6 พ.ค. 2022 เวลา 10:35 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
การบูชาตัวบุคคลกับนักวิทยาศาสตร์
เนื่องด้วยวันที่ 14 มีนาคมเป็นวันค่าพายโลก (Pi day) วันนี้ยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) และครบรอบวันเสียชีวิตของ สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking) นักฟิสิกส์ทฤษฎีเจ้าของผลงานมากมายโดยเฉพาะหนังสือ A Brief History of Time หนังสือ Pop science ที่หลายคนคงมีติดมือ เรารู้จักหรือรับรู้ถึงบุคคลสำคัญเหล่านี้ในฐานะอะไร
ไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อบุคคลใดที่ได้สร้างคุณูปการบางอย่างกับสังคมหนึ่งๆ แล้วจะได้รับการยกย่องชื่นชม แต่หลายครั้งที่คนเหล่านี้ถูกพัฒนาไปสู่การเป็นสิ่งบูชาในฐานะ“มนุษย์”ที่พิเศษกว่า“คน”อื่น โดยเฉพาะเมื่อบุคคลเหล่านั้นเสียชีวิตการที่เราจะเพียงการระลึกถึง เล่าเรื่องราวประวัติส่วนตัว ผลงานเพื่อให้คนรุ่นหลังจดจำ
เรามักสร้างความเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอๆ การเฉลิมฉลองครบรอบมรณกรรมหรือชาตะกาลไม่ควรเป็นพิธีกรรมทางความเชื่อ มิติเรื่องนี้จะพบได้ชัดเจนในผู้นำประเทศ ผู้นำความเชื่อ การสืบคติแบบนี้มาจากการเชื่อที่ว่าบุคคลคนเหล่านี้สร้างคุณงามความดีและควรได้รับการยกย่องเหนือสิ่งใด เขาทั้งหลายจะกลายเป็นเทพหรือนักบุญผู้บริสุทธิ์ การพัฒนาขั้นสุดของแนวคิดนี้คือ ทำให้ “มนุษย์”ที่พิเศษกว่า“คน”อื่น กลายเป็นพระเจ้า!
ลัทธิเทวราช ที่สถาปนากษัตริย์เป็นอวตาลหรือพระเป็นเจ้า
บุคคลในอีกวงการนอกการการเมืองและศาสนาที่มักถูกยกย่องคงไม่แคล้วเหล่านักวิทยาศาสตร์ เพราะตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้มีอิทธิพลต่อชีวิต แนวคิดของสังคม พวกเขาคิดค้นองค์ความรู้ใหม่ๆควบคู่ไปกับแนวคิดเชิงปรัชญา การพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของนักวิทยาศาสตร์นักวิทยาศาสตร์ที่ถูกบูชาคนหนึ่งก็คือ ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) ถึงขนาดมีคำเรียกกลุ่มคนผู้สมาทานแนวคิดทางปรัชญาและวิทยาศาสตร์ของนิวตันว่า Newtonian ศพที่จัดทำอย่างสมเกียรติในหลุมศพข้างๆกับเชื้อพระวงศ์และคนสำคัญอื่นๆ ตอกย้ำสถานะพิเศษของนิวตัน
การใช้นักวิทยาศาสตร์ในทางการเมืองก็เป็นอีกวิธีผ่านแนวคิดชาตินิยมที่สร้างการบูชาบุคคลขึ้นมา กรณีตัวอย่างเช่นปัญหาการค้นพบแคลคูลัสระหว่างนิวตันและไลบ์นิซ (Leibniz–Newton calculus controversy) เรื่องดังกล่าวทำให้เกิดการขิงใส่กันระหว่างคนอังกฤษกับเยอรมัน การยกย่องแนวคิดแบบนิวตันของนักปรัชญา นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสอย่าง Voltaire ก็เป็นอีกตัวอย่างที่สำคัญ
วิวาทะใครค้นพบแคลคูลัสก่อน ระหว่างนิวตันและไลบ์นิซ
แต่การบูชาบุคคลในฐานะดังกล่าวมีรากฐานจากการชื่นชมผลงานที่โดดเด่นและเปลี่ยนแปลงโลก หลายครั้งที่นักวิทยาศาสตร์บางคนถูกหลงลืมหรือไม่ได้มีการพูดถึงมากนักแม้ผลงานการค้นพบจะยิ่งใหญ่ระดับพลิกโลกเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ผู้พัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating current : AC) จึงมักมีการหยิบยกมาเป็นเรื่องเล่าสร้างบันดาลใจอยู่เสมอๆ
นักฟิสิกส์อย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นรูปใหม่ของการบูชาตัวบุคคล เขาถูกชูในฐานะนักวิทยาศาสตร์ซุปเปอร์สตาร์ หลังจากทฤษฎีสัมพัทธภาพของเขาได้รับผลการสังเกตการที่มียืนยันสมมติฐาน การมองโลกแบบเดิมของนิวตันถูกไอน์สไตน์มาแทนที่ ด้วยว่าการเป็นชาวยิวและอัจฉริยภาพด้านฟิสิกส์นำเขาสู่ออนทัวร์พบปะผู้คนมากมาย เหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวยิว (Holocaust) ซึ่งนี่ก็คือรูปแบบเครื่องมือทางการเมืองประเภทหนึ่งในการเรียกร้องอะไรบางอย่าง
สุดท้ายไอน์สไตน์ก็กลายเป็นไอคอนของวิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 20 ไป ภาพพจน์นักวิทยาศาสตร์ไว้หนวด หัวฟู พูดอะไรที่ดูเขาใจยากแต่น่าตื่นเต้น นักฟิสิกส์อีกคนที่ได้รับตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์สุดโด่งดังอีกคนมาจากอังกฤษ เขาก็คือสตีเฟน ฮอว์กิง ด้วยความที่เขาที่ปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถเดินได้ เนื่องมาจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือ ALS ทำให้เขาต้องนั่งรถเข็นตั้งแต่ยังเรียนปริญญาเอก
Albert Einstein (1879 – 1955)
แต่ความพกพร่องกลับเป็นพลังให้ฮอว์กิงมีเวลาศึกษาต่อยอดงานเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและหลุมดำในช่วงก่อนนอน ทั้งยังเขียนหนังสืออธิบายทฤษฎีฟิสิกส์ให้เข้าใจง่าย (ซึ่งจริงๆ ก็ยากพอควร) อีกทั้งมุมมองเรื่องพระเจ้า เอกภพ ทฤษฎีต่างๆทางฟิสิกส์ที่ฮอว์กิงพูดถึง (ผ่านการใช้ AI สังเคราะห์เสียง) ทำให้เขาเป็นอีกหนึ่งไอคอนแห่งศตวรรษที่ 21
Stephen Hawking (1942 – 2018)
สิ่งที่เราจะยกย่องบุคคลเหล่านี้แต่ไม่ถึงขั้นบูชาตัวบุคคล เพราะการบูชาตัวบุคคลทำให้เราหลงในตัวตนมากกว่าจะใส่ใจผลงานอันทรงคุณค่า คือการเรียนรู้ชีวิตของพวกเขาในฐานะ “คน” คนหนึ่งที่เกิดมา วิเคราะห์แง่บวกและลบ พร้อมๆกับการศึกษาผลงานของพวกเขาว่าสร้างอะไรให้กับโลก นำมาสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาและต่อยอด สุดท้ายแล้วก็ต้องตระหนักเสมอว่า โลกต้องการอัจฉริยะแบบนั้นเพียงคนเดียว เราต้องเป็นอัจฉริยะในทางของตนเอง สร้างความรู้วิทยาศาสตร์ใหม่ๆบนบ่าของยักษ์ก่อนหน้า
โฆษณา