Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
2read
•
ติดตาม
9 พ.ค. 2022 เวลา 00:00
“แฟนตา” เบอร์ต้นน้ำสีที่มีต้นกำเนิดมาจากวิกฤติระดับสงครามโลก
กับการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยที่ผ่านมาแล้วกว่า 80 ปี
แต่ต่อให้เป็นไอเดียดีๆ จากแบรนด์ชื่อเสียงยาวนาน
ความผิดพลาดก็ยังเกิดขึ้น หากแค่ “หลุดคอนเซ็ปต์” เท่านั้นเอง!
“แฟนตา” ด้วยสงครามจำต้องซ่า
บทความจากคอลัมน์ "The Good Old Brand" บนแอป 2read
ในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม
หากไม่นับประเภท “น้ำดำ” เบอร์ต้นๆ ของ “น้ำสี” ในบ้านเรา
คงไม่พ้น “แฟนตา” ของ โคคา-โคลา ผู้ผลิต “โค้ก” จากอเมริกา
และเริ่มเข้ามาในบ้านเราภายหลังการก่อตั้ง ไทยน้ำทิพย์
โรงงานผลิตโค้กและตัวแทนอย่างเป็นทางการของโคคาโคลา
เมื่อปี 2502 โดยมีแฟนตาน้ำส้มเป็นรสเด่น
และก็เป็นแบบนั้นในหลายประเทศทั่วโลกมานานหลายสิบปี
ในปัจจุบันไม่ทราบเหมือนกันว่าทั้งไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์
ตัวแทนผลิต-จำหน่ายในบ้านเรา
ใช้ส้มจากไหนในการปรุงแฟนตารสนี้
แต่ส่วนใหญ่ในโรงงานต่างแดน มักได้มาจากท้องถิ่น
ไม่ต่างจากต้นไอเดียในการคิดค้นสูตรน้ำหวานผสมความซ่าแบรนด์นี้
และถึงจะผลิตโดยโคคาโคลา
แฟนตาก็ไม่ได้เกิดที่อเมริกา
แต่เป็นเยอรมนีในช่วงที่กำลังมีอเมริกาเป็นหนึ่งในคู่สงครามเสียด้วย
โดยความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับนายแม็กซ์ คีท
ผู้จัดการทั่วไปของโรงงานโคคาโคลาในเยอรมนี
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
แบบที่ไม่ใช่เขียนเปรียบเปรยเอาเท่
แต่มันเป็นแบบนั้นจริงจังพันเปอร์เซ็นต์
ในปี 2483 เมื่อเยอรมนีภายใต้การนำของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
รุกรานประเทศอื่นจนก่อเป็นสงครามโลก ระบบขนส่งไม่ปกติ
โรงงานโคคา- โคลาของนายคีทจึงได้รับผลกระทบไปด้วย
เพราะส่วนประกอบสำคัญในการผลิตเครื่องดื่มโค้กของตน
ถูกปิดกั้นเดินทางมาไม่ได้
นายคีทจึงหาทางแก้ไข
ด้วยการค้นหาของใกล้ตัว-ส่วนประกอบที่พอจะหามาทดแทนกัน
แล้วในที่สุดเขาก็ใช้ทั้งผลชูการ์บีต โปรตีนจากชีส
กับกากแอปเปิล เอามาเคี่ยวแล้วเคี่ยวเล่า
ก่อนจะได้น้ำหวานชนิดใหม่คล้ายกับโคคาโคลา
และจากการระดมช่วยกันคิดชื่อโดยพนักงาน
สุดท้ายนายคีทก็จัดให้มันเป็นเครื่องดื่ม “เหนือจินตนาการ”
หรือ Fantasy โดยนำมาตัดทอนลงจนเป็นชื่อ Fanta
ผลปรากฏก็คือแม้จะไม่มีโค้กออกขาย
แต่แฟนตาก็ยังคงทำตลาดให้กับโคคาโคลาในเยอรมนี
แค่เพียงปี 2486 ก็ขายได้ถึง 3 ล้านขวด
เพราะนอกจากใช้ดื่มแล้ว
ด้วยสงครามทำให้น้ำตาลขาดแคลน
มันจึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุณแม่บ้านเยอรมัน
นิยมนำไปใช้แทนความหวานสำหรับการปรุงอาหารอีกด้วย
นอกจากนั้น เมื่อโรงงานโคคาโคลาในอัมสเตอร์ดัม
พบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบแบบเดียวกับในเยอรมนี
นายคีทก็เข้าไปดูแล และใช้วิธีเดียวกันกับแฟนตา
โดยค้นหาวัตถุดิบจากท้องถิ่นมาทดแทน
แฟนตาของดัตช์จึงมีสูตรต่างออกไป
เพราะใช้เอเดอร์เบอร์รีที่มีสีม่วงเป็นหนึ่งในวัตถุหลักของการผลิต
และก็เป็นเพราะสงครามอีกเช่นกัน
ที่โรงงานโคคาโคลาในเยอรมนีถูกตีตราว่า
เป็นทรัพย์สินของศัตรูจึงทำการเข้ามายึด
ส่วนนายคีทก็โดนนายพันนาซีบังคับให้เปลี่ยนชื่อโรงงาน
แต่เขาก็ยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยน
โชคดีที่นายพันรายนั้นเกิดเครื่องบินตกตายเสียก่อน
นายคีทจึงรอดมาได้จนสงครามยุติลงในปี 2488
แต่ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่บริษัทแม่ของโคคาโคลาในอเมริกา
ทำการปิดโรงงานในเยอรมนี รวมทั้งในเนเธอร์แลนด์
แฟนตาจึงหายไปจากโลกนับแต่วันนั้น
จนกระทั่งในคริสต์ทศวรรษที่ 50
การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมเริ่มเป็นไปอย่างเข้มข้น
โดยมีเป๊ปซี่เป็นคู่แข่งสำคัญของโค้ก
และเริ่มรุกด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ๆ
ในขณะที่โคคาโคลามีแค่น้ำดำต้นตำรับ
จึงตัดสินใจนำสูตรของแฟนตากลับมาปรับแต่งแล้วผลิตออกมาอีกครั้ง
กลายเป็นแฟนตาน้ำส้มในปี 2498
ซึ่งก็คือจุดเริ่มต้นของแฟนตาอย่างที่เรารู้จักกันในวันนี้
โดยเริ่มกันที่อิตาลี ด้วยการนำส้มจากเนเปิลส์มาเป็นวัตถุดิบสำคัญ
แต่ในอเมริกา ด้วยเหตุผลว่า
กลัวมันจะมาแย่งยอดขายเบอร์หนึ่งอย่างโค้กของตัวเอง
โคคาโคลาจึงไม่ได้มีการผลิตแฟนตาออกมา
จนกระทั่งในคริสต์ทศวรรษที่ 60
แต่ก็ไม่ได้ทุ่มโปรโมทจริงจัง ขายได้แต่ไม่ได้ดีมาก
ก่อนจะเปลี่ยนใจมาทุ่มการตลาดเมื่อราว 20 กว่าปีก่อน
จึงสามารถขึ้นมาอยู่ในท็อปเทน ซึ่งผิดกับประเทศอื่น
แฟนตาได้รับความนิยมมากกว่านั้น
แค่เฉพาะในบ้านเราก็อยู่ในท็อป 3 ของตลาดน้ำอัดลมมาหลายปี
เช่นในปี 2560 ก็ทำส่วนแบ่งในตลาดได้พอกันกับเป๊ปซี่
ทุกวันนี้แฟนตาใน 200 ประเทศมีมากถึง 70 รส
และความเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่แบรนด์นี้คอยเอาใจใส่ปรับตามอยู่เสมอ
ในขณะที่โลโกโค้กของโคคาโคลาแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน
แต่ตลอดกว่า 80 ปีกับแบรนด์ของน้องคนโตอย่างแฟนตา
โลโกที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็เป็นแบบที่ 12 เข้าไปแล้ว
เช่นเดียวกับรูปทรงขวดก็มีหลายแบบ-ขนาด รวมทั้งสไตล์
อย่างเช่นตอนนี้ก็ล้ำถึงขนาดมีขวดบิด
หรือ “ทวิสต์” เพื่อเอาใจกลุ่มเป้าหมายของแฟนตาเต็มที่
" ‘แฟนต้า’ โดดเด่นไปด้วยสีสัน ความสนุกสนานมีชีวิตชีวา
ที่สนับสนุนให้วัยรุ่นกล้าที่จะหลุดพ้นจากกรอบกิจวัตรประจำวันที่จำเจ
และออกมาใช้จินตนาการเติมสีสันให้ชีวิตกันกับ ‘แฟนตา’..."
คือสิ่งที่แฟนตาประกาศไว้บนเฟซบุ๊ก
และก็เป็นแนวคิดเดียวกันในการทำการตลาดของทุกประเทศ
ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นมัธยมไปจนถึงเฟรชชีมหาวิทยาลัย
แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่หลุดไปจากสิ่งที่อธิบายเอาไว้
และก็มีปัญหาพอสมควร
เมื่อแฟนตาในเยอรมนี
ต้นกำเนิดของมันดันไม่แสดงความเป็นปัจจุบัน
หรืออนาคตตามแนวคิดเอาใจวัยรุ่น
แต่ดันย้อนอดีตไปไกลถึงยุคต้นของแฟนตา
เมื่อปี 2558 หรือในวาระครบรอบ 75 ปี
ที่แฟนตาถือกำเนิดขึ้นมาโดยนายคีท
ที่นั่นจึงมีการเฉลิมฉลอง
ด้วยการออกแฟนตาชนิดหวานน้อยที่มาในขวดกับโลโกเก่า
ซึ่งดัดแปลงจากดีไซน์ของ เรย์มอนด์ โลวี
ชาวอเมริกัน-ฝรั่งเศสเมื่อปี 2498
นัยว่าเพื่อจะย้อนระลึกถึง “วันเก่าดีๆ”
และก็ทำได้ดี จนได้รางวัล “บรรจุภัณฑ์แห่งปี”
จากเยอรมันแพ็กเกจจิงมิวเซียมในปีนั้น
แต่ก่อนหน้าที่ดีไซน์ของมันจะได้รับการยกย่อง
ในตอนแรกที่แคมเปญนี้ถูกปล่อยออกไป
แม้จะไม่ได้เป็นขวดกับโลโกดั้งเดิมตามที่ผลิตครั้งแรก
แต่แฟนตาเอดิชันพิเศษ
กลับสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันให้ขรมถึงความเหมาะสม
เพราะถ้าย้อนไปถึงตั้งแต่ต้นกำเนิดในปี 2483
มันไม่น่าจะใช่วันวานแสนดีอย่างที่โฆษณา
แต่แฟนตาคือเครื่องดื่มที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงเวลาหายนะ
จากประเทศผู้ให้กำเนิดที่กำลังก่อสงครามครั้งเลวร้ายสุดๆ
ในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติมากกว่า
ในที่สุดต้นสังกัดจึงต้องเลิกประชาสัมพันธ์แบบนั้น
พร้อมกับรีบออกมาขอโทษต่อสาธารณชน
ทุกวันนี้แฟนตาสารพัดรสราว 130 ล้านขวด
ถูกผลิตขึ้นทุกวันบนโลก
แต่ต่อให้เป็นแบรนด์ใหญ่แค่ไหน ขายดีสักเท่าไร
ทุกการกระทำก็ยังต้องแม่นในคอนเซ็ปต์ของตัว
และความละเอียดก็ยังจำเป็นเสมอ
สำหรับทุกช่วงเวลาของทุกแบรนด์
เรื่องและภาพ : สืบสกุล แสงสุวรรณ
อ่านเพิ่มเติม
2read.digital
THE GOOD OLD BRAND
“แฟนตา” ด้วยสงครามจำต้องซ่า
เติมอาหารสมองและพลังใจด้วยคอนเทนต์สาระจาก 2read
กดถูกใจ กดติดตามเพจ กดไลค์โพสต์นี้ให้เราด้วยนะคะ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย