9 พ.ค. 2022 เวลา 16:13 • การตลาด
จริงๆแล้ว “เจ๊เกียว” ไม่ได้ขาดทุนเพราะพิษโควิดและค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
เชื่อว่าหนึ่งในหญิงแกร่งของไทยที่ต่อสู้ผ่าฟันอุปสรรคจนเติบโตมาได้ หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “เจ๊เกียว” นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่ง และเจ้าของกิจการอู่ต่อรถทัวร์และบริษัทเดินรถเชิดชัย
“เจ๊เกียว” ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างสม่ำเสมอในเรื่องของการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงดเก็บค่าธรรมเนียมรถที่จอดนิ่ง และเก็บค่าธรรมเนียมรถเสริมเพียง 50% ให้รัฐบาลอนุญาตให้รถร่วม บขส. เข้ามาร่วมให้บริการในเส้นทางกลุ่มประเทศอาเซียน และมีอีกหลายข้อเรียกร้อง
“ยุคใหม่ฯ” เคยได้ฟังแจ๊เกียวให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ยังจำเรื่องนั้นได้ถึงทุกวันนี้ เพราะเจ๊แกเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดให้สายการบินต้นทุนต่ำเพิ่มราคาค่าตั๋วโดยสาร เนื่องจากราคารถทัวร์ทางไกลและค่าโดยสารเครื่องบินราคาใกล้กันมาก ส่งผลให้ประชาชนเลือกใช้การโดยสารทางเครื่องบินมากกว่า
เพราะเจ๊แกเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดให้สายการบินต้นทุนต่ำเพิ่มราคาค่าตั๋วโดยสาร
บอกตามตรงว่าอึ้งแบบพูดไม่ออกกับข้อเรียกร้องของเจ๊เกียว แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนเองก็จริง แต่เรื่องแบบนี้มันต้องถามว่าทำไมประชาชนต้องไปจ่ายเพิ่มในราคาตั๋วเครื่องบิน เพื่อที่จะกดดันให้มาใช้บริการรถทัวร์แทนมากกว่า
1
ที่มา จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์
แทนที่เจ๊เกียวจะมาปรับปรุงกิจการตัวเองให้สามารถแข่งขันกับสายการบินได้ กลับมาโยนภาระให้ประชาชนแทนโดยที่ตัวเองไม่ต้องปรับปรุงอะไร
1
ข่าวล่าสุดในวันจันทร์ ที่ 9 พฤษภาคม 2565 “ปิดตำนาน 65 ปี เจ๊เกียว ประกาศขายกิจการรถโดยสาร” ที่กลายมาเป็นข่าวดังอีกครั้ง เนื่องมาจากพิษโควิดและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
1
ในมุมของคนทำการตลาดและการวางแผนการตลาด เห็นได้ชัดเจนว่าเจ๊เกียวไม่ได้ขาดทุนเพราะสาเหตุข้างต้นอย่างแน่นอน แต่มาจากวิธีคิดของเจ๊เกียวเอง ที่มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากภายนอกส่งผลกระทบต่อกิจการทำให้ขาดทุนจนต้องประกาศขายกิจการที่ทำมากว่า 65 ปี
1
ที่มา TNN
จริงอยู่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งคู่แข่งที่เดิมไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งอย่างอย่างสายการบินต้นทุนต่ำ หรือว่าสถานการณ์โควิด 19 และราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต่อให้ไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็มีเหตุการณ์แบบอื่นเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะโลกเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตราบใดที่โลกยังหมุนรอบตัวแบบไม่มีวันพักผ่อน
ความเป็นจริงแล้วต่อให้ไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็มีเหตุการณ์แบบอื่นเกิดขึ้นอยู่ดี
สาเหตุที่เจ๊เกียวขาดทุนก็เพราะ “วิธีคิดที่โทษสาเหตุภายนอก” ที่ไม่มีใครจะกำหนดได้ รวมถึงไม่ได้มองลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง จนไม่ได้มามองดูว่าจะต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อที่จะทำให้มีผู้โดยสารและรายได้เพิ่มขึ้น
1
ที่ “ยุคใหม่ฯ” กล้ากล่าวเช่นนี้ก็เพราะได้ติดตามข่าวเจ๊เกียวอยู่เรื่อยๆเมื่อมีการออกข่าว ไม่เคยเห็นเลยว่าเจ๊จะกลับมาเน้นการปรับปรุงสายการเดินรถให้สามารถดึงดูผู้ดโดยสารเข้าใช้บริการอย่างเป็นรูปธรรม (หรืออาจจะมีแต่ไม่รู้ก็ได้)
สมการง่ายๆ E+R=O
E = Event หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถไปทำอะไรได้เลย
R=Respond คือการตอบสนองต่อเหตุการณ์
O= Outcome คือผลลัพธ์ที่ได้
จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีสิ่งเดียวที่สามารถกำหนดผลลัพธ์ได้นั่นก็คือ R หรือการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ๊เกียวเลือกที่จะตอบสนองโดยการกล่าวโทษเหตุการณ์ แทนที่จะมามองหาวิธีการที่จะตอบสนองให้ผลลัพธ์ออกมาในทางที่ดีได้อย่างไร
1
เจ๊เกียวเลือกที่จะตอบสนองโดยการกล่าวโทษเหตุการณ์
เพราะการเปลี่ยนเหตุการณ์ไม่มีทางทำได้แน่นอน ยิ่งการเปลี่ยนคนอื่นให้มาสร้างประโยชน์ต่อตนเอง ก็ต้องถามกลับไปว่าเขาเหล่านั้นจะได้อะไร ที่สำคัญเปลี่ยนคนอื่นหรือเปลี่ยนตัวเองยากกว่ากัน คำตอบเหมือนหวยล๊อค “การเปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าเยอะ”
Credit: Bhavana Learning Group
การที่จะดูว่าคนๆนั้นจะเป็นอย่างไร เราไม่จำเป็นต้องดูว่าปัจจุบันเขามีอะไร เพราะเขาอาจจะรวยล้นฟ้า ที่มาจากสถานการณ์ในอดีตเอื้ออำนวยต่อรูปแบบการดำเนินการของเขา
แต่ให้ดูวิธีคิดว่าคนๆนั้น “มองปัญหาและตอบสนองต่อปัญหาแบบไหน” เราจะเห็นอนาคตของคนๆนั้นได้ไม่ยากเลย วิธีนี้แม่นกว่านอสตราดามุสด้วยนะ
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Modernization Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
โฆษณา