12 พ.ค. 2022 เวลา 02:33 • ปรัชญา
เยี่ยเต๋อเสียน กับบทบาทที่ทำเธอประสบความสำเร็จตลอดชีวิต
สำหรับนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีบทบาทนึงที่สร้างภาพจำ ทำให้ผู้คนไม่อาจลืมเลือน อาทิ บทชอลิ้วเฮียงของเจิ้งเส้าชิว จั่นเจาของเหอเจียจิ้ง ซุนหงอคงของจางเหว่ยเจี้ยน หรือบทเปาบุ้นจิ้นของ จิน เชาฉฺวิน แต่มีบทบาทหนึ่งที่ทำให้นักแสดงอย่าง เยี่ยเต๋อเสียน ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตการแสดงและในชีวิตจริง
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา นับว่าเป็นวันแม่ของคนฮ่องกง ดาราฮ่องกงหลายต่อหลายคนต่าง ลงรูปตนเองกับแม่ ทางหลิวเต๋อหัวเองก็ลงรูปใบหนี่ง คือรูปของเขากับ เยี่ยเต๋อเสียน นักร้องนักแสดงชื่อดัง ผู้เป็นแม่บุญธรรมของเขานั่นเอง
หลายท่านคงทราบดีว่าถนนนสายบันเทิงของ “หลิวเต๋อหัว” ไม่ได้ราบรื่นนัก ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นหนี้กว่า 40 ล้านเพราะทุ่มเทกับการสร้างภาพยนตร์และไม่ประสบความสำเร็จ ในตอนนั้นเขาก็ได้มีโอกาสพบผู้มีพระคุณมากมาย จนต่อมาเขากลับมายืนได้อีกครั้งหนึ่ง เขาก็ไม่เคยลืมบุญคุณของคนที่ยื่นมือมาช่วยเขาในตอนนั้น และหนึ่งในบุคคลที่ทำให้หลิวเต๋อหัว รู้สึกขอบคุณที่สุดก็คือ เยี่ยเต๋อเสียน
เยี่ยเต๋อเสียน ได้มีโอกาสแสดงละครเรื่อง มือปราบเจ้าอินทรี (The Emissary /1982) โดยมีพระเอกหน้าใหม่ถอดด้ามของทีวีบีในยุคนั้น ชื่อ หลิวเต๋อหัวมารับบทพระเอกเป็นครั้งแรก เยี่ยเต๋อเสียนรู้สึกถูกชะตากับนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ผู้มากมารยาท และมีสัมมาคารวะอย่างประหลาด คล้ายเคยผูกพันเป็นแม่ลูกกันมาแต่ปางก่อน เธอสอนการแสดงให้กับเขา วิธีการใช้ชีวิตในวงการบันเทิง
เยี่ยเต๋อเสียน เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการร้องเพลงของหลิวเต๋อหัว และ เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้เขาขึ้นสู่การเป็นนักร้องจตุรเทพ ผู้ยิ่งใหญ่
หลิวเต่อหัวเองก็ผูกพันกับเยี่ยเต๋อเสียนอย่างลึกซึ้ง เขายกให้เธอเป็นแม่บุญธรรมของเขา เขาเรียกเธอว่าแม่อยู่ในทุกคำ ในตอนพานพบกันครั้งแรก เยี่ยเต๋อเสียน อายุ 35 ปี ส่วนหลิวเต๋อหัว อายุ 21 ปี ทั้งคู่อายุห่างกันเพียง 14 ปี การเรียกหากันเช่นนี้นับว่าสร้างความประหลาดใจต่อคนรอบข้างไม่น้อย (ก็แหงล่ะขอรับ เพราะ อลัน ทัม ที่ อายุมากกว่า หลิวเต๋อหัว 11 ปี ยังมาแสดงภาพยนตร์เป็นเพื่อนกันได้อยู่เลย)
ในช่วงต้นยุค 90s หลิวเต๋อหัวเปิดบริษัทสร้างภาพยนตร์ Teamwork Motion Pictures โดยสร้างภาพยนตร์เรื่องแรก อย่าง ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ เราเลยไม่ยอมตาย (Saviour Of The Soul /1991) แล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
แต่หลังจากนั้น บริษัทภาพยนตร์ในฮ่องกง ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ภาพยนตร์ถูกสร้างมาสัปดาห์ละกว่าสิบเรื่อง บริษัท Teamwork Motion Pictures เริ่มประสบปัญหาการขาดทุน
จนท้ายที่สุดมีหนี้เสียกว่า 40 ล้านเหรียญ
ในช่วงเวลานั้น หลิวเต่อหัวแทบจะมืดแปดด้าน แต่เป็น เยี่ยเต๋อเสียน แม่บุญธรรม นำเงินส่วนตัวมาช่วยเหลือ และแนะนำแหล่งการเงินมาประครองธุรกิจบริษัทภาพยนตร์ ให้กับเขา จนเขาผ่านพ้นวิกฤตมาได้
ในช่วงยุค 2000 ในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ หลิวเต๋อหัว นับว่าเป็นผู้สร้างที่ประสบความสำเร็จในระดับต้นๆของฮ่องกงและจีน นั่นก็ถึงเวลาที่เขาจะสามารถตอบแทน เยี่ยเต๋อเสียน แม่บุญธรรมของขาได้แล้ว
เยี่ยเต๋อเสียน อยู่ในวงการแสดงมาหลายปี เธอเคยเปรยว่าชีวิตการแสดงของเธอเป็นดั่งไม้ประดับส่งให้ลูกชายเติบโตและงดงามได้ก็นับว่าเป็นความภูมิใจในชีวิตของเธอแล้ว หลิวเต๋อหัวได้ฟังดังนั้น เขาก็คิดว่าจะสร้างภาพยนตร์สักเรื่องนึง ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของ หญิงชายที่ไม่ได้มีความผูกพันทางสายเลือดแต่มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งราวกับแม่และลูก
A Simple Life(2011) เป็นภาพยนตร์ที่หลิวเต๋อหัวอำนวยการสร้าง โดยให้แอน ฮุย(ผู้กำกับผลงานแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ของหลิวเต่อหัว ในเรื่อง Boat People 1981)
กำกับ เรื่องราวเกี่ยวกับแม่บ้านวัยชราและนายน้อย ที่มาคอยดูแลเธอยามแก่ ซึ่งเป็นเนื้อสะท้อนความสัมพันธ์ของหลิวเต๋อหัวและ เยี่ยเต๋อเสียน เอง ในงาน Golden Horse Awards ปี 2011 ที่ A SIMPLE LIFE ได้ทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม(แอน ฮุย) รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม(หลิวเต๋อหัว) รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม(Deanie Ip) รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม(ซูซาน เฉิน)
หลิวเต๋อหัวได้คุกเข่าต่อหน้าเธอ ซึ่งทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องซาบซึ้ง และเสียงปรบมือกึกก้องไปทั่วทั้งงานประกาศรางวัล โดยหลิวเต๋อหัวบอกว่า เยี่ยเต๋อเสียน สมควรจะได้รับการเคารพในครั้งนี้จากเขา ด้วยการคุกเข่า
เยี่ยเต๋อเสียนอยู่ในวงการนานนับ 40 ปี เธอไม่เคยได้รับรางวัลใหญ่ทางการแสดงอย่างนี้มาก่อน และเธอก็ได้รับมันจากลูกชายของเธอเองในวัย 63 ปี เป็นช่วงวันเวลานึงที่เธอมีความสุขที่สุดที่ได้รับจากลูกชายที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ
ต้นไม้ต้นเล็กตันนึงเติบโตขึ้นมาใต้เงาไม้ใหญ่ วันนึงต้นไม้เล็กๆต้นนั้นก็ได้เติบโตขึ้นมาสูงใหญ่ และแผ่กิ่งก้านปกคลุมให้ร่มเงากับต้นไม้ต้นแรกที่เคยเป็นร่มเงาคุ้มกันแดดฝนแก่ต้นไม้น้อยๆที่กำลังโรยรา
ชีวิตส่วนตัวของเยี่ยเต๋อเสียน เธอแต่งงานตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี มีลูก 2 คน ภายหลังสามีของเธอมีภรรยาน้อยทำให้เยี่ยเต๋อเสียนตัดสินใจหย่าขาดกับสามีของเธอในปี 1980 ลูกๆของเธอทั้งสองได้ย้ายไปอยู่อเมริกา โดยทอดทิ้งแม่ของพวกเขาที่ฮ่องกง จนเธอกลายเป็นหญิงชราวัย 60 กว่า ที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวคนเดียวเพียงลำพัง แต่โชคดีที่ยังมีหลิวเต๋อหัวผู้ที่เสมือนลูกบุญธรรม ซึ่งหลิวเต๋อหัวได้ประกาศว่า
“ตราบใดที่แม่บุญธรรมยังมีชีวิตอยู่ ผมก็จะเลี้ยงเธอไปชั่วชีวิต”
เยี่ยเต๋อเสียน สร้างบทบาทแม่ที่น่าจดจำมากมายในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ และเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 แต่บทบาทเดียวที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จไปได้ตลอดชีวิต คือ บทบาทแม่ของผู้ชายที่ชื่อว่า หลิวเต่อหัว
ขอขอบคุณบทความจาก
บรรเจิดเริดสเเมนเเตน มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
โฆษณา