9 พ.ค. 2022 เวลา 09:02 • ครอบครัว & เด็ก
เชื่อหรือไม่ว่าคุณอาจตกอยู่ในสถานการณ์นี้ได้โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลย คุณกลายเป็นคนที่เพื่อนสนิท หรือญาติของเพื่อนรู้สึกหมั่นไส้คุณ หรืออิจฉาคุณ ถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวนี้คุณจะวางตัวอย่างไร
1.ให้คุณลองเปิดใจกว้างลองเปิดใจ เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อนคนอื่นที่มีต่อตัวคุณบ้างว่า เค้าเคยแอบคิดกับคุณแบบนี้บ้างหรือไม่ และอย่างไร หรือถามตัวเองว่าคุณมีอะไร หรือบังเอิญไปเผลอทำอะไรที่้เกิดเป็นผลงานที่เลอเลิศกว่าเค้าไปนิดๆหน่อยๆโดยที่คุณก็ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใครเลยแต่ถ้าได้ลองคิดพิจารณาว่าที่เราทำนั้นมันดีกับทั้งตัวเองและไม่ได้
คิดจะกระทบใคร ก็ทำไปเถอะค่ะ
2.ให้คุณลองหาโอกาสคุยกับเค้าแบบเปิดเผย ตรงไปตรงมา เชื่อว่าน่าจะทำให้เค้ารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง (คิดแบบคนมองโลกแง่ดีนะ) ว่าคุณคิดอะไรอยู่และทำแบบนั้นไปทำไม แต่อย่าได้หลงคิดไปเองนะว่า เค้าจะเป็นอย่างที่คุณคิด เพราะถ้าหากเค้าไม่คิดแบบนั้นหรือเป็นคนประเภทที่ว่าแพ้ใครไม่ได้ ฉันต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ บอกได้คำเดียวว่าจบ คุณจงล้มเลิกความคิดนั้นซะเถิด และคิดไปได้เลยว่าคุณเปลี่ยนตัวเองง่ายกว่า คือ ถ้าปรับตัวแล้ว เค้ายังไม่ยอมลงมาจากหอคอยงาช้างก็เลิกเถอะนะ อย่าได้เสียเวลากับคนประเภทนี้เลย เลิกคบไป
ง่ายกว่า จะได้ไม่มีอะไรมารบกวนสมองและหัวใจ เอาเวลาที่มีค่าไปทำอะไรที่สร้างสรรค์ให้ตัวเองจะดีกว่า หรือไปคบเพื่อนที่มีทัศนคติที่ใกล้เคียงกันจะเหมาะ
สมกว่า
3. ลองปรับตัวเข้าหาญาติของเพื่อนหรือคนที่เค้ารักบ้างตามสมควร ถ้าเค้าใจกว้างพอ คุณก็เรียกว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง แต่ถ้าแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังใจคอคับแคบหรืออาจแภมยุแยงตะแคงรั่ว ก็สรุปได้เลยว่าถอยๆดีกว่า ไม่เอาๆๆดีกว่า คุณก็ควรจะหยุดซะเพราะทำไปก็จะกดดันตัวเองเปล่าๆ เสียเวลาไม่ได้เกิดข้อดีอะไรกับสุขภาพจิตเลย
4. หาเพื่อนรุ่นเดียวกันกับผู้ใหญ่คนนั้นได้พูดคุย ผ่อนคลาย ซึ่งอาจจะได้ผลดีเกินความคาดหมาย เพราะว่าหลายครั้งที่พบว่า ผู้ใหญ่ที่ขาดเพื่อน อยู่ประกบติดตัวลูกหลานอยู่เสมอ แบบหวงลูกกลัวคนอื่นจะมาแย่งความรัก มักส่อเค้าลางที่เกิดการปิดกั้นความคิด จิตใจมืดมนคับแคบ จนหล่อหลอมให้เกิดความอิจฉาเพื่อนลูก อาจจะอิจฉาแทนลูกได้ในบางกรณีด้วยซ้ำ จนเกินเลยบางรายถึงขั้นสอนสั่งให้ลูกไปเกลียดคนที่จะก้าวเข้าบ้านของตนเองและลูกหลาน ส่งผลให้ลูกต้องทำตามและพลอยเกลียดเพื่อนไปด้วยเลยทีเดียว เรียกว่าครบสูตรคอร์สล้างสมองกันเลยทีเดียว
จึงอาจกล่าวได้ว่า พ่อแม่คือครูคนแรกของลูกและถ้าครูสอนหรือชี้นำแต่สิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร อีกทั้งคอยแต่ยุยงให้เกิดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แม้แต่ในครอบครัวของตนเอง ก็เท่ากับว่าครอบครัวคือสถาบันแรกๆที่ปลูกฝังจิตสำนึกอันเลวทรามให้กับทรัพยากรมนุษย์และเจตนาบ่อนทำลายความมีคุณภาพชีวิตและจิตใจของคนในชาติ อันจักนำมาซึ่งปัญหาเรื้อรังของสังคมในแง่มุมของความเสื่อมถอยซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมของสังคมในอนาคตกันเลยทีเดียว
หากคุณมีวิธีที่น่าสนใจสามารถนำเสนอเพิ่มเติมได้ เผื่อบางทีอาจจะทำให้เพื่อนมนุษย์ได้มีหัวใจที่แช่มชื่นรื่นรมย์ขึ้นมาได้บ้าง ขอเชิญได้นะคะ
โฆษณา