9 พ.ค. 2022 เวลา 06:13 • ปรัชญา
#ดูแลพ่อแม่
“ไม่ใช่ภาระ”
#แต่เป็นหน้าที่.....
และการสร้างบุญครั้งยิ่งใหญ่ .
#การกตัญญูดูแลพ่อแม่
และครอบครัวไม่ใช่ภาระ
แต่เป็นหน้าที่ และคือบุญที่ยิ่งใหญ่
หลายคนบ่นว่าเหนื่อย และหมดกำลัง
ในการเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ชรา หรือท่านป่วย
การดูแลลูก สามีภรรยา บริวารทั้งหลาย
ลองมองด้วยจิตที่มีกุศล
การดูแลอุ้มชูเหล่านั้น
#เป็นการสร้างบุญที่ใหญ่มาก
ทำบุญกับพ่อแม่ดีกว่าคนอื่น
หรือที่ไหนทั้งสิ้น
ในทางโลกล้วนได้รับการสรรเสริญ
ในทางธรรมล้วนได้รับการยกย่อง
ทำบุญกับลูกด้วยมิหวังผล
ไม่ได้คิดว่าจะได้อะไรตอบแทน
เต็มบุญเลยที่ได้ทำ
แม้แต่สัตว์เลี้ยงหรือไม่ได้เลี้ยง
เราให้อาหาร
ให้ความรักเลี้ยงดู ให้เมตตา
ไม่ได้หวังผลตอบแทน เพียงเห็นเขาอิ่ม
มีความสุข
จิตใจเรามีแต่สูงขึ้นๆๆๆ
กิเลสไม่ดีแทรกตัวยาก
อย่ามองว่าเป็นภาระ
แต่มองว่า…
เรากำลังสร้างบุญ
ที่ยิ่งใหญ่…
#พระคุณพ่อ-พระคุณแม่
#คนเราทุกคนเมื่อเกิดมาแล้ว จะมีพระผู้ให้อยู่
๒ ท่านคือ พระคุณพ่อ และ พระคุณแม่ ท่านทั้ง
สองจะเป็นผู้ให้เราตั้งแต่เกิดโดยไม่หวังสิ่งตอบ
แทนใด ๆ เลยเพียงเพื่อให้ลูกนั้นเติบโตมีความสุข
มีการศึกษา และเป็นพลเมืองดีดังคำกล่าวที่ว่า
– พ่อแม่เป็นพระพรหมของลูก กล่าวคือ มีความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
– พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก กล่าวคือ สอนให้พูด และอบรมความรู้เบื้องต้นให้เลือก – พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก กล่าวคือเป็นผู้มีอุปการะมากมีพระเดชพระคุณมากเป็นเนื้อนา
บุญของลูก และเป็นผู้ควรรับการนมัสการจากลูก
#ถ้าเปรียบพ่อแม่ดั่งเทียนไขแล้ว พ่อแม่บางคนต้องลุกจุดไฟเผาตนเองตั้งแต่เช้ามืด เพื่อออกไปทำงานหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว และเก็บไว้ส่วนหนึ่งเป็นค่าตำราทุนการศึกษาให้แก่ลูก
#พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของเรา
สรุปโดยย่อ คือ
๑. เป็นต้นแบบทางกาย คือ การที่เราเกิดมาได้ก็เพราะต้นแบบ คือ มีพ่อกับแม่ถ้าไม่มีท่านทั้งสองเราก็ไม่สามารถเกิดมาได้ อีกทั้งท่านยังเป็นต้นแบบที่ดี คือความเป็นมนุษย์ จึงทำให้เราเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยเพราะถ้าพ่อแม่ของเราเป็นสัตร์ เราก็จะเกิดเป็นสัตว์ด้วย
#โชคดีที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้ร่างที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย เพราะสามารถใช้ความรู้ความสามารถประกอบคุณความดีได้เต็มที่ ทั้งนี้ก็เพราะเรามีพ่อแม่เป็นต้นแบบทางกายให้นั่นเอง
๒. เป็นต้นแบบทางใจ คือ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอม อบรมสั่งสอน ปลูกฝังกิริยามารยาท ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก
#พระคุณพ่อแม่เป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีพระคุณมากแล้ว ยิ่งท่านอบรมเลี้ยงดูเรามา เป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกอนันต์ พ่อแม่บางคนทำงานหามรุ่ง-หามค่ำ อาบเหงื่อตากน้ำสุดแสนจะเหนื่อย แต่ก็ต้องทนลำบากเพื่อลูก เปรียบดั่งเทียนไข เมื่อเริ่มจุดไฟแล้วเทียนเล่มนั้นจะค่อย ๆ ละลายตังเองลงไปทุกวินาที เทียบบางเล่มยังคงสว่างไสวอยู่มาก
#เปรียบดั่งพ่อแม่อยู่ในวัยกลางคนแล้ว และเทียนบางเล่มที่ริบหรี่ลงเมื่อถูกลมพัด เปรียบดั่งพ่อแม่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีปัญหาในการทำงาน แต่ก็พยายามหอบสังขารไปทำงานหาเช้า-กินค่ำเพื่อลูก แต่เทียนบางเล่มได้ถูกพายุร้ายพัดดับลงเสียแล้ว นั่นหมายถึงชีวิตของท่านทั้งสองได้จากเราไปสู่สุคติแล้ว
#ดังนั้น เราผู้ซึ่งเป็นลูกจึง ควรมีความสำนึกในพระคุณอันใหญ่ หลวงนี้โดย การตอบแทน พระคุณ ท่านทั้งสอง เปรียบดั่งหนังสือเล่มนี้หากมีความดีอยู่บ้าง ก็ขอมอบความดีเหล่านี้แด ่คุณพ่อคุณแม่ ่ที่ ่เป็นครู คนแรกของลูก( พรจากพระองค์ใดไม่ประเสริฐเท่าพรจาก พระคุณพ่อ-พระคุณแม่ )
(สมเด็จโต พรหมรังสี)
#ลูกเอ๋ย…ยามที่พ่อแม่ของเจ้ามีอายุมากขึ้น ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความแข็งแรงของร่างกายที่เคยมีก็ลดลง ใจน้อยง่าย ความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม จิตใจก็หมดความสุขสดชื่น ถึงแม้พวกเจ้าจะคอยเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดสักเพียงใดก็ตาม
#ก็ไม่อาจช่วยให้พ่อแม่ของเจ้ามีความสุขได้เต็มที่ เพราะพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เจ้าช่วยท่านให้ได้รับความสุขเพียงการให้กินอยู่หลับนอน อันเป็นความสุขทางกายเท่านั้น แต่จิตใจของท่าน หาได้ร่าเริงสดชื่นผ่องใสไม่ เจ้าจงจำไว้ว่า การให้ความสุขแก่พ่อแม่อย่างแท้จริงก็คือ การให้ธรรมะ
#ด้วยการสอนหลักธรรมง่ายๆให้พ่อแม่ของเจ้า พาท่านไปทำบุญทำทาน สอนท่านให้รู้จักการปฏิบัติบูชา สวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา ธรรมะจะอยู่ในจิตใจของพ่อแม่เจ้าทุกภพทุกชาติ ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณที่สูงสุด เจ้าจงจำไว้นะลูกเอ๋ย !…
: ธ.ธรรมรักษ์
#พระธรรมวิทยากร กรมการศาสนา
กระทรวงวัฒนธรรม
#เครือข่ายธรรมะโอดี#พระวิทยากรต้นแบบสันติภาพ รุ่นที่ ๒
โฆษณา