9 พ.ค. 2022 เวลา 11:05 • ความคิดเห็น
1) ผมขอเรียกยุคใหม่ “next normal” ว่าเป็น “โลกาภิวัฒน์ภาคคำ่” หรือ “โลกาภิวัตน์ยุคมืด!” ครับ
ถ้าจะให้ใช้คำตรงๆก็คงเป็น “sanction era” หรือ ยุคแห่งการ “คว่ำบาตร” นั้นเอง
เพราะเหตุผลใดละครับ?
ก็เพราะว่าถ้าคนเรา “คบกันด้วยใจ” ก็สามารถคบกัน “จนวันตาย” แต่หาก “คบกันเพราะผลประโยชน์ลงตัว” หากเมื่อใด “ขาดดุลผลประโยชน์” ต่างฝ่ายก็ตีจากกัน หรือถึงขั้นประกาศสงคราม!!!
2) “จีนกับออสเตรเลีย”
สมัยก่อนโน้น จีนพึ่งพาถ่านหินจากออสเตรเลีย ไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อดำรงตนเป็น “โรงงานของโลก” ทำให้จีนมั่งคั่งเซ็งลี้ฮ่อ!
แล้วนักเรียนจีนก็มาเรียนต่อที่ออสเตรเลียเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวของออสเตรเลียนับเงินกันจนเครื่องนับเงินแบตเตอรี่หมด!
พอจีนเริ่มรวยขึ้น ประกอบกับเรื่องมลพิษจากการใช้ถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้า จึงทำให้จีนเริ่มลดปริมาณการนำเข้าถ่านหินลง
ไหนจะช่วง Covid-19 ที่จีนและออสเตรเลียไม่ค่อยจะคุยกันถูกคอเหมือนแต่ก่อนเพราะเศรษฐกิจออสเตรเลียเสียหายอย่างมหาศาลจากการต้องปิดประเทศ
สุดท้าย ณ เวลานี้ มีข่าวทีวีที่ผมผ่านๆหูมาว่า จีนกำลังจะสร้าง “ฐานทัพ” แถวๆ หมู่เกาะใน Pacific ชนิดหายใจรดต้นคอออสเตรเลียได้เลย!
แล้วห่วงโซ่อุปสงค์อุปทาน และความเป็นโลกาภิวัตน์จะเป็นอย่างไรละครับ?
3) “ลุงแซมกับซาอุดีอาระเบีย”
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอย่างแนบแน่นในช่วงที่ตระกูล “บุญ” นั่งอยู่ในทำเนียบขาว
เนื่องด้วยเงินที่ได้จากการค้านำ้มันของซาอุไหลเข้ามาลงทุนในเมืองลุงแซมอย่างมหาศาล
แล้วดูตอนนี้สิครับ ผมเห็นในข่าวว่า ซาอุรับชำระค่านำ้มันของเขาเป็นเงิน “หยวน”!
3) “Quad Nation”
เมื่อ “คุณลุงแซม, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, และ อินเดีย” รวมตัวกันเพื่อคานอำนาจ “จีน”!
4) “ภูมิรัฐศาสตร์”
โฆษณา