11 พ.ค. 2022 เวลา 03:58 • ประวัติศาสตร์
ความยิ่งใหญ่ที่ดับสูญของ “พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar)”
1
“พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar)” ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) และนับเป็นจุดสิ้นสุดของเจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ที่ก่ออาชญากรรมนับพันคดี
เอสโคบาร์ เป็นที่รู้จักในฉายาว่า “ราชาโคเคน” และเป็นอาชญากรที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในต้นยุค 90 (พ.ศ.2533-2542) เขามีทรัพย์สินสูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท)
พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar)
ในปัจจุบัน “ลุซ มาเรีย เอสโคบาร์ (Luz Maria Escobar)” น้องสาวของเอสโคบาร์ ได้พยายามทุกวิถีทางในการออกมาขอโทษแทนพี่ชายผู้จากไป โดยเธอได้กล่าวว่า
“ทุกๆ วัน ฉันจะคิดถึงผู้คนที่ต้องทรมานและยังคงเป็นทุกข์เนื่องจากพี่ชายของฉัน เนื่องจากสงครามที่เขาก่อขึ้น”
ลุซ มาเรีย เอสโคบาร์ (Luz Maria Escobar)
ตั้งแต่ยุค 80 จนถึงค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) เอสโคบาร์และขบวนการของตน ได้ทำให้อัตราอาชญากรรมในโคลัมเบียสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในปีค.ศ.1991 (พ.ศ.2534) เมเดลลิน ซึ่งเป็นฐานอำนาจของเอสโคบาร์ อัตราการฆาตกรรมนั้นอยู่ที่ 381 ต่อประชากร 100,000 คน และในปีนี้ปีเดียว ก็มีคนถูกฆ่ากว่า 7,500 คน
เหยื่อของเอสโคบาร์คือตำรวจ นักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม และนักข่าว เนื่องจากคนเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้การค้ายาและขนยานั้นทำได้ยากลำบาก
ดังนั้น การวางระเบิด ลักพาตัว ทรมาน ลอบฆ่า จึงกลายเป็นสิ่งที่ปกติในอเมริกาใต้ และเอสโคบาร์ก็เคยก้าวไปไกลถึงขนาดระเบิดเครื่องบิน และทำให้คนเสียชีวิตกว่า 100 คน
หลักการของเอสโคบาร์ก็คือ “รับเงินไป ไม่เช่นนั้นก็ตายซะ”
ถึงจุดๆ หนึ่ง เอสโคบาร์ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยอันดับที่ 7 ของโลก และครอบครองตลาดโคเคนโลกกว่า 80%
แต่ถึงจะชั่วร้าย แต่เอสโคบาร์ก็ยังพยายามสร้างภาพลักษณ์ผู้ใจบุญ และทำให้เหล่าคนยากจนชื่นชอบในตัวเขา ไม่เพียงแค่ในเมืองเมเดลลิน หากแต่เป็นผู้คนทั่วโคลัมเบีย
เอสโคบาร์ได้บริจาคเงินจำนวนมากเพื่อสร้างสนามฟุตบอลและโรงยิม และยังสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน และโบสถ์อีกหลายแห่ง ทำให้คนยากจนต่างยกย่องเขา
ในงานศพของเอสโคบาร์ มีคนมาร่วมงานกว่า 25,000 คนเลยทีเดียว
โฆษณา