และกำหนดจำนวนเงินหรือเหรียญได้ด้วยตนเอง คำสั่งนี้เราต้องระบุราคาที่ต้องการซื้อขาย แล้วมาระบุจำนวนเงินหรือจำนวนเหรียญที่ต้องการซื้อขาย เมื่อเราส่งคำสั่งเสร็จสิ้น รายการคำสั่งลิมิตของเราก็จะปรากฏอยู่ที่ BID หรือ Ask ตามลำดับราคาและร่วมกันกับนักลงทุนคนอื่นที่เขาเสนอราคาซื้อขายตรงกันกับเราด้วย รายการของเราจะเสร็จสิ้นหายไปก็ต่อเมื่อมีคนมาซื้อหรือขายที่ระดับราคาตรงกันกับราคาและจำนวนที่เราตั้งคำสั่งลิมิตไว้เท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งค่าแล้วรายการไม่ได้อยู่ในระดับแรก อาจต้องรอนานหน่อย🤗
🔰จากตัวอย่างข้างต้น ถ้าเราต้องการซื้อที่ราคาถูกที่สุด 1,329,280.66 บาท/เหรียญ โดยใช้เงินซื้อ 2 ล้านบาท แต่มีคนเสนอขายแค่ 0.902187 เหรียญ (คิดจำนวนเงินที่ซื้อแต่ 1,199,259.73 บาท) เราก็ตั้งค่าคำสั่งลิมิตโดยระบุราคาและจำนวนเงินที่ต้องการซื้อข้างต้น เมื่อส่งคำสั่ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จะมีจำนวนเหรียญบางส่วนที่เราซื้อได้ และมีรายการเสนอซื้อ BID ของเราเกิดขึ้นในลำดับแรก จำนวนเหรียญที่ปรากฎในรายการจะมากน้อยขึ้นอยู่กับเราช่วงชิงแย่งซื้อกับคนอื่นได้มากเพียงใด รอจนกว่าจะมีคนนำเหรียญมาขายในราคาตรงกันจนหมด รายการของเราก็จะเสร็จสิ้น เราก็จะได้ราคาและจำนวนเหรียญตามต้องการ
🤗🤔จะเห็นได้ว่า การใช้คำสั่งมาร์เก็ต กดซื้อขายได้ทันที แต่การใช้คำสั่งลิมิต ต้องรอจึงจะเสร็จสิ้น เราก็ต้องเลือกเอานะครับ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง
ถ้าจะถามว่า คำสั่งซื้อขายมีแค่ 2 แบบนี้เท่านั้นใช่ไหม⁉️ ผมขอตอบว่า ส่วนใหญ่จะมีแค่นี้ แต่จะมีบางตลาดที่เสริมคำสั่งซื้อขายแบบพิเศษขึ้นมา ในประเทศไทย ก็มีตลาด Bitkub ที่ได้เพิ่มเติมคำสั่งสต๊อปลิมิต (stop limit) ขึ้นมา เพื่อช่วยจัดการจำกัดการขาดทุนและช่วยทำกำไรที่ดีขึ้น
รูปที่4 แสดงตัวอย่างคำสั่งสต๊อปลิมิต
💻คำสั่งสต๊อปลิมิต เป็นการสร้างคำสั่งซื้อขายที่สามารถกำหนดเงื่อนไขไว้ล่วงหน้าได้ เมื่อราคาในตลาดเปลี่ยนแปลงถึงเงื่อนไขราคาที่เรากำหนดไว้ ระบบจะสร้างคำสั่งลิมิตให้เราอัตโนมัติ
🍄ตัวอย่างเช่น ราคาเหรียญ USDT ปัจจุบัน 34 บาท/เหรียญ เราต้องการซื้อในราคาที่ถูกกว่า จึงตั้งค่าสต๊อปไว้ที่ 33.5 บาท และตั้งค่าลิมิตไว้ที่ 33 บาท เมื่อราคาเหรียญลดลงมาถึง 33.5 บาท ระบบจะสร้างคำสั่งซื้อลิมิตที่ราคา 33 บาททันที หลายคนอาจสงสัยทำไมไม่ตั้งคำสั่งลิมิตที่ราคา 33 บาทเลย เพราะเราไม่แน่ใจว่าราคาจะลดลงมาถึงไหม ถ้าตั้งคำสั่งลิมิตไว้นานบางตลาดจะคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม
🏛️🔻 ในช่วงตลาดขาลง สมมุติเรามีเหรียญต้นทุนที่ราคา 34 บาท เรายอมรับตัดขาดทุนได้ที่ 33.5 บาท แต่เรายังไม่แน่ใจว่าราคาเหรียญจะลงมาถึงไหม ถ้าตั้งราคาขายลิมิตไว้เลยเท่ากับเราตัดขาดทุนไปเลยเพราะจะมีคนซื้อไปเลยทันทีเนื่องจากราคาถูกมาก แต่ถ้าเราตั้งขายค่าสต๊อปไว้ที่ 33.6 บาท ค่าลิมิต 33.5 บาท เมื่อราคาลงมาไม่ถึง 33.6บาท ก็อาจมีสิทธิ์ขึ้นต่อ ช่วยให้เราไม่ต้องขายตัดขาดทุน ในทางกลับกันถ้าราคาลงมาถึง 33.6 บาท ซึ่งมีแนวโน้มลงต่อ จะช่วยให้เราตัดขาดทุนตั้งค่าลิมิตได้ทันท่วงที😇😲
🏛️🔺ในช่วงตลาดขาขึ้น สมมุติว่า เรามีเหรียญต้นทุนราคา 34 บาทเช่นเดิม ราคากำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเป็น 34.5 บาท ถ้าเราขายทำกำไรตอนนี้อาจจะขายหมู 🐷 (เป็นคำที่ใช้เพื่อเป็นความหมายว่า ขายเสร็จแล้วราคาก็ยังคงขยับขึ้นต่อ ทำให้เกิดความน่าเสียดาย) แต่ถ้ารอไปราคาอาจจะดิ่งลงก็ได้ จึงควรตั้งสต๊อปลิมิต อาจจะตั้งขายค่าสต๊อปไว้ที่ 34.45 บาท และตั้งลิมิตไว้ที่ 34.4 บาท เพื่อกำหนดกำไรที่ต้องการก็ได้🤔😲
🗣️เป็นอย่างไรบ้างครับ พอเข้าใจแนวความคิดของแต่ละคำสั่งกันนะครับ แอดก็ขอให้ทำความเข้าใจแล้วนำไปปรับใช้ให้ได้กำไรกันนะครับ🤗🤗😲
โฆษณา