5 พ.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #หัวหน้าครอบครัวเดอะค็อป ]
เส้นทางฤดูกาลนี้ของลิเวอร์พูลเหลืออีก 6 เกมด้วยกัน คือ 2 นัดชิงบอลถ้วยและอีก 4 เกมลีก
หากพวกเขาคว้าชัยได้เกลี้ยง นั่นหมายถึงจะครองทั้งเอฟเอคัพและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนพรีเมียร์ลีกต้องลุ้นให้แมนฯซิตี้ที่เหลือ 4 นัดเท่ากันมีสะดุดเสมอสักนัดเป็นอย่างน้อย
แม้ภารกิจบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ลิเวอร์พูลจะไม่ได้กุมชะตาตัวเองทั้งหมด คือต้องพึ่งโชคชะตาและฝีท้าของนักเตะทีมอื่น
แต่เมื่อเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวอะไรอีกต่อไป แม้จะยังไม่รู้บทสรุปก็ตาม
นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา บรรดาเดอะ ค็อปยังไม่เคยสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้เลย มันคือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน เป็นช่วงเวลาที่ทั้งลุ้นระทึกและดื่มด่ำอิ่มเอมอย่างแท้จริง
เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเลกสองกับบียาร์เรอัล เป็นอีกนัดที่พิสูจน์ตัวตนเนื้อแท้ของความเป็นลิเวอร์พูลในยุคนี้
45 นาทีแรก ตกเป็นรองเจ้าถิ่นชัดเจน ต้องถอยร่นไปตั้งรับกันพัลวัน เซ็ตเกมของตัวเองไม่ติดเลย เหมือนไม่ใช่ลิเวอร์พูลที่คุ้นเคยในยุคนี้
กองเชียร์บียาร์เรอัลต่างเนื้อเต้นได้เห็นทีมรัก ทำในสิ่งเหนือความคาดหมาย พลิกสถานการณ์ที่ตกเป็นรองจากเลกแรกได้อย่างน่าทึ่ง สกอร์ 2-0 ที่นำอยู่ในเวลานั้น มันเหมือนเหวี่ยงโมเมนตัมความได้เปรียบมาให้
แต่เมื่อเหลือเกมอีกครึ่ง คุณไม่มีทางคาดเดาเลยว่าจะจบแบบไหน โดยเฉพาะเมื่อมีผู้จัดการทีมชื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ในห้องแต่งตัว
45 นาทีหลัง จึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากช่วงแรก ลิเวอร์พูลที่ดูติดขัด กลับมาร่างทองเช่นเดิม นักเตะทุกคนวิ่งแบบไม่หยุด มุ่งมุ่นดุดันหวังจะทวงประตูคืน ก่อนได้รางวัลตอบแทน 3 ประตูรวด เข้าสู่รอบชิงอย่างไร้ข้อกังขา
แน่นอนว่าต้องยกเครดิตให้ คล็อปป์ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่แก้เกมได้เฉียบขาด เหมือนหลายๆนัดช่วงหลัง ครึ่งแรกไม่เวิร์ค ต้องผ่านการให้น้ำให้ท่าซะก่อน ถึงจะกลับลงมาสู้อีกยกอย่างกระปรี้กระเปร่า
หลายคนอยากรู้ว่านอกเหนือจากการปรับวิธีการเล่น รวมทั้งเปลี่ยนขุนพลตัวรุก หลุยส์ ดิอาซ ถูกส่งมาแทน ดิโอโก้ โชต้า ในห้องแต่งตัวเกิดอะไรขึ้นอีก
เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ เล่าว่าบอสไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า พูดด้วยประโยคง่ายๆ กลับลงไปเล่นให้เป็นแบบลิเวอร์พูล คือเคยเล่นกันมาอย่างไร ก็ใส่ตามนั้นเลย ปลดเปลื้องความกดดัน ปล่อยให้ความผ่อนคลายเข้ามา
2
ชัดเจนว่ามันคือการใช้จิตวิทยาเข้ามาช่วย คล็อปป์ มีคุณสมบัติดังกล่าว แค่พูดออกไปหรือใช้กลยุทธ์บางอย่าง สำหรับเรียกความเชื่อมั่นให้ลูกทีม ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนทันที
มีการเปรียบเทียบว่า คล็อปป์ คล้ายคลึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่นคือมีวิธีการเปลี่ยนแปลงเกมครึ่งแรกและครึ่งหลังให้แตกต่างกัน ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค โดยที่ไม่ต้องพร่ำบอกเรื่องแท็คติกให้มากความ เพราะนักเตะแทบจะเข้าใจกันดีอยู่แล้ว
1
ในขณะเดียวกันกุนซือเฮฟวี่เมทัล มีคุณสมบัติที่สำคัญคือช่างสังเกต เก็บรายละเอียดต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยมไม่น่าเชื่อ เอาใจใส่ตั้งแต่เรื่องเล็กยันไปถึงเรื่องใหญ่ ความสำคัญทัดเทียมกัน
ตอน เซอร์ดาน ชากิรี่ ย้ายมาร่วมทีมใหม่ๆ คล็อปป์ เป็นห่วงมาก พยายามเข้าไปพูดคุยด้วยเสมอ เพราะเห็นนิสัยสันโดษเกินไป เวลาอยู่ในห้องแต่งตัวหรือช่วงซ้อมมักไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่น
1
ดังนั้นจึงต้องฝากฝัง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เป็นกัปตันทีมให้คอยดูแลบ้าง อย่าปล่อยให้โดดเดี่ยว ไม่อย่างนั้นอาจมีผลต่อสภาพจิตใจและกระทบมายังเรื่องเกมในสนามด้วย
แม้สุดท้าย ชากิรี่ ไม่อาจไปต่อได้ แต่นั่นคือตัวอย่างการเทคแคร์ลูกทีมตัวเองของ คล็อปป์ ซึ่งพยายามเน้นให้ทุกคนรู้สึกว่า อยู่ด้วยกันแบบครอบครัว
1
ไม่ใช่แค่ลูกทีมหรือสต๊าฟฟ์เท่านั้นที่ คล็อปป์ พยายามเข้าถึง แต่แฟนบอลซึ่งเปรียบเสมือนผู้เล่นคนที่ 12 ก็ได้รับความเอาใจใส่ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
ย้อนไปยังพฤศจิกายน 2015 คล็อปป์ ที่เพิ่งมาคุมทีมได้ไม่เท่าไร มีคิวรับมือคริสตัล พาเลซที่แอนฟิลด์ ซึ่งแน่นอนว่าลิเวอร์พูลเหนือกว่า แต่คาดไม่ถึงเมื่อผ่าน 10 นาทีสุดท้ายมาไม่เท่าไร
พาเลซพลิกออกนำ 2-1 จาก สก็อตต์ แดน กองหลังเติมสูงมาทำประตู ไม่นานนักเดอะ ค็อปก็ค่อยๆทยอยออกจากสนาม เสียงเชียร์เริ่มเบา เสียงเพลงเริ่มจาง นั่นทำให้ คล็อปป์ รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
1
คล้อยหลังหนึ่งเดือน เมื่อสามารถตามตีเสมอเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนอย่างระทึก 2-2 ซึ่งมันน่าผิดหวังเมื่อดูผลการแข่งขัน ทั้งที่เล่นในบ้านตัวเอง แต่สำหรับเขาแล้วนี่คือโอกาสดีที่จะแสดงบางอย่าง
คล็อปป์ สั่งให้ลูกทีมทุกคน ไปยืนเรียงแถวหน้ากระดาน จับมือกันให้แน่น แล้วชูเหนือศรีษะต่อหน้าเดอะ ค็อป ซึ่งหลายคนเห็นแล้วอดขำไม่ได้หรือเยาะเย้ยล้อเลียนกลับมา
1
เสมอเวสต์บรอมวิชในแอนฟิลด์ ถึงกับต้องฉลองกันขนาดนี้ด้วยหรือ มันน่าตลกมากกว่า
ถามว่า คล็อปป์ ไม่รู้หรือว่า การแสดงออกอย่างนั้น มันอาจเรียกเสียงหัวเราะให้กับแฟนบอลทีมอื่น แต่สิ่งที่เขาต้องการคือให้แฟนบอลมีส่วนร่วมมากกว่านี้ ปลุกจิตวิญญาณถึงความเป็นเดอะ ค็อปที่แท้จริงออกมา
จากนั้นแทบทุกครั้งหลังจบเกม ไม่ว่าจะเล่นในแอนฟิลด์หรือออกไปเยือน คล็อปป์ จะพยายามให้แฟนบอลมีส่วนร่วมเสมอ
ยิ่งเกมไหนคว้าชัยแบบน่าประทับใจ เขามักจะโชว์ลีลากำหมัดสะใจ โยกขึ้นลง เล่นกับเดอะ ค็อปแบบเป็นกันเอง จนแทบจะกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนไปแล้ว
1
แม้ในวันที่ทีมแพ้หรือฟอร์มไม่เอาไหน เขาก็ไม่ได้หลบลี้หนีหน้า แต่ยังคงมาตามนัด อย่างน้อยเป็นการขอบคุณกองเชียร์ ยังคงให้การสนับสนุนสม่ำเสมอ
เหตุผลในการขยายสัญญาล่าสุดของ คล็อปป์ นั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภรรยาผู้อยู่เบื้องหลัง การได้เห็นพัฒนาการและจิตใจอันแข็งแกร่งของนักเตะหรือแม้กระทั่งรู้สึกได้ถึงความรักที่แฟนๆมอบให้
ช่วงหลังเดอะ ค็อปแต่งเพลงใหม่ให้กับบอสของพวกเขาชื่อ I’m So Glad That Jurgen Is a Red จนเริ่มติดปากและคุ้นหูมากขึ้นเรื่อยๆ
คล็อปป์ ยอมรับว่าชื่นชอบเพลงนี้เป็นการส่วนตัว มันยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าแฟนบอลผูกพันกับตัวเขามากแค่ไหน
จากตอนที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมใหม่ๆ มีแฟนบอลจำนวนหนึ่งลุกออกทั้งที่เวลายังไม่จบ เพราะไม่พอใจผลงานเท่าไรนัก แต่เวลานี้เปลี่ยนไปสิ้นเชิง
เกมจบไปหลายนาทีแล้ว แต่เดอะ ค็อปเรือนหมื่นยังคงอยู่ด้วยกัน รอซึมซับบรรยากาศอันยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นแหล่ะจุดเริ่มต้นมาจาก คล็อปป์ ที่ปลุกกระแสความนิยมขึ้นมา
1
เขาอาจไม่ได้เป็นที่รักของทุกคน แต่หาก คล็อปป์ เป็นกุนซือสโมสรไหนแล้ว แฟนบอลจะต้องรักเขา
เพราะ คล็อปป์ ไม่คิดทิ้งใครไว้ข้างหลัง หากจะเดินก็ต้องก้าวไปพร้อมๆกัน นั่นคือสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา