10 พ.ค. 2022 เวลา 21:38 • นิยาย เรื่องสั้น
.#พระผงพรายพ่อท่านเจิมep6
เมื่อเจ้าสัวใหญ่แห่งภูเก็ตมาเยี่ยมร้าน
#เห็นพระพ่อท่านเจิมที่ตั้งอยู่มุมตู้ท่านชี้แล้วบอกขอดูหน่อย ผมหยิยส่งให้ท่านดู พอท่านกำพระท่านก็ยื่นแขนมาให้ผมดู้ แมวแลตะขนผมตั้งเลย พระชุดนี้เป็นพระผงพรายที่พ่อท่านเจิมสร้างผมก็เคยไปที่วัดมา เมื่อท่านหยิบมาพิจรณาแล้วถามว่ามีกี่องค์วันนั้นที่ร้านมีอยู่สามสิบกว่าองค์ท่านถามว่าองค์ละเท่าไหร่
ด้วยความเกรงใจในความเป็นผู้ใหญ่ใจดีของท่านผมอึกๆอักๆแล้วตอบว่าผมทำบุญมาจากวัดองค์ละร้อยครับพ่อ ท่านหันมาดูผมแล้วพูดอย่างเมตตาเราค้าขายก็ต้องเอากำไรบ้าง ผมจึงบอกท่านว่าองค์ละสองร้อยครับ ท่านตอบกลับมาว่านับดูมีกี่องค์ผมเอาหมด
#ก่อนจะลากจากท่านนายอำเภอสันทัด
ผมเรียนขออนุญาตว่าวันหน้าผมจะหาวันที่ท่านมีเวลาว่างนานๆจะได้ขอฟังเรื่องประสพการขอพระผงพรายพ่อท่านเจิมอีกซักครั้ง ท่านตอบรับผมจึงกราบลาท่านกลับมาที่ร้านพระตอนนันตั้งอยู่บนชั้นสองของโรงแรมทวินโลตัสได้พระมาวางโชว์ไว้ในตู้บางส่วน
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กระแสร์พระองพ่อจตุคามรามเทพกำลังเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว และกระจายกว้างออกไป มีเพื่อนๆพี่น้องจากส่วนกลางรวมถึงลูกค้าผู้ศรัทธาฝากให้ช่วยจัดหาวัตถุมงคลองค์พ่อจตุคามรามเทพยุคแรกทั้งปี2530และปี2432กันจนแทบไม่มีเวลาว่างจนเกือบจะลืมสืบค้นเรื่องพระผงพรายพ่อท่านเจิมต่อ
ผมมาเปิดร้านพระครั้งแรกแบบดูมาตรฐานขึ้นโดยร่วมหุ้นกับ ฮ่าว จันดี ในชื่อร้านทักษิณาศิลป์ ฮ่าวเค้าเก่งพระมาก่อนชื่อฮ่าวจันดีก็พอการันตีเรื่องความรู้เกี่ยวกับพ่อท่านคล้ายพอที่จะทำให้คนกล้าจ่ายเงินหลักหมื่นหลักแสนซื้อพระพ่อท่านคล้ายได้โดยไม่ต้องหวาดระแวง
ในยุคนั้น หลายคนเรียกผมว่าแมว ทุ่งสง แอบภูมิใจอยู่นิดๆเริ่มขึ้นชั้นมีฉายาแล้ว แต่บนแผงพระก็มีวางอยู่แต่พระย่อยๆ พระพ่อท่านแก่นพระพ่อท่านมุ่ยพระพ่อท่านเจิม ในตู้ของฮ่าวจะมีพระพ่อท่านคล้ายที่เป็นหน้าตาอยู่บ้าง แล้วก็เราทั้งสองคนยังเล่นหาพระองค์พ่อพระผงสุริยัน-จันทรา เหรียญพังพะกาฬเหรียญแสตมป์ปี2530ที่พึ่งเริ่มจะเป็นที่รู้จักของนักเล่นส่วนกลาง
โดยการเผยแพร่ข้อมูลแล้วนำขึ้นไปแจกจ่ายโดย คุณอุ๊ กรุงสยาม(นายกอุ๊) อ.บ.ต.บ้านใหม่
ในปัจจุบันที่เค้าลือกันว่า ตรงเป็นท่อ ล่อกับทุกความช่อฉล
นายกสมัยที่2 ขออนุญาตเอ่ยนาม
วันหนึ่งมีผู้ใหญ่มากๆในวงการพระเครื่องมาร่วมพิธีพุทธาภิเสกพระที่วัดพระมหาธาตุนครฯเมื่อว่าท่านก็มาเดินชมพระในร้านผม ผมแอบประหม่าเล็กน้อยเพราะรู้ว่าท่านเป็นเศรษฐีจากภูเก็ต เป็นศิษย์สายตรงวัดเขาอ้อ เป็นพ่อพระของคนวงการพระ วันเกิดของท่านทุกปีเราที่เป็นชาวแผงจรยุทธจะไปร่วมอวยพรที่บ้านท่านที่ภูเก็ตมีการเปิดแผงให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันท่านจะช่วยอุดหนุนเกือบทุกกแผงเพื่อให้ได้ค่าเดินทางค่าน้ำมัน
แถมยังมีการแจกพระรุ่นที่ท่านทำ และทุกปีพระที่ท่านแจกจะมีราคาซื้อขายกันทันที วันนี้ท่านมาถึงร้านผม ฮ่าวจันดีก็ไม่อยู่ มีแต่พระย่อยๆทั้งนั้นแต่มุมหนึ่งมีพระผงพรายสมุทร์พ่อท่านเจิมที่ผมคัดมาสวยๆวางอยู่สิบกว่าองค์
เมื่อท่านมาถึงที่ร้านผมยกน้ำมาเสริฟ ถัาผมจำไม่ผิดคณะที่มากับท่านมีพี่เสธปรีชาญ ปัจจุบันคือ พล.ร.อ.ปรีชาญ จามเจริญ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร กับคุณสมป่าตอง คุณกบภูเก็ต คนวงการพระจะเรียกท่านว่าพ่อ ขออณุญาตเอ่ยนาม พ่อ ดร.ไมตรี บุญสูง
เมื่อท่านดื่มน้ำแล้วท่านก็ถามอย่างเมตตาและเป็นกันเอง มีพระอะไรมาดูบ้าง ผมตอบแบบเขินๆวันนี้ไม่ค่อยมีอะไรครับพ่อ ท่านกวาดตาไปเห็นพระพ่อท่านเจิมที่ตั้งอยู่มุมตู้ท่านชี้แล้วบอกขอดูหน่อย ผมหยิบส่งให้ท่านดู พอท่านกำพระท่านก็ยื่นแขนมาให้ผมดู้ แลตะขนเราตั้งเลย พระชุดนี้เป็นพระผงพรายที่พ่อท่านเจิมสร้างเราก็เคยไปที่วัดมา
เมื่อท่านหยิบมาพิจรณาแล้วถามว่ามีกี่องค์วันนั้นที่ร้านมีอยู่สามสิบกว่าองค์ท่านถามว่าองค์ละเท่าไหร่
ด้วยความเกรงใจในความเป็นผู้ใหญ่ใจดีของท่านผมอึกๆอักๆแล้วตอบว่าผมทำบุญมาจากวัดองค์ละร้อยครับพ่อ ท่านหันมาดูผมแล้วพูดอย่างเมตตาเราค้าขายก็ต้องเอากำไรบ้าง ผมจึงบอกท่านว่าคิดองค์ละสองร้อยครับ ท่านตอบกลับมาว่านับดูมีกี่องค์เราเอาหมด
เมื่อท่านกลับไปแล้วผมก็คิดที่จะสืบค้นและรวบรวมพระนำมาเผยแผ่ให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น แต่ช่วงนั้นกระแสร์องค์พ่อมาแรงจริงๆจนผมต้องทำงานหาพระองค์พ่อส่งให้พี่น้องที่กรุงเทพฯจนแทบไม่เหลือเวลาคิดถึงเรื่องอื่นเลย แต่ถ้าเจอพระบูชาประจำวันของพ่อท่านเจิมสวยๆสมบูรณ์ก็จะซื้อเก็บไว้
แแปปกก
หลังจากนั้นไม่นานท่านนายอำเภอสันทัด ณ.นครมาประชุมที่จังหวัดพอเสร็จงานแล้วท่านก็แวะมาเยี่ยมผมที่ร้านพระบนโรงแรมทวินโลตัส ผมรีบทวงถามทันที ท่านครับที่บอกผมว่าจะเล่าประสพการ พระผงพรายพ่อท่านเจิมให้ฟัง ท่านว่างแล้วยัง
ท่านจึงได้เริ่ม เรื่องมีอยู่ว่าวันนึงท่านนั่งทำงานอยู่บนที่ว่าการอำเภอปากพนัง
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งขึ้นมาหาเพื่อจะจดทะเบียนหย่ากัน ด้วยความเป็นนักปกครองที่ดีท่านก็เริ่มไกล่เกลี่ย สอบถามสาเหตุว่าทำไมต้องมาหย่าร้างกัน ทั้งสองฝ่ายเริ่มเล่าปัญหา ฝ่ายหญิงบอกว่าฝ่ายชายเปลี่ยนไปมากจากที่เป็นคนขยันขันแข็งทำแต่งานกลับกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์เมาเหล้าเข้าบ้านชอบดุด่าไม่มีเหตุผลในบ้านจึงร้อนเป็นไฟ
ฝ่ายชายก็บอกว่าเมียเปลี่ยนจากคนที่เอาใจไส่ดูแลในบ้านมาเป็นคนจู้จี้จุกจิกขี้บ่นหาเรื่องทะเลาะอยู่ตลอดหลังจากที่ขาดทุนนากุ้งมา เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้ว ท่านพยายามประวิงเวลาบอกว่าให้กลับไปคุยกันใหม่ซักครั้งพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก แล้วถ้ายังยืนยันว่าจะหย่ากันก็มาอีกหนึ่งสัปดาห์ผมจะจดทะเบียนหย่าให้
ก่อนแยกกลับไปท่านเรียกฝ่าภรรยาเข้ามาพบอีกครั้งแล้วถามว่าถ้าสามีกลับมาเป็คนเดิมยังจะอยากอย่าอีกมั๊ย ทางภรรยาบอกว่าไม่เพราะสงสารลูกและแต่ก่อนแกก็เป็นคนรักครอบครัว ท่านจึงล้วงพระผงพรายพ่อท่านเจิมที่เก็บอยู่ในลิ้นชักส่งให้แล้วบอกว่าให้กาดพ่อพรายแม่พรายไส่โอ่งน้ำในบ้านไว้ขอให้บ้านอยู่เย็นเป็นสุขลองไปทำดูไม่ต้องบอกสามี
อำเภอปากพนังสมัยนั้นท้องที่ที่ห่างออกไปจะยังไม่มีระบบะถถถะถภภภะปาหมู่บ้าน น้ำจืดจะค่อนข้างจำเป็นทุกบ้านจึงมีโอ่งใหญ่ๆไว้เก็บน้ำฝนบ้านละหลายๆใบโดยเฉพาะย่านที่ทำนากุ้งริมทะเลออกไป รอฟังข่าวอยู่จนเลยสัปดาห์แล้ว ผัวเมียคู่นี้ก็ยังไม่กลับมาหาให้จดทะเบียนหย่าให้ จนเวลาผ่านไปท่านมีโอกาสได้ผ่านไปงานสังคมย่านนั้นจึงเรียกหาและสอบถามฝ่ายภรรยาดู
แก่เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เอาพระผงพรายพ่อท่านใส่ในโอ่งน้ำในบ้านก็สงบสามีก็ค่อยๆลดเหล้าไม่ใช้อารมณ์ดุด่าเหมือนแต่ก่อน ที่เคยขาดทุนนากุ้งก็ดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนมาเป็นทำนากุ้งแบบธรรมชาติ
เนื้อเรื่องทั้งหมดนี้บันทึกจากการบอกเล่าฉะนั้นจึงต้องใช้วิจารณะญาณในการอ่าน ต้องขออภัยทุกชื่อที่ผมเอ่ยถึงเพราะผมต้องการนำเสนอในรูปแบบสารคดีมากกว่านิยาย
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ...
โฆษณา