10 พ.ค. 2022 เวลา 03:16 • ประวัติศาสตร์
“โดโรธี เอดี้ (Dorothy Eady)” หญิงชาวอังกฤษที่ชาติที่แล้ว เป็น “ชายา” ของฟาโรห์อียิปต์
“โดโรธี เอดี้ (Dorothy Eady)” เป็นหญิงชาวอังกฤษที่เกิดในปีค.ศ.1904 (พ.ศ.2447)
ขณะมีอายุได้สามขวบ เอดี้ได้ตกบันไดและเสียชีวิต
แต่หลังจากแพทย์ทำการตรวจและยืนยันว่าเอดี้เสียชีวิต เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง พ่อแม่ของเอดี้ก็โทรหาตน บอกให้ตนกลับมาดูเอดี้ เนื่องจากเอดี้ฟื้นแล้ว
1
แต่เมื่อฟื้นขึ้นมา เอดี้กลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
โดโรธี เอดี้ (Dorothy Eady)
ภายหลังจากฟื้นจากความตาย เอดี้ก็พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงต่างชาติ และมักจะนั่งอยู่ในครัว เอาแต่ร้องไห้ ขอให้พ่อแม่พาตนกลับบ้าน
1
นอกจากนั้น เธอยังมักจะฝันเห็นตึกหลังใหญ่ มีเสาขนาดใหญ่และสวนที่ใหญ่โต
เมื่อมีอายุได้สี่ขวบ พ่อแม่ได้พาเอดี้ไปพิพิธภัณฑ์บริติช (The British Museum) ซึ่งเอดี้ก็รู้สึกเบื่อ จนกระทั่งเธอเห็นรูปปฏิมากรรมอียิปต์
พิพิธภัณฑ์บริติช (The British Museum)
เอดี้ได้กอดรูปปฏิมากรรมเหล่านั้น และไม่อยากออกไปจากพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งยังบอกพ่อกับแม่ว่านี่คนผู้คนของเธอ
เมื่อมีอายุได้เจ็ดขวบ เอดี้ได้เห็นภาพวิหารของฟาโรห์เซติที่ 1 (Temple of Seti I) และรีบไปบอกพ่อกับแม่ว่า ตนได้พบบ้านแล้ว
เอดี้ยังบอกอีกว่าที่นี่ เมื่อก่อนมีต้นไม้มากกว่านี้ และมีสวนที่สวยงามข้างวิหาร
เมื่อโตขึ้น เอดี้ได้แต่งงานกับชาวอียิปต์และย้ายไปอยู่อียิปต์ และเริ่มจะฝันประหลาดๆ ทำให้ทราบถึงที่มาที่แท้จริงของตน
1
วิหารของฟาโรห์เซติที่ 1 (Temple of Seti I)
จากความฝันนั้น เธอเคยเกิดมาเมื่อ 3,300 ปีก่อน โดยชื่อของเธอในชาติก่อนก็คือ “เบนทริไชต์ (Bentreshyt)” โดยมีพ่อเป็นทหาร และแม่เป็นแม่ค้าขายผัก
เมื่อมีอายุได้สามขวบ ผู้เป็นแม่ได้เสียชีวิต ส่วนพ่อก็ยกเบนทริไชต์ให้กับวิหาร
เมื่อมีอายุได้ 12 ขวบ นักบวชระดับสูงได้ให้เบนทริไชต์เลือก ระหว่างออกไปจากวิหาร หรือจะบวชเป็นภิกษุณี
ต่อมา “ฟาโรห์เซติที่ 1 (Seti I)” ได้เสด็จมาทอดพระเนตรการก่อสร้างวิหาร และพบกับเบนทริไชต์
ฟาโรห์เซติที่ 1 (Seti I)
ความสาวและสวยของเบนทริไชต์เป็นที่ต้องพระทัยฟาโรห์เซติที่ 1 และทั้งคู่ก็มีสัมพันธ์กันจนเบนทริไชต์ตั้งครรภ์
ข่าวลือเรื่องการตั้งครรภ์ของเบนทริไชต์นั้นเป็นที่ร่ำลือไปทั่ววิหาร และโทษทัณฑ์ก็มีเพียงสถานเดียว นั่นคือ “ความตาย”
เพื่อปกป้องฟาโรห์ที่รักจากความอับอาย เบนทริไชต์จึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย
1
นั่นคือเรื่องราวที่เอดี้ระลึกได้จากความฝัน แต่ด้วยความหมกมุ่นในเรื่องราวของอียิปต์ ทำให้สามีของเอดี้ทนไม่ไหว และหย่าขาดจากเอดี้ในที่สุด
2
ภายหลังจากหย่ากับสามี เอดี้ก็อุทิศชีวิตให้กับการศึกษาเรื่องราวของอียิปต์โบราณ และได้งานทำในบริเวณแหล่งโบราณสถาน ใกล้กับวิหารของฟาโรห์เซติที่ 1 ในอียิปต์
1
ได้มีนักโบราณคดีอยากทดสอบเอดี้ จึงให้เอดี้นั่งอยู่ในห้องมืด และขอให้เอดี้ลองอธิบายวัตถุโบราณที่อยู่ในวิหารของฟาโรห์เซติที่ 1
1
ปรากฎว่าเอดี้สามารถอธิบายลักษณะของรูปวาดและวัตถุโบราณต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ สร้างความประหลาดใจให้เหล่านักโบราณคดี เนื่องจากมีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าในวิหารนั้นมีอะไร
1
นอกจากนั้น นักโบราณคดียังพบซากสวนใกล้กับวิหาร ซึ่งอยู่ในจุดเดียวกับที่เอดี้กล่าวอ้างเมื่อ 50 ปีก่อน
จากนั้น นักโบราณคดีต่างก็ให้ความเชื่อถือในตัวของเอดี้เป็นอย่างมาก และความรู้ของเอดี้ ก็ช่วยไขปริศนาต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ
2
ภายหลังจากเกษียณ ลูกชายได้ขอให้เอดี้ย้ายไปอยู่กับตนที่คูเวต แต่เอดี้ได้ปฏิเสธ เนื่องจากสำหรับเธอ ที่ตายของเธอคืออียิปต์ ใกล้กับวิหารของเธอเท่านั้น
1
เอดี้ได้ออกจากชีวิตสุขสบายที่อังกฤษ เพื่อมาอยู่กระท่อมเล็กๆ ในอียิปต์ และสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคน
เอดี้เสียชีวิตในปีค.ศ.1981 (พ.ศ.2524) ด้วยวัย 77 ปี ทิ้งเพียงปริศนาว่าทุกเรื่องของชีวิตเธอนั้น เกิดจากการระลึกชาติจริงๆ หรือเป็นเพียงความหลงใหลในอียิปต์เท่านั้น
2
โฆษณา