11 พ.ค. 2022 เวลา 08:00 • หนังสือ
Review หนังสือเล่มนี้ ตอนที่ 1
เมื่อวานได้อ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ
ยังอ่านไม่จบ แต่อ่านแล้วรู้สึกสงบอย่างประหลาด
หลายๆเรื่องที่ คุณแม่ โดโรเรส แคนนอน
ได้เขียนในนี้ หุยได้เจอกับตัวเองโดยตรง
และหนังสือ ธรรมะ หรือศาสนาหลายๆอย่าง
ไม่สามารถตอบหุยได้
.
คุณแม่โดโรเรส เป็นนักสะกดจิตบำบัด
และได้สะกดจิตบำบัด คนหลายพันคน
ตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา
และท่านได้ทำบันทึกไว้ ว่า
คนที่ได้รับการสะกดจิต ย้อนอดีตชาติได้เล่าอะไร
ซึ่งคนเกือบทุกคน ไม่ว่าจะตายแบบไหน ได้ใ้ห้ข้อมูลที่เหมือนกัน
แม้แต่คนที่ตายแล้ว กลายเป็น "ผี" ก็เล่าเหมือนกัน
สนุกมากค่ะ
1) ร่างกายของเรา อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด และวิญญาณของเรานั้น
แยกกันโดยสิ้นเชิง แต่มันมาทำงานร่วมกัน จนกลายเป็น ชีวิตของเรา จนกว่า ร่างกายนี้จะเสื่อมสภาพไป
2) เราสามารถแยกร่างกาย และจิตวิญญาณของเราออกจากกันได้ แม้เรายังไม่เสียชีวิต และทำได้ทุกคน ในช่วงเวลาที่ร่างกายของเรา หรือ อารมณ์ความรู้สึกของเราเผชิญความเจ็บปวด และทุกข์อย่างแสนสาหัส. จิตวิญญาณ สามารถ เลือกได้ว่าจะไม่รับรู้ความเจ็บปวดขนาดนั้น และดึงตัวเองออกมาได้
เหตุการณ์นี้ หุยเคยเจอกับตัวเองหลายครั้ง. หุยเคยเล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่า ตอนที่หุยคลอดลูกชายสองคน หรือทุกครั้งที่หุยไปผ่าตัด ในห้องผ่าตัด หุยอธิษฐานว่า หุยขอไม่รับรู้ความเจ็บปวดใดๆ ในการที่คุณหมอจะทำอะไรกับร่างกายของหุย
หุยจะหมดสติตั้งแต่คุณหมอยังไม่เข้าห้องผ่าตัด ยังไม่ฉีดยาใดๆ และ หุยจะฟื้นในห้องพัก เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้ว หุยจึงไม่เคยรู้ถึงความเจ็บใดๆ หรือ แม้แต่เหตุการณ์ให้ห้องผ่าตัด ก็ไม่เห็น ไม่ได้ยิน
อีกครั้งตอนที่หุยแช่น้ำแข็ง อุณหภูมิติดลบ หุยกำหนดจิตให้ไม่รับรู้ถึงสภาวะอาการเจ็บของร่างกาย รู้สึกถึงแต่ลมหายใจของตนเอง ทำให้หุยอยู่ในน้ำแข็งสภาวะ ติดลบได้เป็น 10 นาที โดยไม่รู้สึกใดๆ
หุยพยายามหาเหตุผลเรื่องนี้หลายครั้ง จนเข้าใจว่า
เราสามารถแยกตัวเอง (จิตวิญญาณ) ไม่จดจำ ไม่รับรู้ความเจ็บปวดใดๆ ของร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก หรือความคิดของเราได้
ถ้าเรายังเจ็บในเรื่องใดๆ ก็เพราะเราเลือกเองที่จะเรียนรู้ประสบการณ์นั้น
อาจจะเพื่อการพัฒนาความอดทน หรือ พัฒนาการปล่อยวางก็ได้
แต่เมื่อใด ที่เรา "พอ" กับประสบการณ์นั้น ประสบการณ์หรือเหตุการณ์นั้น จะทำอะไรเราไม่ได้อีกต่อไป แม้เราจะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม
3) ไม่ว่าสภาวะ ก่อนตาย "ร่าง"นั้น จะอยู่ในสภาพทุกข์ทรมาร น่าสยดสยองเพียงใด. แต่จิตวิญญาณของคนๆนั้น จะไม่ทุกข์ทรมาร ยกเว้น เค้า "เลือก" ที่จะเรียนรู้สภาวะนั้น เพื่อฝึกความอดทนเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของตนให้สูงขึ้น
 
แต่เมื่อเสียชีวิต จิตวิญญาณของเค้าจะยิ่งใหญ่ เป็นอิสระ และมีความสุขมาก
เพราะได้หลุดออกจากกรอบ
หรือ ข้อจำกัด คือ ร่างกายเดิม ทุกคนจะเหมือน ดำลงไปในน้ำที่มืดมิด และ ผุดทะลึ่งขึ้นมาเหนือน้ำ และ พบกับอากาศที่อบอุ่นและแสนสดชื่น
พวกเค้าจึงไม่อยากเห็นลูกหลานหรือใคร ร้องไห้เพื่อเค้า แต่กลับแสดงความยินดีที่เค้าได้หลุดพ้นจากข้อจำกัดนี้
4) หลังจากเสียชีวิต เค้าจะจดจำสิ่งที่เค้าได้ทำในชีวิตนี้ รู้ว่า ตัวเองสอบไม่ผ่านบทเรียนใด และตั้งใจว่า ครั้งหน้า จะเกิดมาใหม่ เพื่อแก้ไขบทเรียนที่สอบไม่ผ่าน (และนี่คือที่เราเข้าใจว่า มันคือ กฎแห่งกรรม)
ดวงวิญญาณที่ตายไปแล่ว เมื่อทบทวนบทเรียนว่าตัวเองสอบไม่ผ่านอะไร ดวงวิญญาณส่วนมาก จะไปพักผ่อน (เหมือนการนอนหลับที่ยาวนาน) จนกว่า จะถึงเวลาตื่นเพื่อมาเกิดใหม่ และแก้ไขบทเรียนนี้อีกครั้ง
แต่ตอนมาเกิด เค้าจะถูกทำให้ลืม และเริ่มต้นบทเรียนใหม่ ตอนมาเกิดใหม่
เรืองนี้ หุยเองก็เจอตอนนี้หุยได้ระลึกชาตืไปในอดีตชาติที่หุยเกิดมาเป็นอินเดียนแดง.
หุยเกิดมาหลายชาติแล้ว ที่หุยติดอยู่กับเรื่องนี้ คือ การที่ต่อสู้กับความเอาเปรียบ ความอยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สงครามพม่ากับไทย สงครามคนขาวกับอินเดียนแดง.
และครั้งนี้ แม้ไม่ใช่สงคราม แต่ก็เหมือนสงคราม. ความไม่เท่าเทียมของพ่อแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน ความไม่เท่าเทียมของคนเรียนเก่ง และเรียนไม่เก่ง. ความไม่เท่าเทียมของธุรกิจใหญ่และเล็ก ความไม่เท่าเทียมของการเป็นประเทศมหาอำนาจ และประเทศเล็ก
สิ่งที่หุยต้องเรียนรู้ คือ ยอมศิโรราบต่อความไม่เท่าเทียม. ความไม่เท่าเทียม คือสิ่งทีคู่กับโลกใบนี้ ไม่ว่าหุยจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม เราไม่สามารถช่วยคนได้หมด เราไม่สามารถช่วยคนที่ไม่เท่าเทียมให้ได้รับความยุติธรรม เพราะเป็นธรรมดาของโลก ที่ไม่ยุติธรรม
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มันไม่มีความยุติธรรม หรือยุติธรรม ทุกอย่างอยู่ที่การวิเคราะห์ตัดสินของเราทั้งสิ้น. หุยต้องฝึกหยุดวิเคราะห์ตัดสิน และ ฝึกที่จะมองทุกสิ่งในแบบที่มันเป็นแบบที่ไม่ต้องชอบ หรือไม่ชอบ
ในนี้ เราไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ นรกนะคะ
เพราะสวรรค์ นรก ก็คงอยู่ในโลกใบนี้แหล่ะค่ะ
และเราก็เลือกเอง ว่า เราจะอยู่ในสวรรค์ หรือนรก
เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์บางอย่างเฉพาะตน
5) ระดับการตื่นรู้ของแต่ละดวงวิญญาณไม่เท่ากัน
มันขึ้นกับว่า ตอนเกิดมา เค้ามีการพัฒนาความรู้ด้านจิตวิญญาณหรือเปล่า
และได้ฝึกปฎิบัติ ความอดทน การระงับความต้องการ
และเอาชนะบททดสอบแห่งชีวิตมากแค่ไหน
ในโลกแห่งจิตวิญญาณ เต็มไปด้วยองค์ความรู้
ที่ทำให้เรามองผ่านมายาของโลกได้
แต่จิตวิญญาณแต่ละดวง อาจจะฝึกมาไม่เท่ากัน
ไว้จะมาเล่าอีกค่ะ ใครสนใจเรื่องพวกนี้
ไปอ่านนะคะ
จะได้เลิกกลัวตายกันซะที
โฆษณา