4 พ.ค. 2022 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
รู้จัก Digital Nomad เทรนด์ที่จะเปลี่ยนอนาคต ของคนทำงานและธุรกิจ
1
“1,000 ล้านคน” คือจำนวนของคน ที่กำลังประกอบอาชีพ เป็น “ฟรีแลนซ์” ทั่วโลก
แม้ว่าฟรีแลนซ์ จะสื่อถึง การเป็นอิสระจาก “งานประจำ”
แต่จริง ๆ แล้ว เราเป็นอิสระขนาดนั้นหรือไม่ ?
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจะพามารู้จักกับอีกเทรนด์ของการทำงาน
นั่นก็คือ “Digital Nomad” ซึ่งฟรีแลนซ์กว่า 60% ใฝ่ฝันอยากจะเป็น
1
Digital Nomad คืออะไร แล้วจะมาเปลี่ยนโลกธุรกิจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คำว่า “Nomad” หมายถึง “เร่ร่อน”
ดังนั้น Digital Nomad จึงถูกนำมาใช้เรียก กลุ่มคนที่ทำงานแบบดิจิทัล ทำให้ทำงานจากพื้นที่ไหนบนโลกก็ได้ เพียงแค่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้
โดย Digital Nomad ไม่ได้หมายถึงเฉพาะคนที่เป็นฟรีแลนซ์เท่านั้น
แต่ยังครอบคลุมไปถึงเหล่าพนักงานประจำ ที่เข้าข่ายลักษณะการทำงานแบบที่กล่าวไปด้วย
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าจะทำงานเป็นอาชีพอะไร
ขอแค่สามารถทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้
ก็สามารถเป็น Digital Nomad ได้
2
ถ้าพูดถึงอาชีพของ Digital Nomad ที่เห็นได้บ่อย จะมีตั้งแต่ บล็อกเกอร์, นักเขียน
กราฟิกดีไซเนอร์, ซอฟต์แวร์ ดีเวลลอปเปอร์, ดิจิทัล มาร์เก็ตติง, ผู้ให้คำปรึกษา และธุรกิจส่วนตัว
1
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Digital Nomad เริ่มกลายมาเป็นเทรนด์มากขึ้น ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การมาถึงของวิกฤติโรคระบาด เป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ทำให้เทรนด์ Digital Nomad
เติบโตได้มากขึ้น เพราะหลาย ๆ บริษัท ก็เริ่มเปิดใจกับการทำงานแบบระยะไกล หรือ “Remote Work” มากขึ้น
ซึ่งสิ่งที่ช่วยให้เรื่องนี้เป็นไปได้ ก็คือ “เทคโนโลยี” ที่เข้ามาอำนวยความสะดวก ให้กับการทำงานได้มากขึ้น
1
ทำให้ต่อให้มีแค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว ก็สามารถทำงานได้ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์
รวมถึง อินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้การทำงานในแต่ละขั้นตอนไร้รอยต่อมากขึ้น โดยที่พนักงานทุกคน ไม่จำเป็นต้องมานั่งอยู่ในที่เดียวกันก็ได้
อย่างคุณสืบบุญ ไชยสิทธิ์ หรือคุณสายป่าน คนไทยที่มีโอกาสไปร่วมงานกับ Y+ Global องค์กรระดับนานาชาติ ซึ่งทำงานเกี่ยวกับเด็กที่ติดเชื้อ HIV ทั่วโลก
ที่น่าสนใจคือ แม้จะต้องทำงานกับคนในหลากหลายประเทศ แต่คุณป่านกลับสามารถนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน ในจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างไม่มีปัญหา
2
โดยคุณป่านเคยให้สัมภาษณ์กับ Voice TV ในปี 2021 เกี่ยวกับการทำงานกับคนที่อยู่คนละเขตเวลา
อย่างกรณีของเขา เป็นคนที่ชอบเริ่มต้นทำงานในช่วงบ่าย ซึ่งตรงกับทางบริษัทต้นสังกัดที่เริ่มงานพอดี
ทำให้เกิดความลงตัวในการทำงานร่วมกัน
2
หรือถ้าหากในกรณีอื่น เราก็สามารถปรับตารางงาน ให้เข้ากับบริษัทต้นทางได้ เพราะความยืดหยุ่นในการทำงาน ก็ถือเป็นสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้หลายคนเลือกจะทำงานเป็น Digital Nomad
1
ซึ่งการที่เทรนด์ Digital Nomad เติบโต นอกจากจะทำให้เกิดความสะดวกกับฝั่งพนักงาน ที่ได้เป็นเจ้านายตัวเองแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการเที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วยได้
ส่วนในด้านขององค์กรเอง ก็ช่วยประหยัดต้นทุน ในกรณีที่ไม่ต้องมีพื้นที่สำนักงาน ให้กับทุกคนในองค์กร รวมถึงบริษัทยังสามารถจ้างงานที่เหมาะสม ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครหรืออยู่ที่ไหน
มากไปกว่านั้น เทรนด์ Digital Nomad ยังส่งผลดีให้กับธุรกิจอย่างโรงแรม, บ้านพัก หรือ Co-working Space ก็ได้ประโยชน์จากตรงนี้เช่นกัน โดยเฉพาะประเทศที่เน้นการท่องเที่ยว
2
อีกหนึ่งเทรนด์ ที่น่าสนใจก็คือ พฤติกรรมและความต้องการของคนทำงาน
โดยรู้หรือไม่ว่า 76% ของพนักงาน ก็ไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ
ถึงขนาดที่บางคนพร้อมที่จะลาออก หากบริษัทบังคับให้กลับไปทำงานที่บริษัทอย่างเต็มรูปแบบ
1
และอีกธุรกิจที่จะเติบโตจากเทรนด์นี้ คือธุรกิจการอำนวยความสะดวก ให้กับกลุ่มคนที่อยากเริ่มต้นการเป็น Digital Nomad
1
ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์อย่าง Nomad List ที่ก่อตั้งในปี 2014 โดยเปิดให้บริการเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล เกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ที่เหมาะแก่การทำงาน รวมไปถึงเป็นคอมมิวนิตีสำหรับชาว Digital Nomad
หรือเว็บไซต์ Bucketlist Bombshells ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสอนทักษะในอาชีพต่าง ๆ ที่นำไปสู่การทำงาน
ในรูปแบบ Digital Nomad ได้ เช่น งานออกแบบ, เขียนโคด หรือแม้แต่เปิดคอร์สออนไลน์ของตัวเอง
ซึ่งตัวผู้ก่อตั้งเว็บไซต์นี้ก็ทำงานเป็น Digital Nomad เช่นกัน
2
อย่างไรก็ตาม Digital Nomad ก็ไม่ได้มีแค่ข้อดีอย่างเดียวเท่านั้น เพราะด้านข้อเสียก็มีอยู่ไม่น้อย
กรณีที่เป็นฟรีแลนซ์ ก็อาจต้องแบกรับความเสี่ยงของรายได้ ที่ไม่มั่นคง และต้องอาศัยการบริหารของตัวเอง ทั้งในเรื่องเวลา และค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับตลอดเวลา
2
ส่วนองค์กรก็ต้องแบกรับความเสี่ยง ที่ Digital Nomad บางคน
อาจจะไม่สามารถติดต่อได้ในเวลาที่ต้องการ
1
แล้วเรื่องนี้ จะส่งผลกระทบอะไร กับประเทศไทยเรา ?
จริง ๆ แล้ว ประเทศไทยก็ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ Digital Nomad จากฝั่งยุโรปอยากมามากที่สุด
4
เนื่องจากค่าครองชีพที่เป็นมิตร เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน อีกทั้งความพร้อมด้านอินเทอร์เน็ต, สถานที่ท่องเที่ยว และอาหารที่อร่อย
4
ทำให้ประเทศไทย กลายเป็นจุดหมาย ของ Digital Nomad หลาย ๆ คน
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่สนใจอยากเป็น Digital Nomad ก็ต้องคิดทบทวนให้ดีเสียก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เคยทำงานในองค์กร ต้องกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone ให้ได้
ส่วนคนที่ทำธุรกิจ ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ และรู้จักปรับตัว
เพื่อให้อยู่รอดในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ในเสี้ยววินาที..
1
โฆษณา