5 พ.ค. 2022 เวลา 00:43 • ปรัชญา
วันเวลาผ่านเร็วมากนะวันๆหนึ่ง
เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็เดือนเดี๋ยวก็ปี
เอาคืนไม่ได้นะ หมดไปสิ้นไปเรื่อยๆ
นี้เราได้ใช้เวลาของเราให้มีประโยชน์เต็มที่มั้ย
สำรวจตัวเองประเมินผลตัวเองดู
ตอนหลวงพ่อยังไม่บวชนะ
หลวงพ่อประเมินผลตัวเอง
สามเดือนนี้กับสามเดือนก่อน
เรามีพัฒนาการมั้ย หรือหยุดนิ่ง หรือเลวลง
สำรวจตัวเองอยู่เสมอเลย แต่ใจเย็นนะ
ไม่ได้เร่าร้อนว่าจะต้องดีเมื่อนั้นเมื่อนี้
มีแต่วัดตัวเองไปเรื่อยๆ เป็นระยะๆ
ประมาณไตรมาสหนึ่งก็ดูทีหนึ่ง
ถ้าเราภาวนาทุกวันสม่ำเสมอนะ
เวลาสามเดือนนะไม่ใช่น้อย
เราทำประโยชน์ให้จิตใจตัวเองได้มาก ไม่น้อยหรอก
แต่ถ้าเราเอาสามเดือนไปทำวุ่นวาย
ไปสนองกิเลสเรื่อยๆ มันก็สูญเปล่าไป
มันไม่ได้แค่เสมอตัว
ถ้าความดีไม่ทำ ไม่พากเพียรปฏิบัติ
ผ่านเวลาไปมันไม่ได้เสมอตัวหรอก มันเลวลง
มันธรรมชาติของจิตไหลลงต่ำอยู่เรื่อย
ไม่ฝึกไม่อบรมมันก็ไหลลงต่ำไป
เหมือนน้ำไหลลงต่ำนะ
ต้องฝึกตัวเอง
ศีลต้องรักษา
สมาธิต้องทำ
การเจริญปัญญาทำได้ก็ดีมาก
ถ้าศีลก็ไม่ได้รักษานะ
ความเป็นมนุษย์ของเราล้มเหลวแล้ว
เพราะธรรมะที่ทำให้เราได้เป็นมนุษย์อย่างนี้
คือเราต้องมีศีล
ถ้าศีลเราเสียเราก็เสียความเป็นมนุษย์ไป
ทุกวันนี้ดูโลกนะน่ากล้ว
โลก ศีลธรรมมันหายไป
ท่านพุทธทาสท่านถึงพูดนะสมัยก่อน
ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ
โลกก็คือหมู่สัตว์นั่นเอง
ถ้าไม่มีศีลมีธรรมก็วุ่นวายหาความสงบสุขไม่ได้
เนี่ยทุกวันนี้เราก็เห็นนะว่า
แต่ละคนก็เต็มไปด้วยการเห็นแก่ตัว
เรียกร้องแต่สิทธิ ไม่สนใจหน้าที่
เด็กๆก็ไม่รู้เรื่องหน้าที่
คิดแต่จะเรียกร้องสิทธิ
เมื่อก่อนมันมีวิชาหน้าที่พลเมือง
ไม้ได้สอนวิชาสิทธิพลเมือง สอนหน้าที่
นี้เราก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเองนะ
ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
หน้าที่ต่อโลกต้องทำอะไรบ้าง
หน้าที่ต่อครอบครัว
ต่อลูก ต่อสามี ภรรยา
ต่อคนใต้ปกครอง
พระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องเหล่านี้ไว้ในเรื่องทิศ ๖
ไปดู Google เอานะ เรื่องทิศ ๖
แล้วทำหน้าที่ของเราให้ดี
นี้หน้าที่ต่อตัวเองที่สำคัญที่สุดเลย
คือการพัฒนาจิตใจของเรา
ขั้นต่ำสุดของความเป็นมนุษย์
ตั้งใจรักษาศีล ๕ ไว้ให้ได้ อย่าให้ด่างพร้อย
บางคนศีลไม่ถึงกับขาดนะ
ศีลไม่ถึงกับขาดแต่ด่างพร้อย
กระพร่องกระแพร่งไม่สำรวมนะ ศีลก็เสียหาย
บางทีไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปนะ เสียหาย
อย่างฆราวาสนะมีศีล ๕ รักษาไว้ให้ดี
อย่างพระก็เยอะหน่อย
พระทำตลกคะนองเสียศีล ไม่ใช่หน้าที่
นี้คนไม่ได้เรียนธรรมะ
ไม่ได้ศึกษาแยกแยะไม่ออก
อย่างพระทำอะไรบ้าๆบอๆ
ชอบซะอีกนะ ยกย่อง
ที่จริงศีลมันเสียไปแล้วล่ะ
นอกจากเรื่องศีลนะต้องตั้งใจรักษาไว้ก่อนนะ
เบื้องต้นต้องตั้งใจที่จะงดเว้น
ถ้าฆราวาสก็ตั้งใจงดเว้นการทำบาปอกุศล ๕ ข้อนั้น
ถ้าเป็นพระก็สำรวมระวังในปาฏิโมกข์
ในอภิสมาจาร อะไรพวกนี้ค่อยๆเรียนไป
เป็นโยม ศีล ๕ เอาให้ได้ สำคัญนะ
ไม่งั้นเราจะเสียความเป็นมนุษย์
อย่างเราทำร้ายคนอื่น ทำร้ายสัตว์อื่น
เนี่ยจิตใจเราก็หยาบกระด้าง
ไม่สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์
มนุษย์แปลว่าคนใจสูง ผู้มีใจสูง
ไปช่อโกง ไปลักขโมย
ปลิ้นปล้อนหลอกลวงอะไรอย่างนี้
สำส่อนประพฤติผิดในกาม
จิตใจเราก็เวียนไปเป็นสัตว์นรก
ไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย
ไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน
งั้นพยายามตั้งใจนะ
เบื้องต้นต้องตั้งใจก่อนในการรักษาศีล
แรกๆอาจจะยาก เพราะจิตใจเคยทำผิดศีล
ก็ค่อยๆอบรมตัวเองไปนะ ตั้งใจงดเว้น
ต่อไปมันก็จะถือศีลง่ายขึ้นเรื่อยๆ
แล้วถ้าเราพัฒนาเครื่องมือสำคัญคือสติ
อย่างเวลาคนเราจะผิดศีล
เพราะกิเลสมันครอบงำจิต
ถ้าเรามีสติว่องไวนะ
เราเห็นกิเลสมันเกิดขึ้นในใจเรา เราเห็น
กิเลสมันจะครอบงำจิตใจเราไม่ได้
เราจะมีศีลอัตโนมัติ
เนี่ยก่อนจะมาถึงศีลอัตโนมัติ
ในขั้นต้นเลยนะต้องตั้งใจงดเว้นไว้ก่อน
ที่จะไม่ทำบาปอกุศล ๕ ข้อนั้น
ฝึกตัวเองไปเรื่อยๆนะ แล้วก็พัฒนาสติให้ดี
กิเลสอะไรเกิดขึ้นในจิตเรา เรารู้ทัน
รู้ไปเรื่อยๆ พอกิเลสครอบงำจิตไม่ได้
ไม่ผิดศีลหรอก
แค่คิดทำผิดศีล ยังไม่ทันจะทำนะ
แค่คิดจะทำ มันเกิดความละอายใจแล้ว
ถ้ารู้ว่าเราทำชั่วเมื่อไหร่นะจะมีผลที่ไม่ดีตามมา
คนที่ไม่ได้ภาวนาจะไม่เข้าใจตรงนี้หรอก
ว่าทำชั่วเล็กๆน้อยๆ ผิดศีลเล็กๆน้อยๆ
มันมีความทุกข์ตามหลังเรามา
ตามมาเรื่อยๆ หนีไม่รอด
งั้นเราภาวนาไปเรื่อยๆนะ
การถือศีลเราจะประณีตขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งเรามีหิริโอตัปปะเกิดขึ้น
หิริ ละอายใจที่จะทำผิดศีล
โอตตัปปะ เกรงกลัวผลของการทำผิดศีลของเรา
ถ้าภาวนาแล้วเห็นนะ
มันตามเราเหมือนเงาตามตัวจริงๆเลย
ผลของกรรมชั่วเนี่ย
สังเกตที่ใจเรา เราจะรู้เลย
โฆษณา