9 พ.ค. 2022 เวลา 05:19 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องน่ากลัว
ผู้หิวโหย...
ในโลกมนุษย์ สิ่งที่มองไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง และสิ่งที่มีอยู่จริงก็ใช่ว่าจะต้องมองเห็นได้ด้วยตาเสมอไป เพราะในโลกนี้ยังมีสิ่งลี้ลับอีกมากมายที่เกินญาณสัมผัสของมนุษย์ที่จะไปถึงได้
แต่หลายครั้งสิ่งลี้ลับที่ปกติจะไม่ปรากฏให้คนทั่วไปได้เห็น กลับสำแดงพลังบางอย่าง หรือแสดงความ "มีอยู่จริง" ออกมา โดยมากมักขึ้นอยู่กับสถานที่หรือความเข้มแข็งของ"เจตภูต"ของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน
ในส่วนของสถานที่ หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "ทางผีผ่าน" มาพอสมควร ซึ่งว่ากันว่ามักจะเป็นทางสามแพร่งหรือว่าเป็นสถานที่ๆสิ่งลี้ลับเหล่านั้นมักจะมาสิงสู่และมาปรากฏให้เห็นซ้ำๆกัน นัยว่าเป็นทางผ่านไปสู่อีกมิติหนึ่ง หรือในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งแน่นอนย่อมมิใช่โลกของมนุษย์
มีเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับดวงวิญญาณที่กำลังหิวโหย ได้มาปรากฏกายให้ผู้ที่อยู่อาศัยในสถานที่แห่งนั้นขวัญผวาจนถึงกับขนาดอยู่ไม่ได้!!
ย้อนไปเมื่อประมาณปลายปี 2549 ณ หอพักใหม่เอี่ยมอ่องแห่งหนึ่งในสมัยนั้น อยู่ติดกับวัดดังแห่งหนึ่งย่านหนองจอก ใกล้กับคลองแสนแสบ กทม.
มีหนุ่มสาวคู่ใหม่ปลามันคู่หนึ่งได้เข้ามาหาห้องว่างเพื่อที่จะพักอาศัย แต่หอพักแห่งนี้มีห้องว่างเหลืออยู่เพียงห้องเดียว ชั้นล่าง อยู่ติดกับกำแพงวัดเสียด้วย แต่หนุ่มสาวคู่นี้ก็ตกลงพักโดยที่ไม่คิดอะไรมากเพราะเห็นว่าราคาถูกและสงบเงียบดี
แต่จู่ๆในคืนหนึ่งก็เกิดเรื่องเขย่าขวัญสั่นประสาทขึ้นที่ห้องแห่งนี้!!
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงัดคืนนั้น จะมีก็แต่เสียงหริ่งหรีดเรไรที่สอดแทรกขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังดูวังเวง เพราะนอกเหนือจากเสียงดังกล่าวแล้วก็แทบไม่มีเสียงอื่นใดที่สามารถปลุกเทพีแห่งราตรีกาลอันแสนสงบให้ตื่นขึ้นจากภวังค์อันหลับไหลได้
แม้แต่เสียงลมพัดใบไม้ไหวก็ยังแทบไม่มี…แต่สักพักไม่กี่อึดใจนักก็แว่วเสียงหนึ่งดังขึ้น…
"ก๊อกๆ" เสียงดังคล้ายคนเคาะประตูหน้าห้อง 2 ครั้งที่ห้องหนุ่มสาวคู่นั้น แล้วก็เงียบไป ไม่เพียงพอที่จะทำให้หนุ่มสาวตื่นขึ้นมาได้
แต่อีกสักพักกลับมีเสียงที่ทำลายความเงียบนั้นดังขึ้นอีกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คราวนี้ดังชัดเจน เป็นเสียงเปิดฝาหม้อข้าวที่วางอยู่ในห้องของสองหนุ่มสาวอย่างขลุกขลักรีบร้อน ลักษณะคล้ายคนที่กำลังหิวสุดๆ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความมืดมิด!!
วินาทีดังกล่าว หญิงสาวผู้ซึ่งนอนอยู่ใกล้กับหม้อหุงข้าวสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นทันที แต่ก็ยังไม่กล้าผลีผลามทำอะไร ขณะที่คู่ของเธอยังงัวเงียแม้ว่าจะรู้สึกตัวเช่นกัน โดยฝ่ายหญิงเกาะกุมมือฝ่ายชายไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว เพราะแน่ใจว่าประตูหน้าต่างห้องถูกล็อคอย่างแน่นหนาแล้ว ใครเล่าจะเข้ามาได้ ส่วนฝ่ายชายนั้นพาลคิดไปว่า น่าจะเป็นพวกนกหนูแอบเข้ามาหาเศษหาอาหารกินภายในห้องเสียมากกว่าโดยลืมนึกไปว่าห้องหับก็ปิดมิดชิด ไม่มีซอกหลืบหรือรูใดๆที่นกหนูดังกล่าวจะแอบเล็ดลอดเข้ามาได้ หรือถ้าเป็นหนู ก็ต้องเป็นหนูแสนรู้ตัวเท่ากับแมว จึงจะสามารถมีกำลังมากพอที่จะเปิดฝาหม้อข้าวในลักษณาการเช่นนั้น
แต่ให้ตายเถอะ…จริงๆแล้วนั่นมันเป็นเสียงคนที่กำลังเปิดฝาหม้อหุงข้าวชัดๆ!!
วินาทีต่อมาชายหนุ่มค่อยๆขยับตัวควานหาเครื่องทุ่นแรงใกล้ๆมือแต่ไม่เจออะไรที่คิดว่าใช้เป็นอาวุธได้…เผอิญคลำไปคลำมาคว้าได้ไม้ตียุงอันหนึ่ง
"เอาก็เอาวะ ดีกว่าไม่มีอะไรเลย"  ชายหนุ่มคิดพลางคว้าไม้ตียุงนั้นมากำไว้ในมือแน่น ส่วนอีกมือหนึ่งค่อยๆเอื้อมไปกดสวิตช์โคมไฟหัวนอนทันที!! ปรากฏว่าเงียบ…ว่างเปล่า ไม่เห็นอะไรแม้แต่มดแมลง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
ชายหนุ่มขนลุกซู่ ส่วนฝ่ายหญิงไม่ต้องพูดถึงเพราะหล่อนตัวสั่นงันงก เป็นไปได้อย่างไร ก็เมื่อกี้มีเสียงเหมือนคนกำลังเปิดฝาหม้อหุงข้าวอย่างร้อนรน แต่วินาทีต่อมากับไร้ร่องรอยใดๆ ฝาหม้อข้าวก็อยู่ที่เดิม ปิดสนิทอย่างเรียบร้อย เหมือนไม่มีใครแตะต้อง มองดูโดยรอบก็ไม่มีเมล็ดข้าวตกลงบนพื้นแม้เพียงสักครึ่งเมล็ด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เสียงแห่งความหิวโหยที่ลนลานเปิดฝาหม้อข้าวยังดังก้องอยู่ในโสตประสาทของทั้งคู่ หนุ่มสาวมองหน้ากันเหรอหรา จับมือกันแน่น ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่าทั้งคู่เจอดีเข้าให้แล้ว!!
ตัดสินใจปิดสวิตช์ไฟลงอีกครั้งและนอนคลุมโปงกอดกันกลมพลางท่องบทสวดมนต์ที่พอจะจำกันได้ ซึ่งวินาทีนั้นก็คงจะต้องท่องผิดบ้างถูกบ้าง
แต่คุณพระช่วย!! พอแสงจากโคมไฟที่สว่างกลับมืดลงดังเดิม คราวนี้เสียงดังกล่าวเกิดดังขึ้นอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับจันทร์เต็มดวงพอดีส่องแสงลอดเข้ามาทางหน้าต่างกระจกห้อง ทำให้พอมองเห็นร่างชายสูงใหญ่รางๆคล้ายคนสมัยโบราณ หัวเกือบติดเพดานห้อง เปลือยท่อนบน กำลังก้มลงเปิดฝาหม้อหุงข้าวโดยที่ขาทั้งสองข้างนั้นลอยอยู่เหนือพื้น!!
หนุ่มสาวทั้งคู่อยากจะตะโกนร้องออกมาให้ลั่นหอพัก แต่แปลกที่วินาทีนั้นมันเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอหอย จะร้องยังไงก็ร้องไม่ออก หนำซ้ำร่างเจ้ากรรมยังหันมายิ้มให้ทีหนึ่งอย่างชวนขนหัวลุก…แต่ไม่นานร่างนั้นก็หายวับไป!
รุ่งเช้า คู่หนุ่มสาวรีบเล่าให้คนที่พักอยู่ห้องข้างๆฟังด้วยความหวาดกลัว คำตอบที่ได้จากเพื่อนข้างห้องก็คือ ห้องนี้คนที่เคยมาอยู่ก่อนหน้าก็เคยโดนเหมือนกัน และเคยโดนตอนกลางวันแสกๆเสียด้วยซ้ำ เหมือนถูกผีอำ เพราะเห็นเด็กๆไว้ผมจุกมาวิ่งเล่นรอบเตียงขณะที่กำลังนอนอยู่ โดยเฉพาะในวันที่เขารู้สึกไม่สบาย วันนั้นแหละโดนหนักที่สุด จนอยู่ไม่ได้เลยย้ายออกไป
โบราณเขาว่ากันว่า คนเราเวลาที่จิตอ่อนแอ หรือที่เรียกกันว่าจิตตก รวมทั้งร่างกายอ่อนแอมากๆ มักจะเจอกับสิ่งลี้ลับที่ปกติจะไม่ปรากฏตัวให้เห็น มาแสดงตนเสมอๆ หรือไม่ก็อยู่ในสถานที่ๆสิ่งลี้ลับนั้นชอบสิงสถิตและเป็นทางผ่านหรือทางที่ไปสู่ในอีกมิติหนึ่ง
แต่ทั้งหมด มนุษย์ทั่วไปก็ยังมีญาณสัมผัสอันจำกัดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ส่วนที่แน่ๆ…คู่หนุ่มสาวรีบย้ายหนีจากที่นั่นในทันที!!!
ศาสตรา สุมาลยศักดิ์/เรื่อง
trueid intrend/ภาพ
โฆษณา